ในกระบวนสัตว์เลี้ยง มนุษย์เลี้ยงไก่มากกว่าสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เลี้ยงไว้กินตัว เลี้ยงไว้กินไข่ เลี้ยงไว้ดูเล่น เลี้ยงไว้เป็นไก่ชน เล่นการพนัน ฯลฯความใกล้ชิดนั้น มนุษย์จึงสังเกตเห็นกิริยาอาการต่างๆของไก่ จะพูดอะไรก็มักชอบเอาไก่มาใช้เป็นสำนวน...“กาญจนาคพันธุ์” บอกไว้ในหนังสือ “สำนวนไทย” มนุษย์ทั้งโลก ใช้ไก่เป็นสำนวนมากที่สุดคำร้องเล่น ที่เด็กๆรุ่นผมจำได้ “ไก่เอ๋ยไก่ เลี้ยงลูกจนใหญ่ไม่มีนมให้ลูกกิน ลูกร้องเจี๊ยบๆ แม่ก็เรียกไปคุ้ยดิน ทำมาหากินตามประสาไก่เอย” ตอนที่ร้อง ก็ไม่นึกถึงสำนวน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ สักเท่าไหร่ นึกได้ตอนนี้ ก็อดยิ้มไม่ได้ รู้จักไก่ดี แต่จะมีสักกี่คน..ที่รู้ว่านมไก่มีหรือไม่ ถ้ามี อยู่ที่ไหนในสำนวนเกี่ยวกับไก่..สำนวนหนึ่ง..ไก่แก่แม่ปลาช่อน ซึ่งมีความหมายมากไปด้วยมายาเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ กาญจนาคพันธุ์ สอบค้นจากหนังสือเก่าๆแล้วแน่ใจ สำนวนเดิม ไม่ใช่ “ไก่แก่” แต่เป็น “กระต่ายแก่”พระนิพนธ์คาวีในรัชกาลที่ 2 ตอนพระคาวี ตามไปง้อนางคันธมาลี..“ไม่พอที่ตีวัวกระทบคราด สัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน..” ในพระอภัยมณี สุนทรภู่ ก็เขียนให้พระอภัยมณี แดกดัน นางสุวรรณมาลี กับนางละเวงกระต่ายแก่แต่ละคนล้วนกลมาก ทั้งฝีปากเปรื่องปราดฉลาดเฉลียวว่าไปถึงชาติอื่น แขกออสมันลี ก็มีสำนวน “บอกกับกระต่ายว่า แน่ะภูเขามันโกรธแก กระต่ายตอบว่า แต่ดิฉันไม่โกรธเขานี่..” แขกแอฟริกาก็มีสำนวน “กระต่ายว่า ดื่มมันทุกสิ่งกัดมันทุกอย่าง แต่อย่าพูดอะไรเลย”สำนวนนี้คล้ายกระต่ายแก่ ที่เชคสเปียร์ เขียนไว้ในบทละคร โรเมโอและจูเลียต“ไม่ใช่กระต่ายดอกนาย หรือถ้าจะเป็นก็เพียงกระต่ายในขนม ที่ออกจะจืด และราขึ้นเสียก่อนจะกินหมด”ในสมัยเชคสเปียร์ เรียกหญิงนครโสเภณีว่า กระต่ายชัดเจน คำ “กระต่าย” คนรุ่นเก่าไม่ว่าชาติเราหรือชาติใด..ใช้ในความหมายถึงผู้หญิงไม่ดีมนุษย์ รู้ธรรมชาติของกระต่ายมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อแก่แล้วมีเล่ห์กลมาก จึงเอามาเปรียบกับผู้หญิงอายุยิ่งมาก เล่ห์เหลี่ยมก็มากขึ้นเมื่อพูดๆกันไปตามนิสัยคนไทยที่ชอบพูดถึงอะไรๆที่สั้นๆ คำกระต่ายจึงเพี้ยนไปเป็นไก่ความคล่องปาก ความลื่นลิ้น ไม่สะดุดให้มนุษย์คิด ไม่ยุติธรรมกับไก่..เพราะธรรมชาติของแม่ไก่ ที่คุ้นตาคุ้นหูกันนั้น ก็ซื่อๆใสๆ แค่ “แม่ก็เรียกไปคุ้ยดิน ทำมาหากินตามประสาไก่..”มนุษย์ผลักไสไก่เหมือนที่เคย มีเรื่องที่มนุษย์ทำอัปรีย์จัญไร..แต่ก็โยนให้ไก่ ทำพิธี “ทำเคล็ดเด็ดหาง (ไก่) แล้วเอาไก่ไปปล่อยทิ้งในวัด”..นั่นแล!มาถึง “แม่ปลาช่อน” ที่เข้าใจกันตามสำนวน..มีพิษสงร้ายถึงกัดคนตาย..โบราณสอนไว้ในโคลง “งูเห่ากลายเป็นปลาอย่าต้อง” เชื่อกันจนมีคำเรียกว่า “งูเห่าปลาช่อน”ผมเคยพยายามค้นคำ งูเห่าปลาช่อน หาในหนังสือไม่ได้ จึงไม่รู้ว่า งูเห่าปลาช่อนมีจริงๆหรือไม่“กาญจนาคพันธุ์” เฉลยความจริงเรื่องนี้ว่า ปลาช่อนตามธรรมดา ไม่ดุ ไม่ทำร้ายมนุษย์ จนเมื่อแก่เป็นแม่ปลาวางไข่แล้ว..ก็จะหวงไข่มาก ดุร้ายมาก กัดคนถึงตายได้ปลาช่อนหวงไข่ธรรมชาติของแม่ๆที่รักลูก..รวมกับคำ“ไก่แก่” แม่ไก่ที่รักลูก ถูกรวบใช้เป็น ไก่แก่แม่ปลาช่อน...เรื่องดีๆของสองสัตว์ที่น่ารัก ก็ถูกเปลี่ยนใช้เป็น สัตว์น่าเกลียดน่ากลัวมนุษย์การเมืองหน้าไหว้หลังหลอกจับมือกันได้ กำลังอุปโลกน์ให้พรรคการเมือง ที่ชาวบ้านเลือกมากที่สุด..เป็นไก่แก่แม่ปลาช่อน..เป็นภัยแบบใหม่ หรือว่า! นิสัยมนุษย์เป็นเช่นนี้.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม