ปี 2519 ผมเป็นนักข่าวมาหลายปี มองรุ่นพี่ๆที่นั่งโต๊ะข้างๆ แล้วก็อยากเป็นนักเขียนกะเขาบ้าง วันหนึ่งเดินในร่มเงาครึ้มของสวนมะพร้าว ละแวกคุ้งลมทวน เมืองแม่กลอง เห็นสาวงามคอนหาบพวงกระบอกน้ำตาล...เดินข้ามสะพานไม้ไผ่ลำเดียว ข้ามท้องร่องสวน ก็ทำเป็นเห็นเรื่องอัศจรรย์ ถ่ายรูปเอาไว้ ที่จริงความเคลื่อนไหวตรงหน้า เป็นอาชีพที่แม่ทำ เป็นเรื่องคุ้นตาเห็นมาแต่เด็กเดินตามสาวต่อไปรอจนเธอปีนพะองไปถึงยอด เธอปลดเชือกผูกกระบอกที่รองน้ำตาลไว้เมื่อวันวานออก ชักมีดปาดตาลที่เหน็บไว้ที่ข้างสะเอว ปาดงวงมะพร้าวได้ภาพแล้ว ผมจดชื่อสาวงาม ที่จริงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จงรัก อาทยะกุล เขียนเรื่องจบ อัดภาพเรียบร้อยเลือกรูปเดินไปส่งหัวหน้า“มึงเขียนอะไรของมึง” อ่านไม่กี่ย่อหน้า หัวหน้าก็บ่น “มีแต่บรรยากาศ” แล้วก็เก็บเรื่องเข้าแฟ้มสองเดือนผ่านไป หัวหน้าไม่นั่งโต๊ะ แฟ้มเรื่องหนาเตอะยังวางอยู่ ผมย่องเข้าไปหยิบเรื่องก้นแฟ้มออกมา ตั้งสติกลั้นหายใจ อยากเสี่ยงดวงอีกสักครั้ง เดินเข้าห้องแอร์ปูพรม ที่สามเทพผู้ยิ่งใหญ่นั่งเทพที่ 1 เทพจริงๆ ชื่อสุเทพ เหมือนประสิทธิเวช เทพที่สอง เขียนสังคมหน้า 4 “รามสูร” เทพที่สาม คอลัมนิสต์หน้าบันเทิงระดับตำนาน “ไก่อ่อน”สักยี่สิบนาที พี่เทพตัวจริงเรียกเข้าไป สบตาแล้วยิ้ม นี่น่าจะเป็นสัญญาณดี หันไปเรียกเพื่อนข้างๆ “บรรเจิด (ทวี) โกวิท (สีตลายัน)” ออกชื่อผมแล้วว่า “มันมาแล้ว”นับแต่นาทีนั้น ชีวิตผมก็เปลี่ยน เริ่มจากพี่ๆ มักมีเรื่องให้เขียนคอลัมน์แทนแบบกะทันหันเรื่องที่อยากคุย “ชาลหนุ” คอลัมน์ ขี่ม้าสีบานเย็น พี่ชลอ อยู่เย็นเคยเป็นหัวหน้าข่าวสยามรัฐ คู่บารมีนายกฯคึกฤทธิ์มานาน เขียนถึงนายกฯตอนนั้นแบบคนรู้ทาง ดักใจ คนฮือฮาตามอ่านกันทั้งเมืองการเขียนแทนรุ่นพี่ ลีลาไก่อ่อน ลีลา โตมร ไตรรงค์ หรือ เอ้า“เปลว สีเงิน”ก็พอฝืนๆเขียนตามไปให้จบ แต่กับพี่ชลอ พี่แกอุ้มพิมพ์ดีดโอลิมเปีย เครื่องใหญ่ เอามาวางโครมบนโต๊ะแล้วบอก “วันนี้พี่ไม่ไหวจริง”มองไปที่พิมพ์ดีด ผมเอะใจ...มีกระดาษคาอยู่ พี่ชลอ เริ่มต้นแบบลมเพลมพัดไว้สามบรรทัด ผมจำไม่ได้แล้วว่า เขียนต่อไปจนจบได้ยังไง... แต่นี่คือความทรงจำ ที่ให้เหรียญตราตัวเอง “กูเป็นนักเขียน” แล้วกระมัง!!เวลาผ่านมากว่ายี่สิบปี ปลายฝนต้นหนาว ต้นปี 2541 ผมนั่งน้ำตาร่วง เขียนเรื่อง “วิถีแห่งมังกร” ในคอลัมน์ “ลั่นกลองรบ” แทน “มังกร ห้าเล็บ” ผู้เพิ่งลาจากเดือนมกราคม กลุ่มดาวมังกร ปรากฏบนท้องฟ้าเวลากลางวัน ผมจะส่งจิตคิดถึงพี่ แต่ก็มองไม่เห็นมีเรื่องที่นึกถึงพี่ทุกครั้ง เมื่อมังกรเจอใคร ก็มักแนะนำผมว่ามันเขียนหนังสือดีเรื่องเดียวที่พี่พูดถึง “สาวปาดตาล” ผู้หาบคอนพวงกระบอกน้ำตาลสองบ่า จนเวลามืดค่ำ แต่กลั่นกล้าไม่เกรงใคร เพราะมีมีดปาดตาลคมขนาดมีดโกนเล่มเขื่อง คาดข้างเอววันนี้ถ้าพี่ยังอยู่ ผมคงต้องรีบบอกข่าว สาวปาดตาล ของพี่คนนั้น เธอตายแล้ว ก่อนโควิดรอบสองวันสองวัน ผมไม่ได้ไปงานเผาเธอ เพราะเธอสมัครใจไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักเรียนแพทย์ศิริราชตลอดชีวิตผมอ่านหนังสือมาก ผมมีครูมีอาจารย์นับไม่ถ้วนถ้าผมไม่มี จงรัก อาทยะกุล สาวปาดตาล เป็นบันไดขั้นแรก ไม่มี มังกร ห้าเล็บ เป็นสะพานเชื่อมทาง ในวันนี้ วันที่มีคนตกงานมากมาย ไม่ว่าเพราะฤทธิ์โควิด-19 หรืออาชีพหนังสือพิมพ์ร่วงโรยเต็มทีถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่า ผมก็ยังมีงานทำ.กิเลน ประลองเชิง