คุณอี๊ด เพ็ญศรี มากผลบริเวณศาลพ่อตาหินช้าง ริมถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 453 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นแหล่ง จำหน่ายกล้วยเล็บมือนางสด อบแห้ง และผลิตภัณฑ์ของฝากที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดชุมพรร้านคุณอี๊ด เพ็ญศรี มากผล อายุ 68 ปี อยู่ห่างจากศาลพ่อตาหินช้างเพียง 30 เมตรเล่ากันว่า ปี 2501 แม่ชีน้อย นาคฉัตรีย์ (เสียชีวิต) และนายสาย จันทร์ทับ หรือที่ชาวพ่อตาหินช้างเรียกท่านวา ตาดึก ปัจจุบันอายุกว่า 86 ปี ล่องแพมาจากอำเภอท่าแซะ มาจับจองที่ดินทำกินบริเวณหมู่บ้านสลุยคนในสมัยนั้นถือหลัก หากไปจับจองที่ดินทำกินที่ไหน ก็ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองบริเวณที่ตั้งของศาลพ่อตาหินช้างปัจจุบันมีลักษณะเป็นภูเขาขนาดเล็ก ติดจดแนวคลองท่าแซะ และบริเวณริมคลองฝั่งตรงข้ามภูเขา มีหินลักษณะคล้ายรูปช้าง 7 ตัวกำลังเล่นน้ำ เป็นที่สักการะของชาวบ้านที่เดินทางโดยทางเรือและแพ แต่ตอนนั้นไม่มีการสร้างศาลวันใดตรงกับวันพระ 14 ค่ำ หรือ 1 ค่ำ มักจะมีช้างเป็นโขลงราว 18 ตัว เดินจากป่าตรงข้ามภูเขาทิศตะวันออกมาเล่นน้ำในคลองบริเวณหินรูปช้าง ทำให้ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า ภูเขาพ่อตาหินช้างบางคนอาจเรียกคลองพ่อตาหินช้าง เรียกกันติดปากจนถึงวันนี้ปี 2501 ปีเดียวกัน ทางราชการมีโครงการก่อสร้างถนนเพชรเกษม (สายเอเชีย หมายเลข 4) ซึ่งต้องมีการตัดผ่านภูเขาพ่อตาหินช้าง นายช่าง ทวีปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างถนน และลูกน้องอีก 6 คน นำรถแทรกเตอร์ปรับทางจนมาถึงริมเขาด้านทิศตะวันออก มีต้นตะเคียนทองนายช่างจำเป็นต้องใช้รถแทรกเตอร์ดันออก แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถดันออกได้ จึงใช้รถแทรกเตอร์ปรับทางเลี่ยงขึ้นมาทางเขา ก็พบกับหินก้อนหนึ่ง ไม่สามารถดันออกได้นายช่างจึงได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่บริเวณภูเขาพ่อตาหินช้าง ขอให้ทำงานได้อย่างราบรื่น“ถ้าพ่อตาหินช้างศักดิ์สิทธิ์จริง ให้รถแทรกเตอร์ดันก้อนหินออก”เมื่อลองใช้รถแทรกเตอร์ดันก้อนหิน ก็ไม่สามารถผลักลงจากเขา เมื่อลองผลักก้อนหินขึ้นเขา ก็ผลักขึ้นได้อย่างง่ายดาย ความศักดิ์สิทธิ์เริ่มกล่าวขานศาลบูชาพ่อตาหินช้างเป็นศาลไม้ มุงหลังคาด้วยหญ้าคา ตั้งอยู่บริเวณก้อนหินตั้งแต่นั้นมาเมื่อถนนเสร็จ ศาลพ่อตาหินช้างก็เป็นที่หยุดสักการะของผู้ที่ขับรถผ่านไปมาแต่บางครั้งเวลาไม่อำนวย คนขับรถบางคนก็จะบีบแตรแทน ทำเป็นธรรมเนียมตามๆกัน1 ปีต่อมา เจ้าของบริษัท ดาวเงิน จำกัด ผ่านมาแวะสักการะเพื่อขอพร เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เมื่อกลับไปถูกหวยรางวัลใหญ่ จึงกลับมาบูรณะศาลพ่อตาหินช้างให้ดีขึ้น โดยมุงหลังคาเป็นจากทะเลคนต่อมา นายณรงค์ ชาวคลองเตย กรุงเทพฯ มาบูรณะศาลพ่อตาหินช้างอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นศาลที่ใหญ่โตและมั่นคงขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบันท่านวา ตาดึก รัตตัญญู ผู้รู้เรื่องศาลดีกว่าใคร เล่าว่า คนแรกที่ได้นำกล้วยเล็บมือนางมาขายบริเวณศาล คือนายหนูขน เป็นคนจังหวัดตรังเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญ นายหนูขนมาหาปลาบริเวณคลองพ่อตาหินช้าง เห็นกล้วยป่าตามริมคลองเยอะ จึงตัดกล้วยและขุดหน่อกล้วยขึ้นมาขายให้ผู้คนที่มาสักการะ ขายดีมากนายต๊ะ หรือนายสมจิต กมสินธ์ ชาวจังหวัดราชบุรี ย้ายถิ่นฐานทำมาหากินที่ตำบลสลุย แถวบริเวณศาลพ่อตาหินช้างในปัจจุบัน ได้มาเปิดร้านขายธูปเทียน ดอกไม้ ประทัด รวมทั้งได้นำกล้วยป่า รวมถึงกล้วยเล็บมือนางมาวางขาย และนำกล้วยสุกงอมมาตากแดด ทำเป็นกล้วยตากแห้งมาวางขาย ปรากฏว่าขายดีอีกเหมือนกันนี่คือจุดเริ่มต้นของกิจการร้านคุณอี๊ด ป้าอี๊ดนำกล้วยเล็บมือนางไปฝากขายเครือละ 3-5 บาท วันไหนขายไม่หมดก็ทิ้งป้าอี๊ดนึกถึงตอน 5 ขวบ พอจำความได้ ยายบ่มกล้วยไว้กินอยู่สามวิธีหนึ่ง นำมาแขวนไว้ทั้งเครือแล้วนำผ้าห่มมาห่อแล้วมัดให้แน่นสอง ขุดหลุมแล้วรองด้วยใบตองแห้งกับเปลือกส้มโอ นำกล้วยวางทับด้วยใบตองแห้งกับเปลือกส้มโอ นำดินปิดทับให้แน่น ก่อไฟบนปากหลุมสักพักแล้วดับไฟ ต่อมาอีกสองถึงสามวัน เปิดนำกล้วยออกมากินสาม บ่มในโอ่งมังกร เอาใบตองแห้งกับเปลือกส้มโอมารองและปิดบน ใช้ผ้าปิดปากโอ่งโดยไม่ต้องก่อไฟ ใช้เวลาสองสามวันแล้วเปิดนำกล้วยออกมากินป้าอี๊ดบอกว่า ถ้ากินไม่หมดก็ตากไว้ในกระด้งหรือแผงตากยาเส้น ตากไว้ 4 แดด ตากน้ำค้างหนึ่งคืน ถ้าจะเก็บไว้กินนานๆ ต้องเอากาบหมากมาห่อไว้ แล้วมัดหัวท้ายแขวนไว้เป็นการถนอมอาหาร เก็บไว้ได้เป็นเดือนป้าอี๊ดบอกว่า บ้านโบราณจะมีเตาทำด้วยก้อนหินสามก้อน เรียกหินก้อนเส้า เราก็แขวนกล้วยให้ตรงกับเตา กล้วยจะไม่เกิดมอด นี่เป็นภูมิปัญญาของที่บ้านความทรงจำตอนทำกล้วยอบ ปี 2537 ป้าอี๊ดและสามีซื้อบ้านใกล้ศาลพ่อตาหินช้าง ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาขึ้น จากที่นำกล้วยไปฝากขาย ก็ขายเองหน้าบ้าน พร้อมเปิดเป็นร้านขายของชำกล้วยที่ตากใส่ถุง เริ่มขายราคา 3-5 บาท ก็ตอนนั้นถนนเพชรเกษมมีคนมาสักการะศาลพ่อตาหินช้างมากขึ้น กล้วยเล็บมือนางสดและอบขายดีมากขึ้นปี 2541 ป้าอี๊ดซื้อตู้อบไฟฟ้าหนึ่งตู้ ผลิตกล้วยเล็บมือนางอบ ผลผลิตออกมาครั้งแรก เจ้าหน้าที่เกษตรนำกล้วยเล็บมือนางอบที่ได้เข้าประกวดในงานเกษตรและของดีชุมพร กล้วยอบป้าอี๊ดได้รับรางวัลที่สามอีกสองปีต่อมา ป้าอี๊ดพัฒนาห้องอบให้เป็นแหล่งผลิตกล้วยเล็บมือนางให้มีมาตรฐาน จัดซื้อตู้อบไฟฟ้าเพิ่ม เพื่อความสะอาด ถูกสุขลักษณะ ปราศจากสารปรุงแต่ง และได้ทำการขอเครื่องหมายรับรองคุณภาพ (อย.) จากกระทรวงสาธารณสุข ป้าอี๊ดเป็นเจ้าแรก ของจังหวัดชุมพร ประเภทกล้วยอบ“เราเป็นเจ้าเดียวที่ทำห้องเป็นโรงอบกล้วย รับรองความสะอาด แถวนี้ถ้าเป็นเรื่องกล้วยอบ เราน่าจะทำดีที่สุด” ป้าอี๊ดบอกป้าอี๊ดได้รับการคัดเลือกเป็นวิทยากรท้องถิ่นการทำกล้วยเล็บมือนางอบแห้งให้กับโรงเรียนราชนุเคราะห์ 20 จังหวัดชุมพร ในปี 2545 งานนี้ ป้าอี๊ดทำมาถึงปัจจุบันปี 2548 ป้าอี๊ดได้รับรางวัลมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ประเภทกล้วยเล็บมือนางอบ กล้วยเล็บมือนางเคลือบช็อกโกแลต และกล้วยเล็บมือนางฉาบเรื่องที่นับเป็นเกียรติประวัติ เป็นความภาคภูมิใจเหนือกว่าเรื่องใดในชีวิต 14 สิงหาคม 2559 ที่ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร นำผลิตภัณฑ์จากทางร้าน ทูลเกล้าฯถวายสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระตำหนักสวนจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตพฤศจิกายน ปี 2559 ได้รับการคัดสรรผลิตภัณฑ์โอทอป ระดับห้าดาว ประเภทกล้วยเล็บมือนางอบ และพฤษภาคม ปี 2560 ได้รับเครื่องหมายฮาลาล จากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยงานอาชีพก้าวหน้ามาไกล ได้ทั้งเงินทั้งเกียรติ มาถึงขั้นนี้ ป้าอี๊ด ยังคิดหารูปแบบใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์กล้วยเล็บมือนาง และจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะทำไม่ไหวงานประจำวันของป้าอี๊ด นอกจากคุมงานลูกน้อง ยังต้องมีภาระเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องกล้วยอบเล็บมือนางให้กับทุกคนที่สนใจ โดยเฉพาะนักศึกษา ถึงเวลานี้ ร้านคุณอี๊ดขึ้นชั้นเป็นสถานที่ดูงานสำคัญแห่งหนึ่งของชุมพรไปแล้วป้าอี๊ดมีชีวิตที่ดีมาถึงวันนี้ ไม่เคยลืมว่าได้คุณูปการมาจากศาลพ่อตาหินช้าง ทุกปีหลังปีใหม่ ป้าอี๊ดจะจัดสำรับไก่ เหล้า ไปไหว้ แถมถวายหนังเผื่อลูกช้างพ่อตาหินช้างอีกหนึ่งคืน.