การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัด 9–20 ธันวาคม 2568 จะมีพิธีเปิดเป็นทางการในวันนี้ ท่ามกลางความไม่พร้อมทุกด้าน จนสื่ออาเซียนนำไปเขียนประจานเลยทีเดียว ทั้งที่ไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 มาตั้งแต่ 17 พ.ค.2566 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปรับธงเจ้าภาพต่อจากกัมพูชาแต่ผ่านไป 4 รัฐบาล 4 นายกฯ 5 รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่พร้อมเต็มที่ เห็นได้ตั้งแต่การแข่งฟุตบอลนัดแรกไทยกับติมอร์ เลสเต สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่เปิดการแข่งขัน ไฟสนามเสียจำนวนมาก จนต้องไปยืมดวงไฟจากสนามอื่น เครื่องเสียงสนามก็มีปัญหา ก็หวังว่าวันนี้ทุกอย่างจะไม่มีปัญหานะครับนสพ.สเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ได้เขียนวิจารณ์ “ ประเทศไทย” เจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ให้คนไทยเก็บไปคิดว่า แม้พิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 9 ธันวาคมจะใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่แทบจะไม่ปรากฏป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในแหล่งชุมชนของกรุงเทพฯสักเท่าไหร่ ยิ่งตัวมาสคอต “เดอะ สาน” หรือ ป้ายต้อนรับนักกีฬาและแฟนกีฬาชาติต่างๆที่จะเดินทางมาชมการแข่งขัน ย่อมหาได้ยากมาก ทีมงานของสเตรทไทมส์ได้เดินทางไปแถว “สยามสแควร์” แหล่งช็อปปิ้งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ แทบจะไม่พบการโปรโมตการแข่งขันในบริเวณดังกล่าวเลย พบเพียงป้ายบิลบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์อยู่ประปรายในเขตเมืองเท่านั้นขายหน้าเพื่อนบ้านอาเซียนบ้างไหมครับ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คุณอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อย่าอ้างว่าเพิ่งเข้ามานี่คือ ความเสียหายของประเทศชาติ จาก “การแต่งตั้งคนที่ไม่เป็นมืออาชีพ” มาเป็น “รัฐมนตรี” ทั้งที่ไทยรับธงเจ้าภาพมา 4 ปีแล้ว เปลี่ยนรัฐบาลไป 4 รัฐบาลแล้ว เปลี่ยนนายกฯไป 4 คนแล้ว ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, คุณเศรษฐา ทวีสิน, คุณแพทองธาร ชินวัตร จนถึง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯคนปัจจุบัน รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาก็เปลี่ยนไป 5 คนแล้ว ตั้งแต่ คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ, คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล, คุณเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, คุณสรวงศ์ เทียนทอง จนถึง คุณอรรถกร ศิริลัทธยากร คนปัจจุบัน เราเปลี่ยนนายกฯเปลี่ยนรัฐมนตรีกันบ่อยเหมือนเปลี่ยนถุงเท้า กันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นไปดู นสพ.สเตรทไทมส์ สิงคโปร์ พูดถึงซีเกมส์ไทยต่อครับจากการพูดคุยกับคนไทยหลายๆคนพบว่า ไม่ค่อยให้ความสนใจการแข่งขันสักเท่าไหร่ ด้วยสาเหตุหลายประการ อุทกภัยภาคใต้ที่เพิ่งเกิดขึ้น ปัญหาความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมือง สเตรทไทมส์ได้อ้างข้อมูลจากสื่อไทยว่า คนไทยจำนวนมากยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 หรือจะมีการแข่งขันเมื่อไหร่ที่ไหนบ้าง แม้แต่ฟุตบอลที่เป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย การแข่งขันนัดเปิดสนามไทยถล่มติมอร์ เลสเต ไป 6–1 เมื่อ 3 ธ.ค. มีแฟนบอลเข้าไปชมการแข่งขันเพียง 7,741 คน จากความจุ 51,560 คนของสนามราชมังคลากีฬาสถานสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึง “ความเป็นรัฐล้มเหลว” อย่างชัดเจน การแต่งตั้งรัฐมนตรี ที่ “ไม่ใช่มืออาชีพ” ทำให้ไม่มีความรู้สามารถใช้ประโยชน์จากกีฬาและการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมืออาชีพ สู้ประเทศเล็กๆอย่าง สิงคโปร์ ฮ่องกง ไม่ได้คุณโรซานนา ลอว์ เลขาธิการวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว เขตบริหารพิเศษฮ่องกง แถลงเมื่อ 7 ธ.ค.นี้ว่า 11 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.68) ฮ่องกงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแตะ 45 ล้านคน (ไทย 29.6 ล้านคน) เพิ่มขึ้น 12% สูงกว่าปี 2567 ทั้งปี โดยได้รับ “แรงหนุน” จาก การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 15 และอีเวนต์ขนาดใหญ่ตลอดทั้งปี เห็นไหมครับ กีฬาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มหาศาล โดยไม่ต้องมี “กาสิโนคอมเพล็กซ์” ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “รัฐมนตรีมืออาชีพ” ทำงานเก่งกว่า “รัฐมนตรีโควตาบ้านใหญ่” และ “นักการเมืองอาชีพ” แน่นอน ต้นปีหน้าคนไทยจะได้เลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ถามใจตัวเองดู เราจะทน “รับกรรม” เช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เจ็บทุกข์พอหรือยัง? ถึงเวลาที่ต้อง “คิดใหม่เลือกใหม่” เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นหรือยังครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม