เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี่เอง ในขณะที่ผู้คนจำนวนหนึ่งบ่นกระปอด กระแปดว่า จนป่านนี้เรายังตั้งรัฐบาลใหม่กันไม่ได้ เวลาผ่านไปเกือบ 70 วันแล้วนะ เมื่่อไรจะตั้งได้เสียที?เพจ “อีจัน” ก็ไปหยิบสถิติโลกที่บันทึกไว้ โดย กินเนสส์บุ๊กออฟ เรกคอร์ด มาแจ้งให้ทราบว่า ที่เรารอมาเกือบ 70 วันนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะจากสถิติที่ กินเนสส์บุ๊ก บันทึกไว้ ปรากฏว่า ประเทศที่ทำสถิติไว้ยาวนานที่สุดของโลก ได้แก่ ประเทศ เบลเยียม นั่นเอง“อีจัน” สรุปให้เห็นชัดเจนโดยไล่จากใช้เวลานาน อันดับ 5 ไปถึงอันดับ 1 ดังนี้5. สวีเดน 134 วัน (ไม่ระบุ พ.ศ. หรือ ค.ศ.), 4. เยอรมนี 136 วัน (เมื่อ พ.ศ.2560 นาง อังเกลา แมร์เคิล ชนะเลือกตั้งได้คะแนน 33 เปอร์เซ็นต์ กว่าจะเจรจาได้สำเร็จ ต้องใช้เวลาถึงกว่า 4 เดือน), 3. เนเธอร์แลนด์ 225 วัน (หลังการเลือกตั้ง 2560) 2. สเปน 315 วัน หลังการเลือกตั้งปี 2558แล้วก็มาถึง “แชมป์” หรืออันดับ 1 ได้แก่เบลเยียมเมื่อปี พ.ศ.2553 ใช้เวลาเจรจายาวนานมากถึง 541 วัน!ผมต้องขอขอบคุณ เพจ “อีจัน” ที่นำสถิติทั้งหมดนี้มาเผยแพร่ เพราะตรงกับที่ผมจะเขียนถึงเพื่อเป็นกรณีศึกษาอยู่เหมือนกันคือจะเขียนถึง เบลเยียม แชมป์โลกจัดตั้งรัฐบาลช้านี่แหละครับ เพียงแต่ผมจะใช้ข้อมูลใหม่ล่าสุด ที่เป็นปัจจุบันสุดของเบลเยียมเป็นที่ตั้ง ถือเป็นการต่อยอดจากเพจ “อีจัน” ก็แล้วกันถูกต้องแล้วครับ ที่เบลเยียมเคยทำสถิติใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลยาวนานที่สุดถึง 541 วัน เมื่อปี พ.ศ.2553 หรือ 2010 ดังที่เพจ “อีจัน” รายงานไว้แต่ล่าสุดเมื่อ ค.ศ.2019 หรือ พ.ศ.2562 นี่เองหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่จบลงผลออกมาคะแนนเสียงสูสีไม่มีพรรคใดในเบลเยียมชนะได้คะแนนเสียงข้างมากโดยเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่งขณะเดียวกันการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมก็ไม่มีใครยอมใครจนต้องใช้เวลาถึง 652 วัน หรือเกือบ 2 ปี ก่อนที่จะยอมรับหัวหน้าพรรคโอเพ่นเฟลมบิซ ลิเบอรัล คุณ อเล็กซานเดอร์ เดอ ครู ขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่สถิติ 652 วัน จึงเป็นสถิติโลกใหม่ของเบลเยียมทำลายสถิติเดิมปี 2553 หรือ 2010 ที่เบลเยียมทำไว้เอง 541 วันลงอย่างราบคาบเมื่อประมาณต้นเดือนสิงหาคมปี 2020 หนังสือพิมพ์ในเบลเยียมต่างก็พาดหัวข่าวว่าประเทศตนทำลายสถิติ “ไร้รัฐบาลใหม่” ที่ตนเองทำไว้สูงสุดของโลกเรียบร้อยบ้างก็เสนอบทความว่าการไร้รัฐบาลใหม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เพราะมีรัฐบาลเก่ารักษาการอยู่ งานก็ยังเดินไปตามปกติ ประชาชนก็ยังทำงานตามปกติ เรียนหนังสือตามปกติ ฯลฯในขณะที่ก็มีศาสตราจารย์ที่สอนวิชารัฐศาสตร์และการเมืองบางท่าน รวมทั้งอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ด้วย เสนอความเห็นสอดคล้องกันว่าอาจมีผลเสียที่มองไม่เห็นและประมาณค่ามิได้ เกิดขึ้นจากการที่ไม่มีรัฐบาลใหม่มาตัดสินใจในเรื่องสำคัญอยู่บ้างในระยะยาวต่อมาโลกเราก็เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกล้มตายจำนวนมาก โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่มีข่าวว่าเบลเยียมทำลายสถิติโลกของตนเอง กรณีตั้งรัฐบาลช้าไปเรียบร้อยนั้น...สถานการณ์โควิด-19 ของเบลเยียมค่อนข้างหนักมาก มีผู้เสียชีวิตถึง 10,000 คนหลายๆฝ่ายจึงสรุปว่าโควิด-19 น่าจะมีส่วนบีบรัดทำให้การเจรจาต่อรอง จัดตั้งรัฐบาลผสมรวดเร็วขึ้น และในที่สุดก็ได้ คุณ อเล็กซานเดอร์ เดอ ครู มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 1 ตุลาคม ปี 2020 หรือพ.ศ.2563 มาจนถึงปัจจุบันผมก็เอาเรื่องราวของเบลเยียมมาฝาก เผื่อจะช่วยปลอบประโลมใจได้บ้าง หากการเจรจาตั้งรัฐบาลของเราจะยืดเยื้อออกไป ก็ขอให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาโลก และประเทศที่ยกตัวอย่างข้างต้น ทั้งเบลเยียมและอื่นๆ ก็เป็นประเทศประชาธิปไตยทั้งสิ้นในกรณีของเรานั้น หากการมีรัฐบาลเร็ว จะทำให้บ้านเมืองแตกแยกมากขึ้น เราก็คงต้องยอมช้าเอาไว้หน่อยดีกว่าแต่ก็ไม่ควรช้าจนเกินเหตุนะครับ ถ้าได้รัฐบาลที่พอรับได้ เช่น ไม่ใช่พรรคที่จะแก้ ม.112 ไม่ใช่ลุงทั้ง 2 ลุงแล้วได้นายกฯคนใหม่ที่ไม่ขี้เหร่นัก ก็รีบๆตัดสินใจละกันผมยังมองว่ามีรัฐบาลจริงยังไงๆก็ดีกว่ามีรัฐบาลรักษาการเยอะครับ พยายามต่อไปนะครับ...แต่อย่าให้นานเหมือนเบลเยียมก็แล้วกัน เดี๋ยวจะทำให้ลุงตู่ได้อยู่แถมอีก 2 ปีตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความไว้.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม