เมื่อเร็วๆนี้นักจุลชีววิทยาจากศูนย์พันธุกรรมยุคโบราณจากมหาวิทยาลัยอะดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยถึงการค้นพบหลักฐานใหม่ๆเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารและการเยียวยารักษาโรคของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ซึ่งเป็นมนุษย์ถ้ำยุคโบราณ โดยวิจัยจากการตรวจดูพันธุกรรม (DNA) จากซากพลัค (plaque) หรือคราบจุลินทรีย์ที่เกาะทับถมอยู่บนผิวฟันของมนุษย์ถ้ำในประเทศสเปน อายุประมาณ 42,000 ปี และสองมนุษย์ถ้ำในประเทศเบลเยียมอายุประมาณ 50,000 ปีการวิจัยพบว่าพฤติกรรมการเลือกกินอาหารของมนุษย์ถ้ำจากสเปนจะกินอาหารจำพวกผักและผลไม้จนเกือบจะเรียกว่าเป็นพวกกินมังสวิรัติก็ว่าได้ ส่วนมนุษย์ถ้ำจากเบลเยียมจะกินเนื้อสัตว์ เช่น แกะและแรดขนยาวโบราณ โดยจะไม่กินผักเลย แสดงให้เห็นว่าการที่พวกเขากินหรือไม่กินอะไรนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมว่ามีอาหารประเภทใดในแหล่งอาศัยนอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ที่ซากมนุษย์ถ้ำสเปนซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็กหนุ่ม พบจุลินทรีย์ที่อยู่ในปากของเด็กหนุ่ม สันนิษฐานว่าปากมีติดเชื้อรวมถึงมีอาการบาดเจ็บอื่น ซึ่งบนฟันมีสิ่งตกค้าง 2 ชนิด คือสารจากต้นป๊อปลาร์ที่เป็นส่วนผสมสำคัญในยาแอสไพริน และอีกส่วนได้จากราที่มีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ถ้ำมีการใช้ยาจากพืชเพื่อรับมือกับความเจ็บปวดและความเจ็บ ป่วยในร่างกาย.