ผมอ่านเรื่อง คิดยากกว่าทำ ที่พระอาจารย์พรหมเล่า ไว้ในชวนม่วนชื่นแล้ว ยังพลอยคลี่คลายหลายเรื่องที่ค้าง-คาใจ สมัยบวชเณร ที่วัดเขาย้อย เพชรบุรี เมื่อปี 2501 ได้อย่างไม่น่าเชื่อเรื่องที่พระอาจารย์พรหมเล่า เริ่มต้นว่าทุกวันพระ พระจะอดนอนทั้งคืนเพื่อภาวนาบนศาลาใหญ่ นี่เป็นวัตรปฏิบัติหนึ่ง ของพระป่า แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเกินไป เพราะพระจะพักผ่อนได้ สายวันรุ่งขึ้นเช้านั้น หลังวันพระ ขณะที่เรากำลังเดินกลับกุฏิ ไปนอนชดเชยให้สบายๆ หลวงพ่อชา ท่านเจ้าอาวาสก็เรียกพระผู้น้อยชาวออสเตรเลียนไปหา ส่งผ้ากองโตให้ท่านนำไปซัก ทั้งยังสั่งให้ท่านทำทันทีงานนี้ นี่ก็เป็นธรรมเนียมพระผู้น้อย ที่จะต้องอุปัฏฐากพระผู้ใหญ่ รวมการปฏิบัติเล็กๆน้อยๆอื่นๆหากเป็นงานซักจีวรแบบทั่วไป ผงซักฟอกจะช่วยให้งานง่ายและเร็วขึ้นแต่นี่เป็นการซักตามกรรมวิธีดั้งเดิมของพระป่า ที่ต้องเริ่มจากการตักน้ำขึ้นมาจากบ่อ ก่อไฟต้มน้ำให้เดือด ใช้มีดพร้าฟันท่อนแก่นขนุนออกเป็นแผ่นบางๆ แล้วใส่ลงในน้ำเดือด รอจนยางแก่นขนุนออกมา ทำหน้าที่ “ผงซักฟอก”นำผ้าทีละผืนไปวางในรางไม้ยาวๆ เทน้ำเดือดสีน้ำตาล ลงบนผ้าให้ทั่ว แล้วทุบด้วยมือจนกว่าจะสะอาดการซักจีวรด้วยกระบวนการนี้ แค่ผืนเดียวก็ใช้เวลายาว เมื่อเป็นผ้ากองใหญ่ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงพระผู้น้อยชาวบริสเบน รู้จักภาระแสนหนักนี้ดี ท่านแสดงอาการไม่พอใจ โถ อดนอนมาทั้งคืน ถ้าได้เวลาพักสักหน่อย ก็คงพอไหวเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อพระอาจารย์พรหมบวชได้หลายพรรษา พอมีวิชา ท่านเห็นอาการพระออสเตรเลียน แล้วก็สงสาร จึงเดินตามไปโรงซักผ้า ขณะพระรูปนั้นกำลังสบถสาปแช่ง ด้วยภาษาที่เขียนเป็นภาษาไทยแทบไม่ได้“ไม่ยุติธรรมกับผมเลย ผมไม่ได้บวชมาเพื่อการนี้” นี่คือประโยคที่พอฟังได้พระรุ่นพี่สบตา “คิดมันยากกว่าทำเยอะนะ” พระรุ่นน้องจ้องตาตอบ เงียบขณะหนึ่ง แล้วก็หันไปทำงานต่อวันรุ่งขึ้นพระรุ่นน้องตามมาขอบคุณ ที่ไปช่วยท่านในการซักผ้า ท่านสารภาพ เมื่อท่านหยุดบ่น จดจ่ออยู่กับงาน การซักผ้าก็ราบรื่น ท่านบรรลุความเข้าใจ เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต คือความคิดนั่นเองเรื่องเล่าถึงวิธีการซักผ้าของพระอาจารย์พรหม ทำให้ผมเพิ่งเข้าใจ หลวงน้าช่วยสมภารวัดเขาย้อย ท่านห่มจีวรสีแปลกตา สีที่ผมเข้าใจว่าย้อมด้วยแก่นขนุนวัดเขาย้อย เป็นวัดมหานิกาย แต่วัตรปฏิบัติเคร่งครัด พระตักน้ำจากตุ่มด้วยธมมกรก (เครื่องกรองน้ำ) ป้องกันไม่ให้ติดลูกน้ำ หลังเที่ยงพระฉันกาแฟดำไม่ใส่นมข้อหนุนที่สะดุดใจผมมาก หลวงน้าท่านห่มจีวรที่ย้อมจากแก่นขนุน และซักด้วยแก่นขนุนเรื่องที่ผมเพิ่งรู้ ก็คือพระวัดเขา (ย้อย) ของท่านมีวัตรปฏิบัติแบบพระป่าและผมก็เพิ่งเข้าใจ สังกัดนิกายของพระที่บรรลุทางธรรม คือเรื่องสมมติเท่านั้น แก่นสารอยู่ที่การปฏิบัติ ตามแบบพระพุทธเจ้าของเราซึ่งมีอยู่องค์เดียวพระแบบที่เรากราบไหว้ได้สนิทใจ ก็พอมีอยู่บ้างนะครับ น่าเสียดายที่ดูเหมือนนับวันจะน้อยลง.กิเลน ประลองเชิง