วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยว “เมืองเวนิส” กันนะครับ ผมเพิ่งไปนอนเล่นมาหนึ่งคืน หลังจากที่ไปครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 ปีก่อน เขียนถึง นครเวนิส เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของอิตาลี ก็ต้องนึกถึงพระราชนิพนธ์ เวนิสวาณิช ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อันโด่งดังตอนหนึ่งว่า “อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน”เมืองเวนิส ที่เคยร้างนักท่องเที่ยวในช่วงโควิด นักท่องเที่ยวกลับมาคึกคักเหมือนเดิมแล้ว ยกเว้นนักท่องเที่ยวจีนที่ยังหายไป มีแต่นักท่องเที่ยวยุโรปไปเที่ยวกันแน่นขนัดเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) เป็นเมืองหลักของแคว้นเวเนโต ตั้งอยู่ในทะเลสาบเวเนเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกทางภาคเหนือของอิตาลี เมืองเวนิสสร้างขึ้นจากเกาะเล็กๆ 118 เกาะในทะเลสาบ มีสะพานเชื่อมต่อกันมากกว่า 400 สะพาน เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก กรุงเทพมหานคร ในอดีตก็มีคลองเป็นจำนวนมาก จนได้ฉายาว่า “เวนิสแห่งตะวันออก” แต่คลองถูกถมทำเป็นถนนจนหมดแล้ว เหลือเพียงคลองหลักไม่กี่คลอง จะมีสภาพเป็นเวนิสแห่งตะวันออกเมื่อฝนตกน้ำท่วมถนนทุกครั้งเมืองเวนิส ได้รับฉายามากมาย ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water) เมืองแห่งสะพาน (City of Bridge) เมืองแห่งแสงสว่าง (City of Light) เป็นเมืองมรดกโลก เอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของเวนิสคือ เรือกอนโดลา (Gondola) คนพายเรือใส่เสื้อคอกลมสีขาวลายขวางสีน้ำเงินเหมือนกันหมด พานักท่องเที่ยวลัดเลาะไปตามคลองมากมายในเวนิสที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสวยงาม คนพายเรือบางคนสามารถร้องเพลงโอเปร่าสร้างความรื่นหูให้ลูกค้าระหว่างลัดเลาะไปตามคลอง แต่ต้องมีการจ่ายพิเศษกันนิดหน่อย มีคนเชื่อกันว่า ถ้าคู่รักได้จูบกันตอนที่ระฆังดังในช่วงเย็น ระหว่างที่ นั่งเรือกอนโดลาลอดสะพานถอนหายใจ (Bridge of Signs) จะเป็นคู่รักที่มีความรักยืนนานสถานที่ท่องเที่ยวหลักในเวนิสมีไม่กี่แห่ง เช่น Grand Canal คลองสายหลักของเมืองเวนิส มีอาคารสวยงามสองฟากคลองจัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Macro) จัตุรัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย มีหอระฆังตั้งเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกล ด้านหลังเป็น มหาวิหารซานมาร์โค (St.Mark’s Basilica) สะพานที่ห้ามพลาดก็คือ สะพานวิอัลโต สะพานถอนหายใจ (Bridge of Signs) สะพานแห่งนี้เชื่อมต่อระหว่างห้องสอบสวนของวังดยุกกับเรือนจำที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ เป็นตำนานที่ค่อนข้างโหดร้ายเลยไม่อยากเล่าเวนิสก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 5 หรือ 1,600 ปีก่อน โดยผู้ลี้ภัยจากภาคเหนือ เคยเป็นเมืองบริวารของ จักรวรรดิไบเซนไทน์ หลัง สงครามครูเสดที่ 4 (ค.ศ.1202-1204) เวนิสเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะ เจ้าอาณานิคมหมู่เกาะต่างๆ จนปี ค.ศ.1381 เวนิสแพ้ให้กับเจนัวทำให้ สาธารณรัฐเวนิส กลายเป็นรัฐหนึ่งของ อิตาลี จะเห็นว่าที่มาของเวนิสไม่ธรรมดา แม้จะเป็นเมืองบนเกาะเล็กๆเชื่อมกันก็ตาม อดีตเคยเป็นเมืองการค้าที่สำคัญของยุโรป จึงทำให้เกิดบทละครเรื่อง “เวนิช วาณิช” ขึ้นมา รวมทั้งตำนานรักอมตะ โรเมโอและจูเลียตอาคารบ้านเรือนในเวนิสเป็น สถาปัตยกรรมอิตาลี อาหรับ ไบเซน ไทน์ และ เรอเนซองค์ กิจกรรมที่โด่งดังของเมืองเวนิสอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแสดงงานศิลปะ อาร์ต เบียนนาเล่ (Art Biennale) ทุก 2 ปี มีศิลปินชื่อดังทั่วโลกไปชุมนุมกันที่เวนิส มหาเศรษฐีและนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะก็ไปประมูลและชมงานศิลปะชั้นเยี่ยมในช่วงนี้ ผมเองก็เคยไปชื่นชมมาครั้งหนึ่งวันนี้ เมืองเวนิส กลับมามีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่วันนี้การไปเที่ยวเวนิสเริ่มไม่ง่าย เริ่มตั้งแต่ฤดูร้อนนี้ เมืองเวนิสวางกฎให้นักท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ต้องจองผ่านระบบล่วงหน้าและจ่ายค่าเข้าเมืองคนละ 3-10 ยูโร ราว 100-370 บาทต่อคน จากเดิมที่คิดเหมาจ่ายจากทัวร์ เพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยว ไม่ให้มาเที่ยวชมเมืองฟรีๆ การท่องเที่ยวไทย น่าคิดเอาอย่างนะครับ จะได้นักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น.“ลม เปลี่ยนทิศ”