สามเดือนผ่านไป หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งในเกือบ 8 ปี แต่ประเทศไทยยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ ต้องถือว่าเป็นการจัดตั้งรัฐบาล ที่ล่าช้าทุลักทุเลที่สุดในรอบหลายทศวรรษ คนไทยได้เห็นแค่บัญชีรายชื่อที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน ต้นเหตุสำคัญคือรัฐธรรมนูญ 2560 และวิธีการเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนที่พิสดารรัฐธรรมนูญที่แกนนํารัฐบาลคุยว่า “ดีไซน์เพื่อพวกเรา” ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่มีพรรคใดชนะขาดได้เสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หรือรัฐบาลผสมน้อยพรรค ผลการเลือกตั้งมีพรรคการเมืองถึง 27 พรรค ยกขบวนเข้าสภา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องตั้งรัฐบาลผสม 19–20 พรรคแม้จะเป็นรัฐบาลผสม 20 พรรค แต่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เกินกึ่งหนึ่งแค่ไม่กี่เสียง โฉมหน้ารัฐบาลใหม่ตามหน้าสื่อมวลชน ยืนยันตรงกันคือมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนหน้าเดิม และหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่มาจาก ส.ส.เลือกตั้งรัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่ และเสียงปริ่มน้ำ อาจเป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ แต่ในขณะเดียวกัน แนวร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคที่จับมือกันแน่น จะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งเพราะมีเสียง ส.ส.ในสภาเกือบถึงกึ่งหนึ่ง สามารถเขย่ารัฐบาลได้ หากเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือ ครม.ทั้งคณะ เป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างผลงานแต่ฝ่ายค้านจะต้องไม่ร้อนวิชา ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลด้วยความรอบคอบ เป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ ยุติการเมืองข้างถนน อภิปรายรัฐบาลด้วยข้อมูลและเหตุผลที่หนักแน่น ไม่ควรเริ่มต้นด้วยปัญหาใหม่ๆในทันที เช่น ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือยื่นญัตติเรื่องการสรรหา และที่มาของ ส.ว. ซึ่งยากจะสำเร็จน่าจะเริ่มต้นด้วยการตั้งคณะกรรมการร่วมฝ่ายค้าน เพื่อศึกษาปัญหาสำคัญของประเทศ เช่น ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ปัญหาปากท้องของประชาชน เช่น ราคาผลผลิตการเกษตร และรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมาย และคำสั่ง คสช. ที่ขัดรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย เช่น อำนาจในการจับกุมคุมขังของทหาร และสิทธิเสรีภาพที่ถูกลิดรอนผลการสำรวจของโพลหลายสำนักหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งพบว่า ภาพลักษณ์ของนักการเมืองในสายตาประชาชน อยู่ในสภาพย่ำแย่ นักการเมืองขาดความน่าเชื่อถือ แต่นักการเมืองสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์อันดีได้ ถ้าเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช้โวหาร การปลุกระดมมวลชน แต่มุ่งศึกษาและแก้ปัญหาชาติและประชาชน.