วันนี้ ผมมีนิทานหลายเรื่อง จะต้องเลือกสักเรื่องหนึ่ง...เมื่อเจอเรื่องที่ 24 ในหนังสือเรื่องคมๆ ความหมายชวนคิด (สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์อินสไปร์ พ.ศ.2553) ชื่อเรื่องรวมกันเราอยู่ ก็ตัดสินใจกาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มผู้หิวโหยสองคน ระเหระหนไปถึงหมู่บ้านชายทะเล เจอผู้เฒ่าผู้มีใจเมตตามอบปลาสดเข่งใหญ่ กับเบ็ดตกปลาคันหนึ่งให้ และบอก “เอาไปแบ่งกันเอง”ชายหนุ่มคนแรก เลือกปลาเข่งใหญ่ ชายหนุ่มคนที่สองเลือกเบ็ดตกปลา แล้วเขาก็แยกย้ายกันไปแบบทางใครทางมันชายหนุ่มคนแรก หิวมาก เขาหาที่ก่อไฟ ย่างปลากินทันที เขากินเอาๆ กินอย่างตะกละตะกลาม อิ่มแล้วก็ย่างปลากินตัวต่อไป ไม่ช้าปลาก็หมด ตามท้องเรื่องนิทาน ชายหนุ่มหิวตายอยู่ข้างเข่งปลาส่วนชายหนุ่มคนที่สอง ที่จริงเขาก็หิวมากเหมือนกัน แต่เขาทนหิว ถือเบ็ดตกปลา เดินไปที่ชายหาด เห็นทะเลและท้องฟ้าสีครามอยู่ไกลๆ แต่เขาไปไม่ถึงระยะทางที่เห็นว่าใกล้ๆนั้น ที่จริงไกลมาก เขาหมดแรง และล้มลงสิ้นใจ ตายเป็นคนที่สองไม่นาน ก็มีชายหนุ่มผู้หิวโหยอีกสองคน มาในสถานการณ์เดียวกัน ผู้เฒ่าก็มอบเข่งปลาสดเข่งใหญ่ และเบ็ดตกปลาให้ชายหนุ่มสองคนหลัง แตกต่างจากชายหนุ่มสองคนแรกแทนที่จะแบ่งของ และแยกย้ายกันไป เขามองไปที่ชายทะเล และตกลงกันว่าจะช่วยกันใช้เบ็ดตกปลา ระหว่างการเดินทาง เขาก็ช่วยกันก่อไฟย่างปลากิน เมื่อถึงชายทะเล เขาก็ยังมีเรี่ยวแรงกำลังตั้งหน้าตกปลาสองหนุ่มตกปลาได้เหลือกิน จนเอาไปขาย ไม่กี่ปีต่อมา เขาทั้งสองก็มีบ้านเป็นของตัวเอง มีครอบครัว มีลูก และมีเรือประมงเป็นของตัวเองนิทานเรื่องนี้จบลงตรงสองครอบครัวนี้มีชีวิตอย่างมีความสุขมีคำอธิบายความหมายชวนคิดจากนิทานเรื่องนี้จงมองเห็นการณ์ไกล คนที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ตรงหน้า ก็จะได้รับความสุขในช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนคนที่ตั้งความหมายไว้สูงมากเกินไป ก็ต้องเหนื่อยยากลำบากกาย จนเกิดความท้อแท้ ไปไม่ถึงเป้าหมายคนคนเดียวแม้จะมีความสามารถมาก แต่ก็มักมีข้อจำกัด ตัวอย่างชายหนุ่มคู่แรก แยกย้ายไปคนละทาง แล้วก็ล้มเหลวทั้งคู่ ส่วนชายหนุ่มคู่สองตกลงร่วมมือกัน แบ่งปันอาหารและอุปกรณ์ เดินหน้าไปทีละก้าวชายหนุ่มคู่แรก คนหนึ่งรีบกินปลาจนหมด อีกคนรีบร้อนเดินทาง แต่หมดแรงสิ้นใจไปก่อน ส่วนชายหนุ่มคู่สอง ร่วมมือกัน ช่วยเหลือเจือจานกันและกันก็ประสบความสำเร็จด้วยกันสถานการณ์บ้านเมืองเราตอนนี้ ผมดูทีวี หมอผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แนะนำ “ให้ทำใจ” ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนอีกมากมาย มีหัวใจเข้มแข็ง รวมตัวกันเป็นจิตอาสา ช่วยหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่ดูแลคนเจ็บ คนตาย เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในบรรยากาศที่เรื่องเศร้าๆ มีมากจนเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องซึ้งๆ ก็ยังมีให้เล่าสู่กันฟังมองโดยภาพรวม ผมยังเห็นบ้านเมืองเรายังมีปัจจัยสี่ เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่ และยา...มากพอ ประคับประคองกันไป ยาฝรั่งไม่มี ก็มี ยาไทย สถานที่ไม่พอ พระท่านก็ให้ใช้วัด หมอนครบาลหมอบ้านนอก ก็ยังประสานพลังเต็มที่อาหาร และกำลังคน ไม่ว่าที่ไหนก็ยังเห็นช่วยเจือจานกันไม่ขาดตอนเป็นเด็ก ผมเคยเล่นไพ่ “ตีแตก” ลืมแล้วกติกาเป็นไง แต่อยากบอกว่าโรคโควิด-19 มันรุกเร้าแค่ไหน ก็ตีเมืองไทยไม่แตก ตราบเท่าที่เรายังรักสามัคคีกันอยู่ห่วงก็แต่พวกนักการเมือง ถ้าเล่นกันตามกติกาก็เล่นกันไป แต่ขอที! อย่าเล่นกันถึงขั้นทำให้คนไทยแตกแยกกันจนเป็นสงครามกลางเมือง.กิเลน ประลองเชิง