จะเรียกความทรงจำ หรือความฝังใจ เด็กๆทุกคนเคยมี... ความฝังใจเด็กเบบี้บูมรุ่นผม...มีแค่หมู่เค็มหมู่สิทธิ์จับบ่อนไพ่...แถวศาลอาม้า ปากอ่าวแม่กลองใกล้บ้านแต่เด็กรุ่นอาจารย์ “กาญจนาคพันธุ์” เดาว่าราวๆ ร.5-ร.6 ตำรวจสมัยนั้นชาวบ้านเรียก “ปูลิศ” มีภาพฝังใจไปอีกอย่าง (นิตยสาร ปาริชาต พ.ศ.2492 รวมสาส์น รวมเล่มพิมพ์ คอคิดขอเขียน เล่ม 2 พ.ศ.2514)อาจารย์เริ่มเรื่องว่า ตามถนนดูเหมือนจะมีปูลิศเฝ้า จำไม่ได้ว่าเฝ้าอยู่แถวไหน...ได้ยินจากพวกผู้ใหญ่ พูดกันเป็นกลอนสักวา...“สักวาพวกเราเหล่าปูลิศ สิ้นคิดแล้วหรือเจ้าเฝ้าถนน ขาดยามนายเขาตามมาเฆี่ยนก้น เดินบ่นพึมพำ...”จำตามประสาเด็กๆได้แค่นี้ แล้วก็พอจำได้ต่อ เคยลูบหมวกปูลิศ หมวกนั้นเป็นหมวกฟางที่ไม่มีปีก ทำด้วยผ้าขนหยาบๆสีดำ มีจุดกลมสีแดงติดอยู่ข้างบนพูดง่ายๆรูปร่างก็ครกตำข้าวเราดีๆนี่แหละ ย่อส่วนให้เล็กลง ได้ที่แล้วติดจุกกลมสีแดงที่ก้น เอาคว่ำครอบลงบนหัว ก็กลายเป็นหมวกปูลิศทันทีส่วนเครื่องแบบปูลิศแต่งอย่างไร นึกไม่ออก แต่จำกลอนบทละครปรีดาลัยของกรมพระนราฯได้บทหนึ่ง“หัวแดงแข้งดำประจำถนน คอยคำนับจับคนที่ทำผิด...”กลอนบทนี้ทำให้นึกความได้ หน้าที่ตำรวจสมัยนั้น...ชัดเจน เฝ้าถนนจับคนทำผิดแข้งดำหมายถึงปูลิศมีผ้าพันแข้งสีดำ สีเดียวกับหมวกที่มีจุกแดง ผ้าพันแข้งนี้ พวกผู้ใหญ่เขาเอามาล้อกันว่า เป็นอาวุธสำคัญคู่ใจปูลิศยิ่งกว่าอะไรหมดเวลาปูลิศไล่จับผู้ร้าย ถ้าผู้ร้ายตัวโตกว่า กว่าจะจับได้ ผ้าพันแข้งก็หลุดแล้วหลุดอีก เพราะปูลิศต้องมัวแต่พันผ้าหน้าแข้ง จนผู้ร้ายขี้เกียจคอยให้จับ...แต่ถ้าผู้ร้ายตัวเล็กกว่า...ปูลิศก็ไล่จับได้ง่ายๆ ถ้าพันแข้งไม่ทันหลุดและทีนี้...ปูลิศก็แก้ผ้าพันแข้งออกมา ใช้มัดมือมัดแขนผู้ร้ายจนอกแอ่นเรื่องผู้ใหญ่เล่าเหล่านี้ เด็กๆจึงพลอยได้รู้ ปูลิศสมัยนั้น...ยังไม่มีปืนเป็นอาวุธประจำกาย...อาวุธสำคัญ ก็คือผ้าพันแข้งสีดำเด็กๆสมัยนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ นั่นเป็นเครื่องแบบพลปูลิศ หรือไม่... ส่วนนายปูลิศ ถ้ามีจะแต่งเครื่องแบบอย่างไร ก็ยังไม่เคยเห็น ด้วยเพราะฝังใจว่า หมวกดำจุกแดงของปูลิศนั้น ทั้งโก้ทั้งเก๋ฟื้นความจำถึงตรงนี้ “กาญจนาคพันธุ์” ก็แขวะไปถึงนายตำรวจดังๆ ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าว เมื่อราวๆปี 2492 ที่เรียกกันว่า“อัศวิน” ถ้าแต่งเครื่องแบบปูลิศรุ่น หมวกดำจุกแดง คงจะดูเด่นเฉิดฉายไปทีเดียวยังมีความทรงจำ ถึงปูลิศข้างๆบ้าน ปูลิศมืด มีหน้าที่สอบสวนคดีสำคัญเหมือนตำรวจฝรั่งเอฟบีไอ ฟอร์มปูลิศมืดที่เห็น นุ่งกางเกงแพรดำ ใส่เสื้อยืดชั้นในขาว มีผ้าขาวม้าไส้ปลาไหลเคียนพุง หนีบไม้ตะพด ไม้เป็นปล้องๆเลี่ยมเงินพวกเด็กๆไม่รู้หรอก เขามีหน้าที่ผิดกับปูลิศเฝ้าถนนอย่างไร แต่เวลาที่เห็นเขาโดยมาก มักเป็นเวลามืดๆฟอร์มนักเลงโต ก็เกิดไปเหมือนกับ ฟอร์มปูลิศมืด...นุ่งกางเกงแพรดำ ใส่เสื้อยืดชั้นในขาว มีผ้าขาวม้าไส้ปลาไหลคาดพุง...ทุกอย่าง ตอนเจอดูไม่ออก คนไหนปูลิศมืด คนไหนนักเลงโตผมตั้งใจฉายภาพปูลิศหัวแดงแข้งดำ สมัยร้อยปีที่แล้ว...มีหน้าที่เฝ้าถนนจับคนผิด จับได้แล้วเอาผ้าพันแข้งมัด...เอาไปเข้าคุก...โก้...มากสง่ามีราศีมากต่างจากตำรวจสมัยนี้ คดีกำนันสั่งมือปืนยิงนายตำรวจตาย นอกจากตำรวจอีกนับสิบไม่ช่วยกันจับ...ยังช่วยกันทำลายหลักฐาน เจ็บจี๊ดเข้าหัวใจ ปืนกระบอกที่ยิงเป็นปืนสวัสดิการตำรวจที่ตำรวจช่วยซื้อมาให้มือปืนผมนึกอะไรไม่ออก นึกได้แต่คำชาววัด สมภารไม่ดี หลวงชี สกปรก ก็เมื่อสมภารทำผิดติดคุกไม่เป็น จะไปหวังอะไรกับกระบวนการยุติธรรม ระดับตำรวจกับกำนันในบ้านเมือง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม