ยังมีเวลาสำหรับนักการเมือง และพรรคการเมืองทุกพรรค ที่จะเร่งเครื่องเพื่อสร้างความนิยมให้ได้รับการเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายที่จะถึงวันกาบัตรเลือกตั้งพิจารณาจากโพลแต่ละสำนักผล ที่ออกมาค่อนข้างจะตรงกัน จะแตกต่างกันบ้างก็ตรงรายละเอียด หากศึกษาให้ดีก็คงพอจะมองเห็นช่องทางที่จะขยับตัว เพื่อสร้างความนิยมเพิ่มขึ้นได้“เพื่อไทย” คงมาที่ 1 ตามความคาดหมาย ตามมาที่ 2 ก็พรรคก้าวไกล ส่วนที่ 3 ก็คือรวมไทยสร้างชาติไม่ว่าจะเป็นแบ่งเขต บัญชีรายชื่อ หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีความนิยมสูงสุดของเพื่อไทยวางไว้ที่ภาคเหนือตอนบนและอีสานตอนบน นอกนั้นแต้มไม่ขาดยังมีพื้นที่สำหรับพรรคการเมืองอื่นๆภาคใต้นั้นรวมไทยสร้างชาติครองที่ 1 ตามด้วยประชาธิปัตย์แต่ที่บอกว่าโอกาสของทุกพรรคการเมืองยังมี ก็เพราะยังมีประชาชนทุกภาคที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครพรรคไหน32-34% ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยและส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลาง ที่มีการศึกษาและอยู่ในเมืองทั้งชายและหญิงมีการวิเคราะห์กันว่าในจำนวนนี้ จะแบ่งเป็นพวกที่ยังไม่ตัดสินใจ ตัดสินใจแล้วไม่ยอมบอก และรอดูว่าพรรคการเมืองไหนจะมีนโยบายเด็ดๆในโค้งสุดท้ายหรือรอกระแสส่งท้ายที่จะออกมาในรูปแบบต่างๆ แม้กระทั่งวาทกรรมการเมืองที่ทำให้ได้ข้อสรุปว่าพรรคนั้นควรได้รับความไว้วางใจในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆ ในซีกของเสรีนิยม พรรคก้าวไกลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆขนาดว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังแซงขึ้นเบอร์ 1 ก็มีทำให้เห็นได้ว่าในซีกนี้ เพื่อไทยที่หวังจะได้แลนด์สไลด์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะชนะพรรคการเมืองอีกซีกหนึ่งแต่ก้าวไกลก็เป็นขวากหนามสำคัญที่ตีคู่มาตลอดในจำนวนผู้มีสิทธิที่ยังไม่ตัดสินใจราว 32% นั้น จึงเป็นตัวชี้ขาดต่อผลการเลือกตั้งปี 2566 อย่างชัดเจนถ้าจิ้มไปซีกไหนซีกนั้นก็คว้าชัยไปเลยฝ่ายตรงข้ามเสรีนิยมไม่ว่าจะเป็นรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และอีกหลายพรรคทั้งพรรคเล็กพรรคน้อย ยังมีความหวังที่จะได้ ส.ส.เข้าสภาเพราะโอกาสที่จะโหวตเตอร์ในส่วนนี้ มีโอกาสที่จะลงคะแนนให้ขั้วนี้ค่อนข้างสูง เพียงแต่รอตัดสินใจสุดท้ายว่าจะเลือกใคร พรรคไหนเท่านั้นที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะแฟนคลับของเพื่อไทย และก้าวไกลได้แสดงตนชัดเจนไปแล้วรูปการณ์จากผลการเลือกตั้งผ่านโพลที่ออกมานั้น ทำให้เห็นภาพค่อนข้างชัดเจนว่า เพื่อไทยโอกาสที่จะแลนด์สไลด์แทบจะเหลือศูนย์นั่นทำให้การเลือกนายกรัฐมนตรี และการตั้งรัฐบาลจึงต้องสู้กันอย่างดุเดือด และเข้มข้นชิงไหวชิงพริบกันทุกทางนับตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พ.ค. 66 แม้กติกาสากลจะให้โอกาสพรรคที่มีเสียงมากสุดเดินเครื่องก่อนทว่าเสียงสนับสนุนไม่ขาดก็ว่ากันไม่ได้!“สายล่อฟ้า”