ชาดกแต่ละเรื่อง ในสมัยพุทธกาลมีที่มา ต้นชาดกเรื่องหนึ่ง เป็นพระอาวุโสพรรษาสูง ฉลาดในการแสดงธรรม ชื่อพระอุปนันทะ คราวหนึ่ง ใกล้เข้าพรรษา ท่านก็ต้องหาวัดจำพรรษา(ชาดกในธรรมบท พระธรรมกิตติวงศ์ ทองดี สุรเตโช วัดปากน้ำภาษีเจริญ จัดพิมพ์ พ.ศ.2554)ก่อนที่จะเจาะจงเลือกวัดหนึ่ง พระอุปนันทะท่านแวะเวียนถามก่อน วัดแรกพระที่อยู่บอกว่า จะได้ผ้าจำพรรษาหนึ่งผืน ท่านก็วางร่มและรองเท้า...แสดงอาการจับจองไว้วัดต่อมา จะได้ผ้าสองผืน ท่านก็วางรองเท้าอีกคู่ และลักจั่นน้ำจนถึงวัดที่สี่ วัดนี้เมื่อออกพรรษา จะมีทายกทายิกา ถวายผ้าจำนำพรรษาสี่ผืน พระอุปนันทะ ก็เลือกจำพรรษาวัดนั้นระหว่างจำพรรษา พระอุปนันทะ ก็เทศน์สอนพระ ให้สันโดษมักน้อย ใช้บริขารที่ไม่จำเป็น พระหนุ่มเณรน้อยฟังแล้วก็เลื่อมใส เลือกใช้จีวรและบาตรปอนๆ สมาทานธุดงควัตรกันทั้งวัดส่วนบาตรจีวรดี ก็ถวายพระอุปนันทะเป็นเครื่องบูชาคุณออกพรรษาปวารณาแล้ว พระอุปนันทะ ก็รวบรวมบริขารที่เก็บไว้ใส่ยาน ระหว่างเดินทางกลับวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ท่านก็แวะไปขอส่วนแบ่งผ้าจำนำพรรษา สองวัดที่จองไว้ก่อนจะถึงวัดเชตวัน พระอุปนันทะถึงวัดหนึ่ง พระหลวงตาจำพรรษาอยู่สององค์ กำลังมีปัญหาแบ่งผ้าจำนำพรรษาสามผืน ผืนแรกเป็นผ้าขนสัตว์เนื้อดี สองผืนเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบทั้งสองหลวงตา ต่างก็อยากได้ผ้าขนสัตว์ ไม่มีใครยอมใครพระอุปนันทะ เสนอตัวเป็นพระวินัยธร ตัดสินให้หลวงตาได้ผ้าเนื้อหยาบไปคนละผืน ส่วนผ้าขนสัตว์นั้น ท่านว่า เป็นของท่าน ได้ผ้าขนสัตว์ใส่ยานมาแล้ว เดินทางอีกหน่อย ก็ถึงวัดเชตวันเรื่องอย่างนี้ในสมัยพุทธกาล พระอุปนันทะ ท่านไม่โกหก เมื่อพระด้วยกันถาม ทำไม จึงได้ผ้ามามากเพียงนี้ ท่านก็เล่าให้ฟังพระบรมศาสดา เสด็จโรงธรรมสภา ทรงตำหนิพระอุปนันทะ เป็นผู้อยากได้มาก เป็นผู้โลภมากแล้วก็ทรงเล่าชาดกให้พระสงฆ์ฟังสุนัขจิ้งจอกพาเมียท้อง มาอาศัยริมฝั่งแม่น้ำ วันหนึ่งเมียแพ้ท้องอยากกินปลาตะเพียนสด...สุนัขจิ้งจอกผัวรับปาก ก็แวะเวียนริมฝั่งน้ำ หวังว่าจะมีปลาตะเพียนจะว่ายมาเกยชาดหาดให้จับกินบ้างบริเวณเดียวกัน มีนากสองตัว ตัวหนึ่งหากินในน้ำลึก อีกตัวหากินอยู่ตามชายเฟือย (ริมฝั่งน้ำที่มีต้นไม้รก) นากตัวแรก เจอปลาตะเพียนใหญ่ ก็ดำน้ำตามไปงับหางปลาไว้ แต่ปลาดิ้นหลุดไปได้นากตัวแรกไปหารือกับนากที่หากินริมฝั่ง นัดแนะให้ใช้สองแรงปลา จนในที่สุด ก็งับปลาตะเพียนใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ลากมาขึ้นฝั่ง แต่ตกลงกันไม่ได้จะแบ่งปลาอย่างไร ได้แต่นั่งจับเจ่าเฝ้าปลาอยู่พอดีสุนัขจิ้งจอกตัวผู้ผ่านมา มันเสนอตัวเป็นผู้พิพากษา แล้วก็ตัดสินให้นากหากินชายเฟือย ได้ท่อนหาง นากตัวหากินน้ำลึกได้ท่อนหัวตัดสินแล้ว สุนัขจิ้งจอก ก็งับเอาท่อนกลางตัวปลา เดินไปให้เมียแพ้ท้องได้กินสมใจทั้งเรื่องพระอุปนันทะ ที่เป็นต้นชาดก เรื่องนากสองตัวแย่งปลา...นี่ล่ะ ผมเชื่อว่าเป็นต้นแบบให้ผู้เฒ่าของเรา เอามาดัดแปลงเป็นนิทานดัง ตาอิน แย่งปลากับตานาและจบลงตรง ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียว คว้าพุงเพียวๆไปกินฟังๆไป ก็คล้ายการเมืองเมืองไทย...สองพรรคใหญ่แย่งกันตั้งรัฐบาลไม่ลงตัว ตอนนี้ก็มีคนจิตอาสา เสนอทฤษฎีใหม่...เสนอชื่อ“ตาอยู่” ตั้งสามตั้งสี่คนจากพรรคกลางๆ เป็นนายกรัฐมนตรีชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็มี ชื่อชวน หลีกภัย ก็มี ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็มี ฟังดูก็ครึ้มๆดีน่าเสียดายที่ไม่เป็นจริง.กิเลน ประลองเชิง