ล้อมคอกหม้อแปลงไฟฟ้ามีเก่า “400 ลูก” ทั่วกรุงเยียวยาเหยื่อสำเพ็ง...เหตุความสูญเสียกรณีล่าสุดเกี่ยวกับ “หม้อแปลงไฟฟ้า” สืบค้นย้อนไปก่อนหน้านี้ก็มีเหตุ...“หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ลูกไฟตกใส่ฟอร์จูนเนอร์ ไหม้วอดทั้งคัน”...ครั้งนี้เกิดริมถนนในเมืองมหาชัย เดือนตุลาคม 2564 ย้อนไปอีกกรณีช่วงต้นปีก็เกิด...“เพลิงสยองกรุง คลอกดับแม่ลูก หม้อแปลงไฟระเบิดโหมผลาญวอด 5 หลัง” เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. อีกข่าวช่วงเดือนเมษายน 2562 “ร้อนจัดทำหม้อแปลงระเบิด สะเก็ดไฟตกไหม้หญ้าข้างทางเกือบวอดโชว์รูมรถ” เหตุเกิดริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทองดูเหมือนว่า “หม้อแปลงไฟฟ้า” จะเป็นอีกหนึ่งภัยใกล้ตัวที่จะมองข้ามไม่ได้ ลองตั้งคำถามกับอากู๋...กูเกิล “อันตรายหม้อแปลงไฟฟ้า” ไล่เรียงอ่านกันไปแล้วจะได้ความรู้เพิ่มเติมหลายเรื่อง เน้นย้ำอันตรายที่ควรระวังจาก... “ไฟฟ้าแรงสูง” หากมีไฟรั่วออกมาในช่วงฝนตกหรือพายุเข้า อาจเกิดฟ้าผ่าลงสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้แรงดันไฟฟ้าวิ่งมาถึงหม้อแปลง ซึ่งอาจทำให้เกิดประกายไฟ...เป็นเหตุให้เกิดอัคคีภัยได้แม้ว่าในตัวหม้อแปลงไฟฟ้ามีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า คือ... “ล่อฟ้าแรงสูง” และ “ล่อฟ้าแรงต่ำ” แต่ก็ควรระวัง เพราะถ้าหากมี “ไฟฟ้ารั่ว” ออกมาก็ทำให้ “ไฟดูด” อันตรายถึงชีวิตขึ้นได้กรณี “หม้อแปลงระเบิด” มีสาเหตุมาจากความขัดข้องของระบบหล่อเย็น หรือการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอัตราการเกิดขึ้นมีไม่มาก แต่หากเกิดขึ้นแล้วก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินได้เพื่อให้รู้ลึกรู้จริงเรื่อง “หม้อแปลงไฟฟ้า...ระเบิดเวลาใกล้ตัว” มีอันตราย มีความน่ากลัวกี่มากน้อย? ก็ต้องไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาจารย์ณัฐพงษ์ ประพฤติ ผู้ช่วยรองอธิการบดีและหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร อธิบายว่า “หม้อแปลงไฟฟ้า” แบ่งออกได้หลายวิธี จะแบ่งตามพิกัดกำลังก็ได้ หรือจะแบ่งตามระดับแรงดันไฟฟ้าหรือวัตถุประสงค์ในการใช้งานก็ได้คร่าวๆ...เข้าใจง่ายๆถ้าเป็นในประเทศไทย ปกติก็จะแบ่งเป็นหม้อแปลง กำลัง...หม้อแปลงลูกใหญ่ๆที่เป็นเพาเวอร์ทรานส์ฟอร์เมอร์ ส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า อีกแบบ “หม้อแปลงจำหน่าย” หม้อแปลงที่เป็นข่าวระเบิดที่สำเพ็งก็จะเป็นหม้อแปลงแบบนี้ของการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจะลดระดับแรงดันลงมาทอดหนึ่งจากแรงดันไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และก็มีหม้อแปลงอีกแบบ “หม้อแปลงสำหรับระบบวัด” ไม่ได้ส่งพลังงานทีนี้หม้อแปลงไฟฟ้ายังแบ่งได้ตามชนิดฉนวนใช้งาน หลักๆก็จะมี 2 แบบด้วยกัน “ฉนวนเหลว”...เติมน้ำมัน มักจะใช้กระดาษฉนวนร่วมกับตัวกลางที่เป็นน้ำมันหม้อแปลง ทำให้เกิดคุณสมบัติเชิงความร้อนที่ดี มีค่าความคงทนของฉนวนสูง แต่ก็มีข้อเสียสำคัญคือ...น้ำมันหม้อแปลงสามารถลุกติดไฟได้ย้ำว่า “น้ำมัน” ที่ว่านี้เป็นน้ำมันหม้อแปลง ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันแร่ สามารถติดไฟได้แต่ก็ไม่ได้ติดไฟง่ายเหมือนน้ำมันเบนซิน ดีเซล เพียงแต่มีโอกาสติดไฟได้และมีความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดอัคคีภัยน้ำมันหม้อแปลงจุดเดือดต่ำ การจุดติดไฟต่ำโดยปกติตามทฤษฎีจะอยู่ที่ 140 องศาเซลเซียส หมายความว่า...กว่าน้ำมันหม้อแปลงจะติดไฟ ต้องมีอุณหภูมิสูงมาก ฉะนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ก็อาจจะมีทางเลือกใช้หม้อแปลงอีกแบบคือ “ชนิดแห้ง” หรืออาจจะเป็นฉนวนน้ำมันนี่แหละแต่เติมฉนวนเหลวที่ไม่ลุกติดไฟเข้าไปอีกเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้แบบฉนวนน้ำมันธรรมดา เพราะอีกแบบจะมีราคาที่แพงมากเอาเป็นว่าส่วนใหญ่ถ้าเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่เห็นภายนอกอาคารจะเป็นแบบน้ำมันทั้งหมด แต่ถ้าติดตั้งในอาคาร ตามมาตรฐานควบคุมจะต้องใช้แบบฉนวนของแข็งแบบแห้ง แต่แบบนี้ก็มีปัญหาระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่ากับแบบน้ำมันของเหลว จุดสังเกตจะเป็นครีบๆๆๆระบายความร้อนได้ดี... ค่าความสูญเสียก็ต่ำแน่นอนว่า...ความสูญเสียยิ่งน้อย พลังงานก็จะถูกใช้ได้มากขึ้น เป็นผลดี ทางเทคนิค ถามถึงอายุการใช้งาน “หม้อแปลงไฟฟ้า” อาจารย์ณัฐพงษ์ บอกว่า แบบน้ำมันจะอยู่ที่ 25-30 ปี ส่วนแบบแห้งจะอยู่ที่ 15-25 ปี...โดยเฉลี่ยการไฟฟ้าบ้านเราจะปลดระวางหม้อแปลงอยู่ที่ 25 ปี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วหม้อแปลงแบบน้ำมันถ้าบำรุงรักษาดี มีการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี บางลูกก็ใช้งานได้ถึง 30 ปีหรือมากกว่ายกตัวอย่างตามโรงงาน ต้องมีวงรอบการตรวจปกติทุกปี มีกฎหมายบังคับ...บางแห่งเข้มข้นอาจครึ่งปีครั้งก็มีเหมือนกันหม้อแปลงปกติแล้วไม่ได้ต้องการการบำรุงรักษาเยอะ แบบแห้งส่วนใหญ่ก็ดูแค่การทำความสะอาด กำจัดฝุ่น ขันตามจุดต่างๆว่าแน่นไหม ส่วนแบบน้ำมันอาจดูมากกว่า เพราะอยู่ภายนอกอาคาร เช่น ดูสายไฟ ขั้วต่อหม้อแปลงหลวมไหม ระดับน้ำมันปกติไหม รวมถึงคุณสมบัติฉนวนอยู่ในเกณฑ์ไหมถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์ก็ต้องมีการกรองน้ำมันในระบบปิด ถ่ายออกมาผ่านเครื่องกรองแล้วนำกลับเข้าไปใหม่...และหม้อแปลงทุกตัวก็ต้องตรวจสอบสายดินด้วยว่าเป็นไปตามระบบมาตรฐานไหมการตรวจสอบ บำรุงรักษา “หม้อแปลงไฟฟ้า” ทั่วกรุง...ทั่วไทยอย่างสม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหน? เป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากแต่ประชาชนคนไทยอย่างเราๆท่านๆก็อาจจะทำได้แค่สังเกต ความผิดปกติของหม้อแปลงไฟฟ้าด้วยตาเปล่าและใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆได้ด้วยตัวเอง ถ้ามีหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ใกล้ตัว ต้องใช้ชีวิตผ่านไปผ่านมาเป็นประจำทุกวี่วัน การสังเกตสิ่งผิดปกติ อาจารย์ณัฐพงษ์ ย้ำว่า ก่อนที่หม้อแปลงไฟฟ้าจะมีการผิดปกติหรือถึงขั้นระเบิด ส่วนใหญ่จะต้องได้ยินเสียง...อาจดังปุ๊บแต่จะเกิดควันประกายไฟมากน้อยแค่ไหน ก็ยังไม่เคยเห็นอย่างกรณีที่เป็นข่าวล่าสุดที่สำเพ็งอาจเป็นไปได้ว่าจุดเกิดเหตุหม้อแปลงติดตั้งอยู่กับสายไฟสายสื่อสารที่ระโยงระยาง บวกกับพื้นที่แคบด้วยก็ยิ่งทำให้เกิดการสะสมความร้อนเพิ่มมากขึ้น ฉนวนสายไฟที่ต่อกับหม้อแปลงละลายเสียหาย“หม้อแปลงน้ำมันส่วนใหญ่ติดตั้งนอกอาคาร...ให้เข้าใจไว้ก่อนเลยว่าติดไฟได้ สัญญาณแรกเริ่มความผิดปกติอาจมีเสียง ควัน หรือมีประกายไฟถ้ามีก็อาจจะเกิดจากการลัดวงจร หรือมีจุดที่ขันไม่แน่นเกิดการสปาร์ก หรือขั้นรุนแรงหม้อแปลงมีควันหรือมีกลิ่นไหม้แล้ว...เป็นผลมาจากฉนวนภายในเสื่อมสภาพ”ระบบป้องกันหม้อแปลงก็มีถ้าแรงดันเกินระบบก็จะตัด แต่ถ้าตัวหม้อแปลงเองร้อนมากผิดปกติไม่น่าจะมีระบบตัดอัตโนมัติ ใครอยู่ใกล้ๆผ่านไปผ่านมาเป็นประจำก็ต้องหมั่นสังเกตตรวจตราความผิดปกติ เห็นเมื่อไหร่ให้รีบแจ้งคนข้างเคียงให้รู้ตัว แล้วรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเลือกได้อยู่ให้ห่างๆไว้เป็นดีที่สุด“ถ้ามีหม้อแปลงอยู่ใกล้เรา ก็ไม่ควรทำกิจกรรมใดๆก็แล้วแต่เป็นเวลานาน ไม่ว่าค้าขาย จอดรถเว้นระยะห่างอย่างน้อยๆก็ 5-10 เมตร ปกติแล้วควรจะมีป้ายเตือน กั้นแนวรอบ แต่ปัญหาก็คือถ้าทำอย่างนั้นจะกีดขวางพื้นที่มากขึ้น จะให้ดีที่สุดก็ควรติดตั้งสายไฟไว้ใต้ดิน เพื่อลดความเสี่ยง แต่เราอาจจะใช้ไฟแพงขึ้น”หม้อแปลงเก่าคือหม้อแปลงที่ใช้งานมานาน ปกติก็มากกว่า 15 ปีขึ้น สภาพหลักๆก็คือเรื่องของความสูญเสียในตัวหม้อแปลงเพิ่มจากเดิม ถัดมา... ฉนวนอาจไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานต้องเปลี่ยน ต้องกรอง สาม...ค่าความเสื่อมของขดลวดภายใน เสี่ยง...เกิดความเสียหาย ลัดวงจร เกิดประกายไฟ และอุปกรณ์ต่างๆเสื่อม“หม้อแปลงไฟฟ้า” อีกหนึ่งภัยใกล้ตัว จะว่าอันตรายก็อันตราย ส่วนใครจะว่าไม่อันตรายพูดไปตอนนี้คนไม่น้อยถึงส่วนใหญ่ก็คงไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว ห่างได้ก็ให้ห่าง ถ้าจำเป็นจริงๆก็อย่าอยู่ใกล้ๆเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าแรงดันสูง...แรงดันต่ำ.