โควิด-19 ยังอยู่คู่ขนานขัดแย้งยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนการเมืองโลกก็ร้อนขึ้นเป็นลำดับ เฉพาะระหว่างสหรัฐฯ ที่เปิดฉากถล่มจีนในทุกมิติดูจากรูปการณ์แล้วล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ว่าไปแล้วนับแต่เกิดเหตุการณ์โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลกนั้นคะแนนนิยมวูบไปเยอะ...เพราะความผิดพลาดในวิธีคิดและแนวทางการป้องกันทำให้เสียรังวัดและจะมีผลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอนก่อนอื่นต้องมองไปที่คู่ชิงชัยการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ลงตัวที่ “โจ ไบเดน” จากพรรคเดโมแครตกับ “ทรัมป์” จากพรรครีพับริกันที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีที่จะต้องเสนอตัวไปพร้อมกัน ในส่วนของ “โจ โบเดน” นั้นมีชื่อ “ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ” ทหารผ่านศึกลูกครึ่งไทย-อเมริกันและวุฒิสมาชิกเกิดที่กรุงเทพฯ เคยเข้าร่วมรบในสงครามที่อิรัก ระหว่างเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ถูกยิงและเกิดระเบิดทำให้สูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง รวมถึงแขนขวาพิการแต่ด้วยความรู้ความสามารถในบทบาทของวุฒิสมาชิกทำให้มีชื่อเสียงเด่นดังจึงได้รับการทาบทามให้เป็น 1 ใน 5 ซึ่งเป็นผู้หญิงล้วนที่จะได้รับการเลือกให้ลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดีเบื้องต้นว่ากันว่าทีมงานของโจ ไบเดน พอใจหลังจากมีการสัมภาษณ์และให้ส่งเอกสารประวัติส่วนตัวเพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไปว่ากันว่ามีโอกาสสูงที่เธอจะได้รับการคัดเลือก“โดนัลด์ ทรัมป์” ที่พยายามอย่างสูงสุดเพื่อกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ รอบที่ 2 ทำยังไงจึงจะรักษาเก้าอี้เอาไว้ให้ได้ยิ่งความนิยมลดลงยิ่งต้องหาวิธีการสู้ทุกรูปแบบเพื่อให้ชนอเมริกันเทคะแนนให้ขนาดว่าต้องยอมใส่ “หน้ากาก” ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ทั้งๆที่เคยต่อต้านมาก่อนเท่าที่ดูแนวทางการหาเสียง เพื่อเอาชนะใจชาวอเมริกันให้ได้ด้วยภาวะที่เป็นรองเนื่องจากความล้มเหลวที่ผ่านมาแล้วนั่นคือการปลุกแนวคิด “ชาตินิยม”เพราะเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะดึงใจชนสหรัฐฯให้มาสนับสนุนด้วยการสร้างภาพความเลวร้ายของจีนที่ตอกย้ำถึงความเลวร้ายด้วยวิธีการต่างๆ นานา รวมถึงแรงกดดันที่ยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างเรื่องฮ่องกงและการเข้ามาสร้างอิทธิพลในทะเลจีนใต้ที่มีความขัดแย้งระหว่างจีนกับหลายประเทศในภูมิภาคนี้ว่าด้วยการยึดครองพื้นที่การกีดกันคนจีนทั้งในเรื่องการเรียน ธุรกิจ และการกำจัดสิทธิในการเข้าประเทศเพื่อลดบทบาทและสร้างกระแสทำให้คนสหรัฐฯมีความรู้สึกว่า “จีน” คือตัวอันตรายซึ่งจะต้องร่วมใจกันป้องกันคือ “ศัตรู” ของ “สหรัฐฯ” และตัวเขาจะเป็นคนถือธงนำจึงไม่ต้องแปลกใจว่าการหาเสียงของ “ทรัมป์” จนมาถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรใหม่และไม่มีอะไรที่จะจูงใจสามารถสร้างคะแนนนิยมขึ้นมาได้เลยการปลุกระดมสร้างความเป็น “ชาตินิยม” จึงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นชุด “ความคิด” ที่คิดว่าจะทำให้ประสบผลสำเร็จได้อยู่ที่ว่าจะเป็นกระแสที่แรงพอจะจุดขึ้นมาได้หรือไม่?แม้จะสร้างความไม่พอใจและตอบโต้ทุกรูปแบบของจีน แต่ก็คงพอที่จะรู้กันดีว่าเป็นเพียงกลอุบายเพื่อหวังเอาชนะเลือกตั้งมากกว่าเพราะทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็เท่าทันกันอยู่แล้ว.“สายล่อฟ้า”