สงครามยูเครนก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นสงครามทั่วโลกเชื่อว่าจะยุติในเร็ววัน เพราะเชื่อว่ารัสเซียจะสามารถเผด็จศึกโดยเร็ว แต่กลายเป็นสงครามยืดเยื้อ และรุนแรงที่สุดของยุโรป ตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเป็นสงครามที่ทำลายเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งไทยมีการถกเถียงกันว่าสงครามยูเครนใครเป็น “ฝ่ายธรรมะ” ใครเป็น “ฝ่ายอธรรม” อาจชี้วัดได้จากมติสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เสียงท่วมท้นของสมาชิก 141 ประเทศ ประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และให้ยุติสงคราม คัดค้านมติแค่ 7 เสียง งดออกเสียง 12 ประเทศไทยเป็น 1 ในเสียงข้างมากท่วมท้น ที่ลงมติให้ยุติสงครามโดยเร็ว แต่รัสเซียบอกว่าเป็นมติที่ไร้ประโยชน์ เพราะมติของสมัชชาใหญ่ ไม่มีผลบังคับให้ต้องปฏิบัติ แม้จะเป็นมติของคณะมนตรีความมั่นคง 15 ชาติ ที่มีผลใช้บังคับ แต่รัสเซียมีสิทธิ์วีโต้หรือยับยั้งให้มติตกไป ในฐานะที่เป็น 1 ใน 5 พี่เบิ้มยูเอ็นก่อนครบ 1 ปีของสงครามยูเครนที่ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ ประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์สื่อว่าอยากให้รัสเซียแพ้ แต่ไม่ถึงกับยับเยิน เอาแค่ไม่สามารถที่จะสู้รบได้ต่อไป ขณะเดียวกัน จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญสุดของรัสเซียได้เสนอแผนสันติภาพให้ทุกฝ่ายสนับสนุนสองฝ่ายให้เจรจายุติสงครามโดยสันติแต่รัสเซียไม่ได้แสดงท่าทีจะยอมรับหรือไม่ จีนเป็น 1 ใน 12 ประเทศที่งดออกเสียงในสมัชชาใหญ่ เห็นได้ชัดว่าท่าทีที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีปูติน ทำให้รัสเซียเสียมิตรไปหลายประเทศ มีเพียง 6 ชาติที่ลงมติคัดค้านเสียงข้างมากรวมกับรัสเซีย เช่น เกาหลีเหนือ มาลี นิการากัว และซีเรียแม้แต่ความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุด ก็อาจไม่แนบแน่นเหมือนเดิม เห็นได้จากการที่จีนงดออกเสียง ร่วมกับลาวและเวียดนามและรัสเซียเมินเฉยต่อแผนสันติภาพของจีน แม้จีนจะมีปัญหาไต้หวันคล้ายกับปัญหายูเครนของรัสเซีย แต่จีนก็ไม่ได้บุกยึดไต้หวัน ทั้งๆที่สามารถทำได้ แต่ทำให้เสียมิตรประเทศจีนมีความเข้มแข็งกว่ารัสเซีย ทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจและด้านการทูต แต่ใจเย็นกว่ารัสเซีย สงครามยูเครนเป็นบทพิสูจน์ว่าผู้ก่อสงครามมักจะเป็นเผด็จการ เช่นเดียวกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แห่งเยอรมนีที่ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 นำประเทศไปสู่ความหายนะ เพราะเหลิงอำนาจ.