ผมเพิ่งรู้ว่า การเลี้ยงโต๊ะจีนที่ตัวเองก็เพิ่งไปกินอร่อยติดปากมา จากงานแต่งแนน-อ้น เพื่อนร่วมงาน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยเป็นงานต้องห้ามอุปกรณ์โต๊ะจีนทุกอย่างรวมกระทั่ง “ตะเกียบ” ถูกยึดไว้เป็นหลักฐานการเลี้ยงโต๊ะจีนในที่ลับตาพลตระเวน(ตำรวจ) เป็นกระบวนการแรก...รับสมาชิกใหม่...ของพวกอั้งยี่...เลี้ยงโต๊ะกันมากครั้ง จำนวนสมาชิกก็ยิ่งเพิ่มมาก อวดฤทธิ์เดชในพวกอั้งยี่ด้วยกันหลังวันที่ยกพวกปิดถนน ตีกันยิงกันสามวันสามคืน...ทางการปราบได้ การเลี้ยงโต๊ะจีนก็ถูกหมายตาจากเจ้าหน้าที่...จะเลี้ยงโต๊ะจีนก็ต้องขออนุญาตคดีหนึ่งพลตระเวนจับส่งศาล ก็สู้คดีหลุด เพราะมีใบอนุญาตถูกต้อง การกินโต๊ะจีนเป็นงานยากที่จะจับศิลปวัฒนธรรม (สำนักพิมพ์มติชน ฉบับ ม.ค.2563) มีเรื่อง เลี้ยงโต๊ะจีน อำนาจรัฐและการควบคุมคนจีนในกรุงเทพฯ...ตอนหนึ่งกล่าวว่า โต๊ะจีนมักมีอาหาร 8-10 อย่าง บางงานถึง 12 อย่างอาหารกลุ่มที่ 1 เรียกน้ำย่อย กลุ่มที่ 2 ซุปน้ำข้น เช่น ซุปหูฉลาม กระเพาะปลา กลุ่มที่ 3 อาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์มงคล กุ้ง หมู ไก่ เป็ด และปลา มีความหมายถึงความก้าวหน้าในการงาน โชคลาภ มั่งคั่ง มั่นคง และอายุยืนอาหารกลุ่มที่ 4 อาหารล้างปากดับความเลี่ยน ซุปใสต่างๆ กลุ่มที่ 5 อาหารประเภทกินแล้วอิ่ม เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดกุ้ง ปิดท้ายด้วยกลุ่มที่ 6 ของหวาน มีความหมายเพื่อให้ชีวิตปราศจากความขมขื่นอาหารโต๊ะจีน คนจีนใช้ตะเกียบคีบ...คนไทยโบราณถนัดใช้มือเปล่าเปิบข้าว...แต่เมื่อไปกินก๋วยเตี๋ยว ก็ต้องหัดคีบตะเกียบจนได้ส.พลายน้อยบอกไว้ใน “ครัวไทย” (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พ.ศ.2558) ว่าคนไทยที่ใช้ตะเกียบแบบจีนเป็นกลุ่มแรก น่าจะเป็นไทลื้อที่อยู่ใกล้ชิดกับจีนมาก ไทลื้อเรียกตะเกียบว่า “ถู” หรือ “ทู่”คนไทยรู้จักตะเกียบจากเรื่องสามก๊ก ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) สมัยรัชกาลที่ 1เมื่อโจโฉถามเล่าปี่ว่า แผ่นดินนี้มีใครสติปัญญาลึกซึ้ง เล่าปี่สนองว่า ก็เห็นแต่ท่านมหาอุปราชโจโฉนั่นแหละ โจโฉจึงว่า ทุกวันนี้ เราเล็งดูผู้มีสติปัญญา...นั้นสิ้นแล้ว มีอยู่แต่ท่านกับเราสองคนเท่านี้เล่าปี่พยายามซุกซ่อนความอยากใหญ่ในใจ...เมื่อรู้ว่าโจโฉรู้ทัน “ก็สะดุ้งใจ ตะเกียบพลัดตกจากมือ”หนังสือโบราณ จีนออกเสียงตะเกียบว่า “ตว๋อเจีย” บางคนเรียก “เต็กเกี้ย” เรียก “เต็กโก่ย” และคำเรียกที่ใกล้กว่าคือ “เต็กเกี๊ยบ”เราใช้ตะเกียบตามความถนัดมือกันมานาน...น้อยคนจะถูกสอนให้รู้จักการจับตะเกียบที่ถูกวิธี...คำสอนแรก วิธีถือตะเกียบด้านบนเป็นสี่เหลี่ยม ด้านล่างเป็นวงกลมคติคนจีนโบราณกล่าวว่า “ถ้าชายคนใดถือตะเกียบค่อนไปทางด้านบน จะแต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ไกล ถ้าถือตะเกียบค่อนลงไปทางด้านล่าง จะแต่งงานกับหญิงที่อยู่ใกล้ตัวถ้าถือตะเกียบตรงกลาง จะแต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกลเกินไปนักใครที่เคยใช้ตะเกียบ แล้วก็แต่งงานมานาน ลองทบทวนตอนถือตะเกียบดู ว่าเป็นจริงมากน้อยผมค้นหนังสือ หาเกร็ดเรื่องโต๊ะจีน กับเรื่องตะเกียบมาขยายต่อ ...เจตนาจะเสริมการรณรงค์ของรัฐบาล...ที่ตอนนี้ ย้ำแต่เตือนให้คน “สวมหน้ากากเข้าหากัน” ป้องกันได้ทั้งมลพิษและเชื้อไวรัสจากเมืองอู่ฮั่นที่ควรย้ำต่อก็คือ การล้างมือทุกครั้ง ก่อนหรือหลังกินอาหาร ช้อนหรือตะเกียบ...ก็ควรจุ่มด้วยน้ำร้อน...ป้องกันเชื้อร้าย...ที่อาจติดมาจาก ใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้พรรคร่วมรัฐบาลที่มีข่าวแตกกันหลายเสี่ยง...ก่อนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ...ก็จำเป็นต้องมีการเลี้ยงโต๊ะจีน กินอาหารดีๆ พร้อมเจรจาพาทีสมานฉันท์กันและกันพร้อมรับฝ่ายค้านโต๊ะจีนนัดนี้ นักข่าวจะต้องตามดู มีใครอยากใหญ่ เผลอทำตะเกียบหลุดมือบ้าง ก็ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น.กิเลน ประลองเชิง