ประกาศตัวพร้อมแสดงความรับผิดชอบแอ็กชันล่าสุดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศขอโทษ ครม. เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญ กลางเวทีชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง ที่อิมแพค เมืองทองธานีแม้ไม่ได้พูดชัดถ้อยชัดคำหมายถึงเรื่องใด แต่ก็โยงได้เป็นปมปัญหาเรื่องการนำ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161“ลุงตู่” ขอแอ่นอกรับผิดชอบเพียงผู้เดียวระบุได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว และยืนยันว่ามีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับรัฐมนตรี และขอให้เวลาพิสูจน์ผลงานในการทำงาน แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องมีรัฐบาลอยู่ต่อไปจับคำพูดดูสะท้อนอารมณ์เคร่งเครียด กึ่งๆเหมือนอยากถอดใจ แต่ก็จำเป็นต้องเดินหน้าไปต่อนั่นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปหาทางออกแก้ปัญหาให้เกิดความถูกต้อง ท่ามกลางแรงเสียดทานจากฝ่ายค้านที่ทวงความรับผิดชอบ เพิ่มแรงกดดันใส่ “ลุงตู่” อย่างต่อเนื่อง“บิ๊กตู่” ได้ลิ้มรสสัมผัสโลกแห่งความจริง การบริหารราชการแผ่นดินในยามที่ไม่มีอำนาจมาตรา 44 เป็นตัวช่วยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดรัฐบาลเรือเหล็กทำท่าโคลงเคลง เจอมรสุมโถมใส่หนักๆติดต่อกันหลายลูก นอกจากปัญหาการเมือง ยังมีเรื่องน่าเสียวไส้จากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่อเค้าความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามผลพวงที่เห็นอยู่ตรงหน้า จากสงครามการค้าโลกของสองยักษ์ใหญ่ “สหรัฐอเมริกา–จีน” ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลกสึนามิเศรษฐกิจลุกลามไปทั่ว จน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นั่งไม่ติด สั่งการกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมหามาตรการรับมือเร่งด่วนล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องปรับแผน หั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีเพื่อช่วยลดแรงกระแทกจากพิษเศรษฐกิจที่ฉุดอัตราขยายตัวเศรษฐกิจไทยลดลงภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ขยายวงกว้างมากขึ้น ฉุดเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทีมเศรษฐกิจเรือเหล็กกระอัก เจองานหนัก ต้องเตรียมอัดฉีดเม็ดเงิน 1.7 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวในช่วงปลายปีพ่วงไปกับการเร่งรัดการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายขันนอตหน่วยงานรัฐวิสาหกิจลุยขับเคลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณแต่ละโครงการ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นกันอีกทางเช่นเดียวกับทีมรองนายกรัฐมนตรี 5 คน ที่ร่วมติวเข้มมอบนโยบายรัฐบาลเร่งด่วนแก่ผู้บริหารระดับสูงให้เกิดความเข้าใจ จะได้นำไปปฏิบัติในทิศทางเดียวกันทีม “ลุงตู่” ปล่อยของชุดใหญ่ เร่งปั๊มเงินเข้าระบบ ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวสถานการณ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ในขั้นน่าห่วง ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เหมือนชะตากรรมของนักการเมืองรุ่นใหญ่อย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตหัวโจกใหญ่แก๊งนกหวีด และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กำลังตกที่นั่งลำบากเซ่นคดีทุจริตที่ถูก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการส่งฟ้องศาลเชือดในโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง-แฟลตตำรวจ 163 หลัง และคดีโยกงบประมาณปี 2555 มาสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมาแม้จะพอทำใจล่วงหน้าจากกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อถึงคิวที่ ป.ป.ช.ตั้งโต๊ะแถลงผลการชี้มูลความผิดอย่างเป็นทางการ ต้องไปวัดดวงต่อในชั้นศาล อย่างน้อยก็ต้องมีอาการขาสั่นกันบ้างถึงคิวฝ่ายรัฐบาลหนาวๆร้อนๆ ไม่ใช่มีแค่คิวฝ่ายค้านเท่านั้นที่ต้องวิ่งโร่ขึ้นศาลกระบวนการยุติธรรมเดินไปตามข้อเท็จจริง ทุกอย่างว่าไปตามหลักฐาน ไม่เลือกฝั่งเลือกฝ่าย หรือ 2 มาตรฐานส่งสัญญาณครั่นเนื้อครั่นตัว เตือนไปยังพวกที่ติดชนัก แต่ยังไม่ถึงคิวถูกเช็กบิลอย่างที่เห็นอาการกระโดดเกาะเก้าอี้แน่นๆของฝั่งทีมรัฐมนตรีกปปส.ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่ยืนกรานไม่ไขก๊อกออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อร่นคนในลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน แม้ในสภาวะที่รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ พร้อมพลิกคว่ำพลิกหงายได้ตลอดก๊วนรัฐมนตรี กปปส.เกิดอาการแหยง ไม่กล้าลาออกจาก ส.ส.ให้ขาลอย ในช่วงที่คดีความต่างๆงวดเข้ามาเรื่อยๆหมดเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองเมื่อไร แหย่ขาเข้าคุกได้ตลอดเวลา!!!ทีมข่าวการเมือง