สิทธิในการ บอกกล่าว “ความเห็น” และ “การขอกำหนดอนาคตตนเอง” ของคนอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา บันทึกบอกเล่าไว้โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้เปลี่ยนหลังคาโรงพยาบาลให้เป็นหลังคาโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า และถูกยกให้เป็นเอ็นจีโอแห่งจะนะ“ประชาธิปไตย” ไม่ใช่เพียง “การเลือกตั้ง” แต่คือการเคารพในสิทธิและเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนก็ต้องส่งเสียง ยิ่งมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดกั้น การจะมากันมากๆก็ย่อมไม่ง่ายเมื่อมีการผลักดันนิคมอุตสาหกรรม 16,753 ไร่ พร้อมโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่มาก 3,700 เมกะวัตต์ และท่าเรือน้ำลึกอีก 3 ท่า ที่จะมาผุดในอำเภอจะนะ ผลกระทบต่อทะเล วิถีชีวิต สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มากมาย โดยที่คนพื้นที่ยังรู้ข้อเท็จจริงน้อย มีอำนาจรัฐกดทับ อำนาจทุนแจกสะพัด การมีส่วนร่วมเป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำกันได้เพียง...เชิญพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ติดตามการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องชุมชนอันสงบ ปกป้องอากาศดี ปกป้องทะเลสมบูรณ์ ปกป้องชายหาดขาว ปกป้องวิถีชีวิตอันงดงามและปกป้องสุขภาพที่มีค่า “แผ่นดินจะนะก็แผ่นดินไทย พี่น้องจะนะก็คือคนไทย เสียง สนับสนุนและกำลังใจจากคนไทยทั่วประเทศ ส่งให้คนจะนะสู้กับรัฐเผด็จการและทุนละโมบ นี่จึงจะมาถึงซึ่งชัยชนะในการปกป้องจะนะ และปกป้องอุดมการณ์ประชาธิปไตย”“จะนะ”-“ม่วงงาม” ชะตากรรมเดียวกันเพราะรัฐไร้ธรรมาภิบาล“หาดม่วงงาม”...อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งใน ชายหาดตรงยาวใหญ่สมบูรณ์ที่สวยงามที่สุดของคาบสมุทรสทิงพระ วันดีคืนดีกรมโยธาธิการและผังเมืองก็มาสร้างกำแพงกันคลื่น อ้างว่าได้ทำการรับฟังความเห็นมาเรียบร้อยไม่มีใครค้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านใครจะไปกล้าค้านนโยบายของรัฐกว่าประชาชนส่วนใหญ่จะรู้เรื่องก็เมื่อรถจักรกลหนักลงมาขุดหาด เอาคอนกรีตมาเททำลายผืนทรายไปมากพอควรแล้วชาวบ้านออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย แต่โครงการก็ยังไม่รู้ไม่ชี้เดินหน้าต่อไป กะจะอึดๆสร้างให้เสร็จ ต้องใช้งบให้หมด หยุดกลางคันไม่ได้ เพราะข้อตกลงหลายอย่าง สัญญาหลายประการทั้งลับและเปิดเผยได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว เดินหน้ากันแบบประหนึ่งว่า หาดพังไม่ว่า ขอให้ข้าได้ทำโครงการจนแล้วเสร็จ?วันนี้...หาดม่วงงามยังสวยงาม การกัดเซาะมีน้อยมาก หยุดสร้างกำแพงกันคลื่น เอาเงินงบประมาณนั้นไปเยียวยาพี่น้องคนไทยคนละ 5,000 บาทเพิ่มเติมให้ครบถ้วนไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องรีบสร้าง หากรัฐเป็นรัฐธรรมาภิบาลจริงก็ควรจัดวงคุยถกกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วจึงเดินหน้าต่อ หรือหยุดโครงการน่าจะดีกว่าที่ “อำเภอจะนะ” ก็เช่นกัน จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมร่วม 20,000 ไร่ ครม.มีมติอนุมัติในหลักการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 โดยที่คนจะนะแทบไม่มีใครรู้เรื่อง พอมีผังเมืองสีม่วงซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาให้เห็น ชาวบ้านจึงเริ่มรู้ความจริง “รัฐ” ก็รีบจัด “เวทีรับฟัง” ในสามตำบลคือ ตลิ่งชัน นาทับ สะกอม ปิดกั้นให้คนเข้าร่วมได้คือ คนตำบลนั้นๆ คนตำบลจะโหนง ตำบลคลองเปียะ ตำบลป่าชิง ตำบลบ้านนา ที่รั้วหมู่บ้านก็ติดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลับไม่มีพื้นที่รับฟัง....นักวิชาการ คนสงขลา คนหาดใหญ่ก็นับเป็นคนนอกไม่ต้องรับฟังเขาราวกับ...อากาศ น้ำเสีย มลพิษ จะไม่รั่วไหลออกนอกพื้นที่สามตำบลเช่นนี้คือการรับฟังความเห็นแบบพิธีกรรม ทำให้ครบ ทำให้เสร็จ เพราะนายทุนได้ลงทุนกว้านซื้อที่ดินไปมากแล้ว จ่ายไปมากแล้ว หรือมีใครไปรับปากนายทุนอะไรบ้างก็ไม่รู้ไปมากมายแล้วหรือเปล่า?คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมามากมายต่อเนื่อง...และเมื่อเวทีการรับฟังความเห็นประชาชนไม่ใช่พื้นที่กลางที่ประชาชนจะคาดหวังความเป็นธรรมได้ คนม่วงงามกับคนจะนะจึงอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน“เราเป็นพลเมืองแห่งรัฐที่มีสองทางเลือก เป็นเด็กดีเชื่อฟังรัฐเขาให้ 5,000 ก็รับไว้ เขาให้กำแพงกันคลื่นก็รับมา อยู่ไปทำมาหากินไปตามมีตามเกิด หรือเราจะเป็นเด็กดื้อออกมาปกป้องบ้านเกิดแต่แน่นอนว่าชีวิตเราจะเหนื่อยยาก เพราะอำนาจรัฐจะถาโถมมาสู่ชุมชนหรือกลุ่มของเรา นี่คือโจทย์ภาคพลเมืองคนสงขลาในวันนี้”แล้วคนอำเภอเมืองสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จะไม่ช่วยกันหาคำตอบหรือทางออกกันบ้างหรือ“ผังเมือง” คือ “ผังชีวิต” คือข้อตกลงการใช้ชีวิตร่วมกันของคนในจังหวัด ผังเมืองรวมสงขลาปี 2559 เป็นผังเมืองรวมที่ผ่านการทำมาอย่างถูกต้อง และมีส่วนร่วมในทุกอำเภอ อำเภอละหลายๆครั้ง ...มีการปรับการแก้การต่อรองจนเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายคนสงขลาเห็นชอบร่วมกัน จึงประกาศใช้เป็นผังเมืองรวมจังหวัดสงขลาปี 2559 ซึ่งพื้นที่อำเภอจะนะนั้นมีเขียวขจี ไม่มีสีม่วงหรือนิคมอุตสาหกรรมแต่อย่างใดนพ.สุภัทร บอกว่า ที่ผ่านมาก็มีผังเมืองเมืองใหม่หลุดออกมา สีม่วงเต็มพรึบในพื้นที่สามตำบลริมทะเลของอำเภอจะนะ งุบงิบลงสีผังเมืองเป็นสีม่วงตามแปลงที่ดินที่นายทุนครอบครองหรือหมายปองหรือเปล่า? แล้วเอามารับฟังความคิดเห็นประชาชน จัดเวทีเล็กๆในหมู่บ้าน ตำบลละสามครั้ง ให้เข้าจำนวนจำกัดเพราะการต้องเว้นระยะห่างจากโควิด และมีประกาศไม่ให้คนนอกพื้นที่ตำบลนั้นเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจึง...เข้าข่ายกระบวนการรับฟังที่เป็นพิธีกรรม ทำย้อนหลังให้ครบถ้วนเท่านั้นการเปลี่ยนสีผังเมืองคือขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนจะนะให้เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หากไม่มีผังเมืองสีม่วงมารองรับ ก็ไม่สามารถสร้างนิคมอุตสาหกรรมได้นี่จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ต้องใช้ทุกกระบวนท่าให้ผ่านตามขั้นตอนกฎหมายให้ได้โปร่งใสตรงไปตรงมาไม่เป็นไร แต่อย่าให้ใครเขาว่าได้ว่า... ธรรมาภิบาลไม่ต้องมี ความชอบธรรมไม่ต้องสน หรือทำกันอย่างลักๆ ซ่อนๆ อย่าให้ชาวบ้านเขาเรียกว่าทำเหมือน “โจร” เลยนะครับมองให้รอบด้านต่อโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ...ที่ต้องช่วยกันปกป้อง เพราะ หนึ่ง...การเห็นชอบเดินหน้านิคมอุตสาหกรรมนี้ ใช้การประชุมแบบลักไก่ เอาเข้า ครม.ในนัดสุดท้ายก่อนหมดอายุ คสช.สอง...นิคมอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าและท่าเรือน้ำลึกเป็นของเอกชนรายเดียว แต่ ศอ.บต.มาผลักดันโดยใช้งบภาษีประชาชนมาจัดเวทีประชาสัมพันธ์ หรืออาจมีมากกว่านี้ แต่ยังหาหลักฐานไม่พบบรรยากาศที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นและรู้สึกชัดเจนเหลือเกินว่า... การจัดการมีส่วนร่วมก็เป็นเพียงพิธีกรรม จัดเวที 3 ชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนจะนะไปตลอดกาล ที่สำคัญ...จัดเวทีรับฟังในช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะแสดงออกคัดค้านก็อาจถูกทหาร ตำรวจเล่นงานถึงติดคุกแน่นอนว่า...ชุมชนไม่ได้ต้องการการพัฒนาแบบยัดเยียด “ชุมชนจะนะ” ต้องการการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่คนในชุมชนได้ร่วมออกแบบอนาคตของตนเองช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่อเค้าลางว่า อย่างไรเสีย “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ก็ต้องเกิด ถูกสร้างแน่ๆ “คนไทย” ทั้งประเทศต้องช่วยกันจับตารวมพลังต้านความไม่โปร่งใสพลังใต้ดินเหล่านี้ให้หมดไป#SAVECHANA หากคนไทยไม่ช่วยกัน อนาคตจะนะก็คงไม่เหมือนวันวาน.