แม้ไม่มีผลบังคับในทางกฎหมาย แต่ก็นับเป็นประชามติของชาติสมาชิกในยูเอ็น หลังมีการเรียกประชุมฉุกเฉิน สมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อวันพุธที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาชาติสมาชิกลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 141 ต่อ 5 เสียง เรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครน และถอนกองทัพทั้งหมดออกไปโดยทันทีไทยก็เป็นหนึ่งใน 141 เสียงข้างมากนี้ด้วยส่วน 5 ชาติที่ออกเสียงคัดค้าน มี รัสเซีย และชาติพันธมิตรอย่าง เบลารุส, ซีเรีย, เกาหลีเหนือ และเอริเทรียโดยมี 35 ชาติ ที่งดออกเสียง ซึ่งรวมถึง จีน อินเดีย และเวียดนามเป็นปฏิกิริยาของชาติสมาชิกยูเอ็นส่วนใหญ่ ที่แสดงความหนักแน่นในการร่วมประณามรัสเซียยังมีเหตุการณ์ที่นักการทูตนับร้อยคน จาก 40 ประเทศ อาทิ จากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการ “วอล์กเอาต์” ออกจากที่ประชุม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ในขณะที่ “เซอร์เก ลาฟรอฟ” รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ยืนแถลงต่อที่ประชุมเหลือเพียงนักการทูตไม่กี่คนที่ยังนั่งอยู่ในที่ประชุม คือ รัสเซีย, ซีเรีย, จีน และเวเนซุเอลาเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย บนเวทีการเมืองระหว่างประเทศแต่ถึงทั่วโลกจะเพิ่มแรงกดดันยังไง “วลาดิเมียร์ ปูติน” ผู้นำสูงสุดรัสเซีย ยังไม่มีทีท่าว่าจะรามือง่ายๆ เพราะยุทธศาสตร์สำคัญ คือการตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน ให้แตกยังไม่บรรลุผลซ้ำยังจะเพิ่มระดับความรุนแรงในการโจมตี ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ทำลายล้างที่หนักกว่าเดิมหวังบดขยี้กรุงเคียฟ ให้ราบเป็นหน้ากลองผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เริ่มขยายลามเป็นวงกว้างประเทศไทยเองก็เลี่ยงไม่พ้น จน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องเรียกทีมเศรษฐกิจ ทั้ง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯและ รมว.พลังงาน “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” ที่ปรึกษาฯด้านเศรษฐกิจเข้าหารือเพื่อประเมินเศรษฐกิจในภาพรวมที่ ณ วันนี้ ราคาน้ำมันดิบ ทะลุเกิน 120 ดอลลาร์/บาร์เรลไปแล้วหากสถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อออกไป ยิ่งส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน อัตราเงินเฟ้อ ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นโดยออกมาตรการมารับมือ 3 แนวทาง คือ1.หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่าย ดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า2.บรรเทาภาระหนี้สิน ต้องการให้มีหน่วยงานขับเคลื่อน ไม่ให้มีคนต้องถูกยึดบ้าน ยึดรถ3.การลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ เพิ่มรายได้ให้ประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และเสมอภาค ให้เร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ อย่าง EEC และโครงสร้างพื้นฐานกระจายสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นกำชับให้เร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา แบ่งเบาภาระประชาชนทุกคนเห็นผลโดยเร็วที่สุดนับว่า พล.อ.ประยุทธ์ เทคแอคชันได้ทันกับสถานการณ์เพราะรู้ดีว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือจุดชี้เป็นชี้ตายรัฐบาล.เพลิงสุริยะ