น.สพ.อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยถึงความคืบหน้าของโครงการโคบาลบูรพา ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีโครงการส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงโค-แพะ เนื่องจากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ อ.โคกสูง และ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทาน สภาพดินขาดความสมบูรณ์ แล้งซ้ำซาก ปลูกพืชผักไม่ได้ผล การส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์จะสร้างรายได้ดีกว่าทำนา เนื่องจาก ความต้องการบริโภคเนื้อโค-แพะในพื้นที่เพิ่มขึ้นทุกปี เพราะมีตลาดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านรองรับแน่นอน “ขณะนี้มีเกษตรกรสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 6,106 ราย ขั้นต่อไปกรมปศุสัตว์จะต้องจัดอบรมเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งให้คำปรึกษา การสร้างโรงเรือน การเลี้ยงตั้งแต่การถ่ายพยาธิ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากเท้าเปื่อย โรคแท้งติดต่อ คอบวม วัณโรค การจัดการฟาร์ม และการปลูกพืชอาหารสัตว์ เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด” โดยเกณฑ์การคัดเลือกเกษตรกรร่วมโครงการ อธิบดีกรมปศุสัตว์บอกว่า จะมีคุณสมบัติอยู่อาศัยในพื้นที่โครงการมาตั้งแต่ปี 2557-2560 และมีพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์ 5 ไร่ต่อราย หลังผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและอบรมเรียบร้อยแล้ว เกษตรกรจะได้รับเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ใช้ก่อสร้างโรงเรือนรายละ 58,000 บาท และเกษตรกรผู้เลี้ยงโค ต้องทำสัญญากู้ยืมโคเนื้อเพศเมียลูกผสมพื้นเมืองรายละ 5 ตัว เพื่อนำไปเลี้ยง จนได้ลูกและส่งคืนลูกโคเพศเมียอายุ 12 เดือน ให้โครงการ 5 ตัว เพื่อนำไปให้เกษตรกรรายใหม่ยืมไปเลี้ยงต่อ เกษตรกรที่ทำสัญญากู้ยืมโคจึงได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของโครุ่นแรกเต็มรูปแบบส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะก็เช่นกัน เกษตรกรที่ร่วมโครงการแต่ละรายจะได้รับฝูงแพะเพศเมีย 30 ตัว เพศผู้ 2 ตัว และต้องส่งลูกแพะเพศเมียอายุ 6 เดือน จำนวน 32 ตัว คืนให้โครงการ จึงได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของฝูงแพะที่กู้ยืมไป น.สพ.อภัย บอกอีกว่า โคบาลบูรพาเป็นโครงการให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ แล้วตั้งเป็นสหกรณ์โคบาลบูรพา เพื่อให้มีพลังในการต่อรองกับตลาด และโครงการนี้ยังจะช่วยเพิ่มปริมาณโคภายในประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากสถิติปี 2549 บ้านเรามีโค 8 ล้านตัว แต่ในปี 2559 ได้ลดลงเหลือ 4.8 ล้านตัว ดังนั้นการส่งเสริมการเลี้ยงจึงไม่ส่งผลกระทบกับราคาซื้อขายอย่างแน่นอน แต่จะเป็นผลดีในการสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เพิ่มปีละ 960 ล้านบาท.