แถลงการณ์จาก ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในฐานะประธานสภาสันติภาพและความปรองดองแห่งอาเซียน ถึงโศกนาฏกรรมในเมียนมา ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกอย่างหนักหน่วงของประชาคมนานาชาติและประชาคมโลกได้ส่งกำลังใจสวดภาวนาให้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้นในเมียนมา ความรุนแรงในเมียนมาจะนำไปสู่การเป็นปรปกษ์ต่อกัน จึงขอเรียกร้องให้ คณะทหารเมียนมา ได้ยุติการใช้กองกำลังติดอาวุธ เพื่อหยุดความรุนแรง และเรียกร้องให้ปล่อยตัว อองซาน ซูจี รวมทั้งนักการเมืองที่ถูกกักขังและมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการหารืออย่างสันติภาพเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวบนผลประโยชน์ที่จะให้เกิดสันติสุขและเสถียรภาพในเมียนมาเองหน้าที่ของอาเซียนในการที่จะเข้าไปมีบทบาทเชิงรุกในการเน้นย้ำให้ คณะทหารเมียนมา หาทางออกอย่างเร่งด่วนและครอบคลุมในการเจรจาบนพื้นฐานของหลักนิติรัฐ หลักการประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในกฎบัตรอาเซียน ทั้งนี้ สภาสันติภาพและความปรองดองแห่งอาเซียนมีความพยายามที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการนำสันติภาพและความปรองดองในเมียนมาให้เกิดขึ้นบนแนวทาง ความมุ่งมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างแรงกล้าของประชาชนเมียนมาประเทศในอาเซียน มีบทบาทน้อยมากสำหรับสถานการณ์ ใน เมียนมา เวลานี้ แม้จะมีการประชุม รมต.ต่างประเทศอาเซียน กันไปแล้วที่ ประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ต่างจาก ประเทศเสรีนิยม ที่แสดงท่าทีต่อการใช้กำลังกับประชาชนของรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างชัดเจนบทเรียนจากการรัฐประหารในเมียนมา หรือกรณีที่เกิดสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นข้อบ่งชี้ได้อย่างดีถึงความสัมพันธ์ที่หละหลวมของประเทศในกลุ่มอาเซียนเพราะฉะนั้นที่มองกันว่า อาเซียน จะเติบโตและพัฒนาแบบก้าวกระโดดเป็น จุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ของโลก อาจไม่เป็นไปตามนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพฤติกรรมและวัฒนธรรมของอาเซียนเองและมีแนวโน้มความเป็นไปได้ว่า ทั้งสองเหตุการณ์คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ ความรุนแรงในเมียนมา จะทำให้อาเซียนก้าวถอยหลังด้วยซ้ำนอกจากนี้ โควิด-19 จะทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวและการได้เปรียบเสียเปรียบมากขึ้น ประเด็นวัคซีนโควิด-19 ที่ยังแทงกั๊ก แย่งโควตากันอยู่ทุกวันนี้ หรือพยายามที่จะมีการผูกขาดในการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ว่าเป็นของภาครัฐเท่านั้น ทั้งๆที่ภาครัฐก็ถังแตกชักหน้าไม่ถึงหลังความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ จะตามมาหลังจากนี้ คือ เสถียรภาพและความมั่นคง การถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่จะหยิบปมของวัคซีนมาเป็นข้อต่อรองเราเองปฏิเสธไม่ได้ว่า ระหว่างสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเราปฏิเสธไม่ได้ถึงความพยายามในการเข้ามาแทรกแซงของจีนและสหรัฐฯ ความสำคัญและความสัมพันธ์ที่เราไม่สามารถจะต่อรองจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เลย ต้อง ยอมรับว่ายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศเราอ่อนแอมากเกินไปขาดวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำ.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th