หน้าแล้งกำลังมาถึง เกษตรกรชาวสวนชาวไร่ก็คงหน้าเหี่ยวแห้งเหมือนเช่นทุกปี เพราะไม่มีแหล่งน้ำให้เพาะปลูกทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นปัญหาซ้ำซากที่รัฐบาลแก้ไม่ถูกจุด หรืออาจไม่คิดแก้ไขอย่างจริงจังประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนปีละ 8 แสนล้าน ลบ.ม. แต่เก็บน้ำไว้ใช้ได้ประมาณ 8 หมื่นล้าน ลบ.ม. แค่ 1 ใน 10 เท่านั้นเอง น้ำส่วนใหญ่อีก7แสนกว่าล้าน ลบ.ม. ถูกปล่อยทิ้งลงทะเลและแม่น้ำโขงไปอย่างน่าเสียดายพื้นที่การเกษตรมี 130 ล้านไร่ อยู่ในเขตชลประทาน 30 ล้านไร่มีน้ำใช้ตลอด แต่อีก 100 ล้านไร่อยู่นอกเขตชลประทาน พอหมดฝนก็ขาดปัจจัยสำคัญในการทำการเกษตร ขาดช่องทางทำมาหากิน ถ้ารัฐบาลรู้จักจัดหาแหล่งน้ำไปให้ รับรองชาวบ้านจะไม่จนอีกต่อไป ทุกคนจะกุลีกุจอทำเกษตรนอกฤดูทันทีคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ที่มี ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน เคยสรุปรายงานเสนอแนะรัฐบาลให้เร่งรัดจัดทำ แหล่งน้ำขนาดเล็ก รวมถึงผลการศึกษาเรื่องการจัดการระบบแหล่งน้ำใหม่เพื่อท้องถิ่นพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ ฝายแกนดินซีเมนต์ (Soil cement weir) พร้อมแนบคู่มือการใช้เทคนิคดินซีเมนต์ในงานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อชุมชนไปให้ด้วยฝายแกนดินซีเมนต์เป็นฝายที่มีแกนเป็นร่องลึก (ฝังลงไปในดินลึก 4 เมตร และแผ่ออกด้านข้างอีกข้างละ 4 เมตร) สามารถกักเก็บและสะสมน้ำในชั้นใต้ดิน เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมากกว่าฝายแบบทั่วไปที่ไม่มีแกนภายในแกนดินซีเมนต์ประกอบด้วยเม็ดดินใหญ่น้อยยึดเหนี่ยวกันแน่นหนา นอกจากนี้น้ำที่อยู่ระดับใต้สันฝายจะถูกร่องแกนกักเก็บสะสมไว้ ก่อนถูก ดูดซับให้ซึมผ่านเข้าสู่ชั้นใต้ดินและลาดตลิ่งด้านข้าง เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง น้ำที่ถูกดูดซับไปเก็บกักภายในชั้นดินดังกล่าวก็จะซึมออกมาเติมลงไปในลำน้ำทำให้มีน้ำใช้ตลอดอันที่จริงฝายแกนดินซีเมนต์ถือเป็น นวัตกรรมชาวบ้าน ทำจากปูนผสมดิน ไม่มีโครงสร้างเหล็ก กรมเจ้าท่าจึงอนุญาตให้สร้างได้ ฝายสูงแค่ 2 เมตรขณะที่ตลิ่งแม่น้ำสูงเกิน 10 เมตร ไม่ถือเป็นการกีดขวางทางน้ำเจ้าหน้าที่กรมชลประทานไปเห็นชาวบ้านที่อีสานทำไว้กักเก็บน้ำ เลยเอามาปรับปรุงให้สมบูรณ์สร้างในแม่น้ำชี 3 จุด คณะกรรมาธิการฯไปตรวจพิสูจน์มาแล้วที่ ต.หนองแวง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ สร้างตั้งแต่ปี 2558 ผ่านมาเกือบ 7 ปี สภาพการใช้งานยังดีอยู่การก่อสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ใช้เวลาสั้นๆ ใช้งบประมาณน้อยแต่เก็บน้ำได้ปริมาณมหาศาลส.ว.อภิชาติ โตดิลกเวชช์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เผยว่า ประโยชน์ของการทำฝายแกนดินซีเมนต์จะช่วย เพิ่มความจุในลำน้ำ เก็บกักน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง ได้น้ำมากกว่าขุดสระขุดบ่อเสียอีก ทั้งยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ยืดระยะเวลาทำมาหากินให้ชาวบ้าน ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีชาวบ้าน สร้างง่าย ซ่อมแซมก็ง่ายผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้งบฯน้อยเกินไปหรือเปล่า รัฐบาลเลยไม่สนใจ แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกลับเห็นความสำคัญ เช่น อบจ.แพร่พอได้ยินแนวทางนี้ก็เล็งเห็นถึงประโยชน์ รีบนำไปดำเนินการทันที โดยก่อสร้างฝายดินซีเมนต์ลำน้ำแม่หล่าย หมู่ 1 ต.แม่หล่าย อ.เมืองแพร่ ขนาดความกว้าง 60 เมตร สูง 2 เมตร กักเก็บน้ำได้ 60,000 ลบ.ม. (ปริมาณน้ำเทียบเท่ากับการขุดสระน้ำขนาด 7.5 ไร่ ลึก 5 เมตร) ระยะเวลาก่อสร้างแค่ 1เดือนเสร็จ ใช้งบประมาณแค่ 462,300 บาทอีกจุดที่ก่อสร้างคือฝายดินซีเมนต์กั้นแม่น้ำยม จุดดอยผี บ้านห้วยหม้าย หมู่ 17 ต.ห้วยหม้าย อ.สอง จ.แพร่ ขนาดความกว้าง 103 เมตร สูง 1.5เมตร กักเก็บน้ำได้ 77,250 ลบ.ม. ใช้งบประมาณ 4.9 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 4 เดือน ในขณะที่ฝายกั้นแม่น้ำยมของกรมชลประทาน หน้ากว้างใกล้เคียงกัน ความสูง 3 เมตร แต่ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี งบประมาณ 710ล้านบาทหน้าแล้งทุกปี แม่น้ำยมบางจุดเหลือน้ำสูงไม่ถึง 1 เมตร บางช่วงแห้งขอดเดินข้ามฝั่งได้สบาย ถ้าทำฝายกั้นน้ำไว้เป็นช่วงๆ แม่น้ำจะไม่แห้ง แถมได้น้ำสำรองปริมาณพอใช้ตลอด และดีกว่าใช้กระสอบทรายเป็นไหนๆนายกฯบิ๊กตู่น่าจะให้คนที่ไว้ใจได้ไปรื้อรายงานของคณะกรรมาธิการฯมาดูหน่อย ใช้งบฯน้อยสร้างเสร็จเร็ว ลงมือตอนนี้ยังทันใช้หน้าแล้ง ยิ่งถ้าทำกระจายทั่วทุกพื้นที่ อาจพลิกโฉมการเกษตรไทยได้เลย.ลมกรด