เข้าสู่เฟส 5อีกก้าวหลังโควิด-19รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการเฟส 5 เท่ากับว่ากิจการ-กิจกรรมแทบทุกอย่างให้ดำเนินการได้เมื่อมั่นใจว่าการแพร่เชื้อระบาดสามารถควบคุมได้ตัวชี้วัดในเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ว่าการติดเชื้อในประเทศที่ผ่านมาตัวเลขเป็นศูนย์ (0) ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 เป็นต้นไปมาไล่เรียงกันดูว่ามีอะไรบ้าง?1.เปิดโรงเรียนทั้งหมดจากเดิมอนุญาตให้ปิดเพียงโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนกวดวิชา2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือคอมมิวนิตี้มอลล์ แต่ต้องปิดให้บริการในเวลา 22.00 น.3.ร้านสะดวกซื้อสามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมง4.สถานบริการ ผับ บาร์ และร้านคาราโอเกะอนุญาตให้เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 24.00 น. และขอให้เว้นระยะยืนและนั่ง 1 เมตร โดยจำกัด 4 ตารางเมตรต่อหนึ่งคน ห้ามร่วมโต๊ะกับกลุ่มอื่น พนักงานต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ต้องมีระยะห่างโต๊ะมากกว่า 2 เมตรหากทำไม่ได้ต้องมีฉากกั้นสูง 1.5 เมตร มีระบบอากาศเพื่อหมุนเวียนอากาศที่ดีและต้องมีพื้นที่เฉพาะในการสูบบุหรี่นอกอาคารที่สำคัญคือ ต้องลงทะเบียนเข้า-ออกด้วยแอป “ไทยชนะ”5.สถานอาบอบนวดเปิดให้บริการได้ แต่ผู้เข้าไปใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ยกเว้นขณะอาบน้ำ มีจุดบริการล้างมือที่เพียงพอ ทำความสะอาดห้องหรืออ่างอาบน้ำหรือสุขา ซึ่งเป็นผิวสัมผัสบ่อยๆก่อนใช้บริการในแต่ละครั้งควรเว้นระยะนั่งและยืนมากกว่า 1 เมตรนอกจากนั้น ยังเห็นชอบให้เปิดจุดผ่านแดน เพื่อการขนส่งเพิ่มเติม 9 จุดทั่วประเทศ เช่น หนองคาย แม่ฮ่องสอน และสงขลา รวมถึงอนุญาตให้บุคคล 6 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศไทยได้ เช่น กลุ่มนักธุรกิจและคู่สมรสของผู้มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยแต่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนแม้เรื่องนี้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะจากฝ่ายค้านและที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลที่เห็นว่าเป็นมาตรการเพื่อหวังผลการเมืองมากกว่าการป้องกันโควิด-19 เนื่องจากต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมการชุมนุมคัดค้านรัฐบาลรัฐบาลชี้ว่าเนื่องจากการที่รัฐบาลผ่อนปรนมาเฟส 5 ที่มีหลายกิจการที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดได้ง่ายมุ่งเน้นมากที่สุดก็คือการเปิดโรงเรียนทั้งระบบไหนๆก็รอกันมานานแล้วอีกแค่ 1 เดือนเท่านั้น จึงต้องมองเรื่องนี้อย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่ามองในแง่ร้ายมากเกินไปเพราะถึงที่สุดแล้วรัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะฝืนกระแสปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ แต่ถ้าคิดอีกด้านก็ไม่ควรเสี่ยงในเรื่องสุขภาพของประชาชนที่ไทยสามารถดำเนินการมาได้อย่างดีและเป็นคุณแก่ชีวิตผู้คนอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆแล้วสภาพความเป็นไปของรัฐบาลที่ดำรงอยู่นั้นก็อยู่ในอาการที่ไม่ค่อยจะดีนัก แม้ในพลังประชารัฐจะเปลี่ยนหัวเปลี่ยนตัวกันไปแล้วก็ตามจับทิศทางต่อไปมองทะลุไปให้ดีการปรับ ครม. ที่จะเกิดขึ้นในระยะไม่นานนั้น ส่อเค้าว่าจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นมาอีกแน่แค่หาทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ก็หาใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆอย่าเอาชีวิตประชาชนมาอยู่ในเกมดีกว่า!“สายล่อฟ้า”