ก็เป็นข้อกังขามาตลอด ถึงภาวะความเป็นผู้นำวุฒิทางอารมณ์ของ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาการตั้งฉายาของสื่อทำเนียบฯ ก็โดนกันมาทุกรัฐบาล ถ้าเป็นนักการเมืองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ก็จะมองว่าเป็นการสะท้อนภาพการทำงานในรอบปีของฝ่ายบริหารรัฐมนตรีหลายคนที่แก่พรรษา ก็จะนิ่งเก็บอาการแต่อย่างว่าด้วยวิสัยของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ใครแตะไม่ได้ แถมยังถูกห้อมล้อมไปด้วยลูกน้องประเภท “ดีครับผม เหมาะสมครับนาย สบายครับท่าน”นี่ขนาดลงมาขลุกอยู่กับการเมืองเต็มตัวนานกว่า 8 ปี ยังทนแรงเสียดทานไม่ได้ปัจจัยหลักก็เพราะที่ผ่านมา 8 ปี “บิ๊กตู่” ได้แต่ลอยตัวอยู่เหนืออำนาจมีมือไม้คอยจัดการให้เบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณยังนึกไม่ออกว่า บนเส้นทางอำนาจที่ไม่มี “พี่ใหญ่” มาคอยเป็นเสลี่ยงอีกต่อไปจะรับมือกับนักการเมืองเขี้ยวลากดิน ที่มารวมตัวผสมพันธุ์กันใหม่ในนาม “รวมไทยสร้างชาติ” อย่างไรดีเดย์ที่ นายกฯประยุทธ์ จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติคือหลังปีใหม่ซึ่งระยะเวลาที่เหลือจากนี้ ไปจนถึงเลือกตั้งไม่มากแล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการปรับโครงสร้าง วางนั่งร้านกันใหม่รับศึกเลือกตั้ง ที่มีโจทย์สำคัญรออยู่ คือตัวเลข 100 ที่นั่งที่ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค รทสช. ตั้งเป้าหมายเอาไว้สูงลิบจะไปให้ถึงตรงนั้น มันต้องมีกระสุนดินดำเต็มคลังเสบียง ที่ไม่ด้อยไปกว่าค่าย “สายเขียวเซราะกราว” ภูมิใจไทย ที่ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.เอาไว้ในจำนวนใกล้เคียงกันเพราะฉะนั้น “ปัจจัยในการสู้ศึก” ก็ต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็รอดูการระดมทุนของพรรคเกิดใหม่ ในขั้ว “รวมไทยสร้างตู่” น่าสนใจว่าจะดึงดูดกลุ่มทุนใหญ่ๆได้มากน้อยแค่ไหนเพราะลำพังจะให้พวกแกนนำควักกระเป๋า มาลงขันจ่าย อย่าได้หวัง พวกเขี้ยวทั้งนั้นต้องดูกันไปว่า ด้วย บารมีส่วนตัวของ “บิ๊กตู่” จะทำให้ กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่-เจ้าสัว ทั้งหลายแห่กันมาให้การสนับสนุนเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่เพราะช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ก็พึ่งพาอาศัยกันมาตลอดแต่อย่าลืมว่า กลุ่มทุน-เจ้าสัวขาใหญ่ ก่อนจะควักเงินมาอุปการคุณก็ต้องดูแล้วว่ากระแสพรรคจะไปไหวหรือไม่พรรคการเมือง ก็เปรียบเสมือนบริษัทในตลาดหุ้น ถ้าเขาดูแล้วว่ามูลค่าหุ้นตัวนี้มีอนาคตทุกคนก็พร้อมเปย์แต่ถ้าเขาดูแล้วว่าหุ้นตัวนี้มันไปไม่ไหว ไร้อนาคต ก็อาจจะหยอดลงทุนแตะไว้ในกระดานนิดๆหน่อยๆอย่างที่บอก ด้วยวิสัยของ “บิ๊กตู่” ที่มองว่าตัวเองเป็นผู้มีบุญคุณกับคนทั้งประเทศก็อาจจะสร้างความตะขิดตะขวงใจแก่ กลุ่มทุน-เจ้าสัว ที่นอก จากจะควักกระเป๋าจ่ายแล้ว ยังต้องแบกรับหนี้บุญคุณเอาไว้ด้วยผิดกับพวกนักการเมืองประเภทใจถึง เป็น “เพื่อนที่คบได้”จะสะดวกใจจ่ายมากกว่า.เพลิงสุริยะ