บทอาขยานบทหนึ่ง ที่เด็กนักเรียนชั้นประถมรุ่นผม (พ.ศ.2496-2500) ต้องท่องจำ คือบทที่ขึ้นต้นว่า “แสนเสียดายนันทาที่น่ารัก...”ความจำเรื่องนี้ถูกรื้อฟื้นเมื่อปี 2522 คุณหญิงกษมา วรวรรณ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ สั่งให้จัดพิมพ์หนังสืออ่านเพิ่มเติมภาษาไทย ชุดอมตนิทาน ขึ้นใหม่ ให้นักเรียน ป.1 อ่านมีสามเรื่อง เรื่องลูกหมา เรื่องลูกกบ และเรื่องแม่ไก่ดื้อเรื่องแม่ไก่ดื้อ ลองอ่านตอนแก่...อีกครั้ง...อยากรู้ ความรู้สึกที่มีให้ “นันทา” แตกต่างจากตอนเป็นเด็กอย่างไรแม่ไก่ลายตัวหนึ่ง ชื่อนันทา มีขนสีขาวกับสีดำสลับกัน มันชอบอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน บ้านนั้นมีรั้วสังกะสีล้อมรอบ และประตูรั้วปิดอยู่เสมอ นันทาจะออกไปที่ถนนก็ไม่ได้มีต้นมะม่วงและต้นมะลิอยู่ริมสนาม กรงของนันทาอยู่ใต้ต้นมะม่วงนั้น กรงนั้นทำด้วยไม้ทาสีแดง ข้างประตูกรงมีอ่างใส่น้ำตั้งไว้ให้มันกินเจ้าของไก่ตัวนี้ คือเด็กหญิงสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อดารา คนน้องชื่อรุจี“ไก่ของเราอยู่ที่ไหนเล่าคะ” รุจีถามพี่สาว “พี่เห็นมันไปมองๆที่ประตู” ดาราตอบ “ดูท่าทางมันพยายามจะมุดใต้ประตูออกไปข้างนอกเป็นแน่ทีเดียว” “ถ้านันทาออกไปที่ถนน” รุจีร้องขึ้น “มันคงถูกรถทับตายเท่านั้นเอง”เด็กหญิงทั้งสองรีบวิ่งไปที่ประตู แล้วจับนันทามาที่สนาม “โธ่ นันทา ทำไมดื้ออย่างนี้ เจ้าอยากจะออกไปตายหรือ” ดาราว่าแล้วก็จับตัวไว้ “ต้องเอาไปขังกรงไว้สักครู่ก่อน” รุจีพูด “เมื่อหายดื้อแล้วจึงจะปล่อยออกมา” สองคนพี่น้องจับนันทาไปใส่กรง แล้วปิดประตูกรงเสียนันทาโผล่หัวออกมานอกซี่กรงร้องเสียงดังว่า “อ๊อก อ๊อก อ๊อก เธอออกไปที่ถนนได้ ฉันก็ออกไปได้เหมือนกัน”...สองพี่น้องเดินไปที่ประตู เห็นช่องกว้างอยู่ข้างใต้ พอที่ไก่จะลอดออกไปได้...ดาราและรุจีจึงไปหากิ่งไม้มาสะไว้ที่ช่องใต้ประตู จนเห็นว่าไก่จะมุดออกไปไม่ได้ แล้วจึงปล่อยมันออกจากกรง มันรีบวิ่งไปที่นั่นโดยเร็วรุจีและดาราชอบใจที่เห็นไก่ออกไปข้างนอกไม่ได้ “นันทาเอ๋ย อย่าดื้อนักเลย ฉันจะเอาข้าวเปลือกมาให้กิน” รุจีพูด “อย่ามุดออกไปนะ” เด็กทั้งสองวิ่งไปเอาข้าวเปลือกมาให้นันทาขณะนั้นมีบุรุษไปรษณีย์เปิดประตูเข้ามาเพื่อส่งจดหมาย เขาเห็นกิ่งไม้ที่ใต้ประตู จึงหยิบโยนไปข้างรั้ว แล้วปิดประตูไว้อย่างเดิม นันทาดีใจมาก มันวิ่งไปที่ประตูโดยเร็ว ค่อยๆมุดออกไป...ไม่ช้าก็ออกมาถึงถนนได้ มันสะบัดขนและกระพือปีกด้วยความเบิกบาน แล้ววิ่งไปยืนกลางถนนรุจีและดารากลับมา ไม่เห็นนันทา ที่สนามก็ไม่มี ในกรงก็ไม่มี เห็นกิ่งไม้กระเด็นไปอยู่ริมรั้ว มองที่ถนนก็พอดี รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาโดยเร็ว และทับนันทาจนตัวแบนเขาเสียดายมันมาก และพากันไปหาพ่อบอกว่า ไก่ถูกรถทับตายเสียแล้วพ่อปลอบเด็กทั้งสอง และเขียนคำไว้อาลัยบนกระดาษขอบดำว่า ดังนี้แสนเสียดายนันทาที่น่ารัก ชะล่านักเลี่ยงออกนอกถนน มัวแต่เพลินปลาบปลื้มจนลืมตน ถูกรถยนต์แล่นทับดับชีวา นิจจาเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า กลับเหลือแต่กรงเปล่าไม่เห็นหน้า เคยวิ่งเล่นด้วยกันทุกวันมา ช่างทิ้งข้าเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจเอยดาราและรุจีเอากระดาษขอบดำนี้ไปติดป้าย ปักไว้หน้าประตูกรงของนันทาด้วยความสลดใจผมอ่านเรื่องแม่ไก่ดื้อจบก็ได้ความรู้สึกใหม่...อยากให้คนไทยทุกคนได้อ่านไว้เตือนตัวเตือนใจ...การออกจากบ้านในสถานการณ์ที่ต้องอยู่บ้านเพื่อชาติ เมื่อมีเหตุพลั้งพลาด ความเสียดายของเราจะยิ่งกว่าเสียดายแม่ไก่ชื่อนันทา หลายเท่าทวีคูณ.กิเลน ประลองเชิง