ผลงาน...วัดอนาคตการเมือง“ปากท้อง”...เป็นเรื่องใหญ่ที่มีต่อการเมืองอย่างแยกไม่ออก เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจน ไร้โอกาส มองไม่เห็นอนาคตนั่นคือดัชนีชี้วัดความสามารถของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นคำตอบความสามารถของรัฐบาลชุดนั้นได้เป็นอย่างดีรัฐบาลชุดนี้ก็เช่นกันในรอบหลายปีที่แม้จีดีพี ของประเทศไต่ระดับดีขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องแก้โจทย์มาตลอดรัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น นักลงทุน มหาเศรษฐี ต่างชาติ องค์กรทางการค้า-การเงิน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นแล้วทุกโพลชี้ตรงกันหมดว่าชาวบ้านยังไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยเมื่อไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย ห้างร้านใหญ่ๆจะให้คำตอบอย่างดีที่สุดถึงสภาพความเป็นไปในเรื่องนี้ เพราะมีแต่คนเดินห้าง แต่ยอดขายไม่ดีเป็นความจริงที่รัฐบาลจะต้องปรับนโยบายที่เคยทำมาคือการแจกจ่ายเงินให้ประชาชนระดับรากหญ้าหลายชุดหลายรูปแบบแต่ไปไม่ถึงชาวบ้านในจุดสุดท้ายกลายเป็นว่าวนไปวนมาสุดท้ายก็ไปอยู่ในกระเป๋าเศรษฐีเท่ากับเอื้อนายทุนมากกว่ารากหญ้าทั้งๆที่รัฐบาลมุ่งว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่กลายเป็นว่าทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำหนักเข้าไปอีกที่สำคัญก็คือนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นมุ่งไประยะยาวเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และระยะสั้นยังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ไม่เข้าถึงคนยากคนจนเป็นสิ่งที่ก้ำกึ่งว่า “ประชารัฐ” หรือ “ประชานิยม” กันแน่เมื่อสภาพเป็นเช่นนี้นอกจากจะต้องตอบคำถามแล้ว การดำเนินการต่างๆ จึงต้องระมัดระวังและหวังผลได้อย่างแท้จริงกระทั่งกระทรวงพาณิชย์ต้องปรับแผนเพื่อให้การช่วยเหลือคนยากจนตรงเป้ามากขึ้น ซึ่งหันมาเน้นการสร้างงานและสร้างอาชีพให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะผลักดันให้นำระบบแฟรนไชส์มาใช้ประโยชน์ในการสร้างอาชีพการผลักดันให้ราคาสินค้าการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร นำอินเตอร์เน็ตประชารัฐมาเชื่อมโยงกับการค้าขายโดยเฉพาะการพัฒนาให้ร้านโชห่วย ร้านค้าชุมชน สามารถทำการค้าผ่านระบบออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ได้จะช่วยผลักดันให้สินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนขยายตัวดีขึ้นพร้อมกันนั้นร้านโชห่วย-ไฮบริด จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือจุดรวบรวมคำสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นของผู้บริโภคซึ่งเมื่อซื้อสินค้าแล้วผู้บริโภคอาจไปรับสินค้าด้วยตนเองที่ร้านหรืออาจให้ร้านจัดส่งให้โดยผ่านบริการของไปรษณีย์อีกส่วนหนึ่งกระทรวงพาณิชย์จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจราคาสินค้าที่ร้านธงฟ้าว่ามีความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภคหรือไม่ สร้างความน่าเชื่อถือให้คนมาซื้อของได้มีความมั่นใจอีกด้วยในกระบวนการแปลงนโยบายให้กลายเป็นความจริงได้ “หมอประชารัฐสุขใจ” ก็เป็นอีกด้านหนึ่งซึ่งจะทำหน้าที่ลงไปถามความต้องการของผู้มีรายได้น้อยถึงบ้าน ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มอบให้พาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมหมอประชารัฐด้วยเหล่านี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านนโยบาย “ประชารัฐ” อย่างมีเป้าหมายชัดเจนอีกไม่นานผลงานในเรื่องนี้จะเห็นผลที่ชัดเจนจากความพึงพอใจของประชาชน.“สายล่อฟ้า”