บ้านเมืองกำลังจมดิ่งอยู่ในวิกฤติลูกใหม่บนกติกาที่ปิดกั้นตัวแทนประชาชนเข้ามาบริหารประเทศถึงเวลาที่คนจำนวนหนึ่งในนามกลุ่มแคร์ก่อเกิดขึ้นระดมไอเดียหาวิธีการแก้ปัญหา เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานไร้นัยยะทางการเมือง เร่งพร้อมเปิดตัวเดือน มิ.ย.ต้องเปิดข้อมูลอีกชุดบอกแก่สังคมก่อนปัญหาหนักๆตามมานพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำกลุ่มแคร์ พูดคุยกับ ทีมการเมือง พร้อมเน้นย้ำถึง “โจทย์ใหญ่ต้องหมุนให้ออก” ไม่ควรหยุดระบบเศรษฐกิจทั้งหมด การเยียวยาเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทำได้ชั่วคราว เพราะรัฐมีเงินจำกัดตามการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ส.ส.หลายท่านอภิปรายได้เห็นภาพ อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลสะท้อนให้เห็นโครงสร้างงบประมาณแบบแผนเก่า ใช้มานานเกือบ 10 ปีนับเป็นความผิดพลาดมหาศาล เดินทางผิดเช่นนี้จะสร้างปัญหาให้รัฐบาลทางออกจากวิกฤติของประเทศยังมีอยู่ แม้ ส.ส.ทำหน้าที่เต็มที่ในสภาฯ แต่แตะการบริหารไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ เพราะถูกเซ็ตระบบไว้เรียบร้อย ท่ามกลางมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายบนสถานการณ์วิกฤติกลุ่มแคร์พยายามเสนอแนวคิดเปรียบเทียบ ให้เห็นถึงการแก้ปัญหาต่างๆหลักใหญ่เป็นประโยชน์กับประชาชน ประชาชนมีทางเลือกและทางออกถ้ารัฐบาลเป็นห่วงประชาชนจริงสามารถนำไปใช้ได้พรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านหยิบไปใช้ได้ยิ่งในยุคที่คิดว่าอำนาจคุมอย่างนั้นคุมอย่างนี้ได้ แต่ไม่สามารถคุมปัญญาคุมสมองของคนได้ เพราะข้อมูลมันไปอีกทางหนึ่ง ไปหลอกประชาชนไม่ได้ยิ่งบ้านเมืองเกิดวิกฤติโควิดกินเวลานานแน่นอนวัคซีนต่อให้คิดค้นสำเร็จ จะฉีดให้ครบใช้เวลา 2 ปีเป็นอย่างน้อยวันนี้วัคซีนที่ดีที่สุดคือพฤติกรรมที่เราเปลี่ยนแปลงไปในการระมัดระวังกันเมื่อเป็นเช่นนี้กลับไปดูการเตรียมพร้อมด้านการแพทย์ เครื่องไม้เครื่องมือที่รักษาได้ ตัวเลขสถิติที่มีอยู่ 100 คนที่ติดเชื้อ ในจำนวนนี้มี 5 คนเข้าไอซียู แต่ละคนที่อยู่ไอซียูนาน 6 สัปดาห์ขณะนี้ในประเทศมีห้องไอซียู 2 พันห้อง รับผู้ติดเชื้อได้วันละ 2 พันราย ยาก็เตรียมพร้อมสรรพสำหรับรองรับการติดเชื้อรุ่นใหม่ ซึ่งผู้ป่วยทุกคนไม่ได้มีอาการหนักหลุมแรกโรคกำลังผ่านไป หลุมที่สองวิกฤติเศรษฐกิจกำลังตามมานายศุภวุฒิ สายเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหาภาค ให้ตัวเลขเอาไว้ 150 วันอันตรายประมาณเดือน ต.ค.63 หลังดูจำนวนผู้ขอรับการพักชำระหนี้และตัวเลขบางตัวที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจเขาให้กลัวโรค ผมให้กลัววิกฤติเศรษฐกิจกลุ่มแคร์ยึดหลัก 1.คิดบวก คิดสร้างมากกว่าคิดทำลาย 2.หาคำตอบ มีทางออกให้ 3.คิดแล้วทำให้ได้ เพราะคิดทะลุหมดทุกครั้ง พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว 4.คิดเพื่อประโยชน์ของประชาชน เป็นวิญญาณในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆให้สำเร็จจึงออกความคิดชุดแรก “ชุบชีวิตเศรษฐกิจ” หลังหุบเหวแรกเรื่องโรคระบาดผ่านไปขณะนี้หุบเหวลึกและกว้างขวางกว่า คือ วิกฤติเศรษฐกิจ จะดำรงอยู่ไม่ต่ำกว่า 2 ปีเราต้องสร้างเครื่องมือให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ 1-2 ปีถึงค่อยๆปรับข้างหน้าโดยโครงสร้างเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่มีทางเลือกหลากหลาย แต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกือบครึ่งยืนอยู่ได้แค่ 3 เดือน ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติต้องมีมาตรการช่วยเหลืออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปี ให้ธนาคารพาณิชย์ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อต่อ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ภายใต้เงื่อนไขเอสเอ็มอีต้องจ้างงานต่อ พยุงหนี้ 4 ปี เพื่อให้ความมั่นใจไม่ปิดบริษัท และค่อยหาทางเลือกอื่นให้ขณะที่รัฐบาลประกันความเสี่ยง 100 เปอร์เซ็นต์ในจำนวนหนี้เสีย 20 เปอร์เซ็นต์จากวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เท่ากับ 4 แสนล้านบาท เท่างบประมาณ 4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ให้ข้าราชการสร้างงานที่ตัวเองอยากให้สร้างงานใหม่ เพื่อจ้างคน ทำไมไม่จ้างงานภาคเอสเอ็มอีที่มีอยู่ให้ดำรงอยู่ต่อไปหากไม่ยุ่งเงิน 4 แสนล้านบาท จะไปทำอะไรก็ทำไป แต่รัฐบาลควรกู้เงินแบงก์ชาติ ผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาล 100 ปี ให้แบงก์ชาติซื้อ จ่ายต้นพร้อมดอก 7 ล้านบาทต่อปี ไม่มีหนี้เสีย เป็นวิธีที่เคยใช้กับกองทุนหมู่บ้านและเคยจะใช้ในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นวิธีการบริหารการเงินปกติที่ทำกันแบบนี้แบงก์กล้าปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี เนื่องจากรัฐบาลให้ความมั่นใจกับแบงก์ ในที่สุดจะเป็นภาษีที่ฟื้นคืนกลับมาให้ประชาชน ไม่ได้ให้เอสเอ็มอีถึงใช้คำว่าชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยทุกคน ไม่เช่นนั้นแบงก์ใหญ่แค่ไหนก็เจ๊งข้อย้ำที่น่ากลัวระลอกสองคือปัญหาเศรษฐกิจ เผาจริงแน่นอน และปี 64 ลอยอังคารขณะเดียวกันด้านท่องเที่ยวก็น่าเป็นห่วง ควรเตรียมพร้อมทั้งในและนอกประเทศ ภายใต้เปิดประเทศเร็วและคนไทยปลอดภัย ด้วยการจัดระบบต่างๆเพิ่มความปลอดภัย เจรจากับประเทศนั้นๆให้เรียบร้อย รับมือการเปิดประเทศที่จะมีขึ้นกลุ่มแคร์ถูกจับตายังมีกลิ่นอายเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองการปกครองอยู่ นพ.พรหมินทร์ บอกว่า เราไม่ใช่พรรคการเมือง ยินดีต้อนรับทุกคน รับฟังหมดทุกคนภายใต้อุดมการณ์เพื่อประชาชนชัดเจนอำนาจการเมืองขึ้นอยู่กับการกินดีอยู่ดีของประชาชนขณะเดียวกันการเมืองสมัยใหม่กำลังเคลื่อนไปสู่อำนาจของประชาชนอีกแบบหนึ่ง ตามแนวทางประชาชนและอำนาจ ยิ่งเห็นการบริหารประเทศในยุคนี้ เราก็เสนอวิธีที่แตกต่าง เป็นทางเลือกที่อันเก่าอาจไม่ดีก็ได้ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ถูกหยิบไปใช่ก็ไม่เป็นอะไร วันนี้เมื่อเผชิญปัญหา เราก็พยายามหาทางออก ใครเข้าใจก็หยิบไปใช้ ไม่เข้าใจก็ว่ากันไป กาลเวลาเป็นตัวพิสูจน์ใครมองกลุ่มแคร์ในทางลบ ก็ไม่เป็นอะไร ทั้งหมดอยู่ที่การกระทำและเนื้อหาที่นำเสนอเป็นตัวบ่งชี้สถานการณ์การเมืองมีการปะทะทางความคิดระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยม กับฝ่ายก้าวหน้า นพ.พรหมินทร์ บอกว่า โลกเปลี่ยนสถานการณ์เปลี่ยน วิธีคิดเปลี่ยนไปทุกวัน ต้องตามให้ทันโลกเปลี่ยนไปอย่างไร วิธีคิดทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างไรผู้นำต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงถึงนำพาประเทศได้ขอเปรียบเทียบให้เห็นเราดูแลลูกๆ ลูกไม่ได้เชื่อเรา เพราะวิธีคิดเปลี่ยนหมด ถ้าเรารู้จักรับฟังให้ดี เข้าใจเงื่อนไขลูก ถึงปรับเปลี่ยนได้สมมติเรายังแข็งทื่อ ไม่ยอมรับฟังลูก ในที่สุดครอบครัวแตก ลูกไม่เอา เสียคน หนีออกจากบ้านสิ่งที่คนรุ่นใหม่เปลี่ยน เพราะไม่แคร์ของเก่าใครไปสั่งคนรุ่นใหม่ได้ เขามีทางเลือกเยอะแยะฉะนั้นขอให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก โลกหมุนเวียนเปลี่ยนเร็วจนกระทั่งการปรับตัว ปรับความคิดไม่ทันเกิดเหตุการณ์แครกกันทุกประเทศทีมการเมือง ถามว่าผู้กุมอำนาจประเทศไม่ฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ จะนำไปสู่อะไรในทางการเมือง นพ.พรหมินทร์ บอกว่า อะไรที่ไม่สมดุล ย่อมกลับไปสู่จุดสมดุลมันก็เกิดการแครก สปาร์คนิดเดียวไฟลุกเลยแต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรฉะนั้นสังคมไหนไปได้ดี ผู้นำที่ดีต้องรับฟัง ผู้นำต้องปรับตัว.ทีมการเมือง