นายกฯหวังกัมพูชายึดผลประชุม GBC ที่มีการประชุมที่ด่านบ้านผักกาด จ.จันทบุรี ในวันที่ 25 ธ.ค. เป็นวันที่ 2 หารือ 3 ประเด็นหลัก ด้านความมั่นคง ขณะที่หลังการถก GBC วันแรกกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ไม่ลดละ เสธ.ทบ.จี้กัมพูชาต้องประกาศหยุดยิงก่อน ย้ำคุมพื้นที่อธิปไตยไทย 90% เผยทหารควบคุมเนิน 225 ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้แล้ว ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดรายที่ 9 ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะที่ไทยโจมตีทางอากาศยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรม กระทรวงการต่างประเทศเร่งแจงอินเดียยันไทยไม่มีเจตนาทำลายรูปเคารพทางศาสนา สระแก้วพร้อมอำนวยความสะดวกผู้ขอรับการเยียวยาผู้ประสบภัย 4 อำเภอ กัลฟ์มอบเงินช่วยครอบครัว 23 ทหารพลีชีพครอบครัวละ 1 ล้านเสียงปืนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ใน 4 จังหวัดภาคอีสานของไทยคืออุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ ยังไม่สิ้นเสียงลงแต่อย่างใดและสถานการณ์ความรุนแรงก็ยังไม่สงบลง ขณะที่ พล.ต.แญม โบราเดนรองหัว หน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา นำคณะเดินทางผ่านด่านถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ระดับเลขานุการระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ห้องประชุมชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 ติดจุดผ่านแดนถาวร เมื่อเย็นวันที่ 24 ธ.ค. ที่เป็นวันแรกของการประชุมรวม 3 วัน หารือถึงข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แต่เมื่อการประชุมผ่านไปเพียง 30 กว่านาที คณะของ พล.ต.แญม ก็รีบลุกออกจากห้องประชุม เดินทางกลับอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เขมรเครียดที่ถูกไทยกดดันเรื่องข้อปฏิบัติ 3 ข้อและหลังกระทรวงกลาโหมกัมพูชามีหนังสือถึง รมว.กลาโหมไทยประสงค์เจรจาหยุดยิงผ่านกลไก GBC เมื่อข่าวแพร่ออกไปกัมพูชากลับปฏิเสธว่า หนังสือดังกล่าวไม่ใช่เอกสารขอเจรจาหยุดยิงและกล่าวหาว่าสื่อไทยมั่วถ้าประชุม GBC เรียบร้อยไปลงนามเองที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระดับเลขานุการ ระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ จ.จันทบุรี ว่าหากการประชุมเสร็จสิ้น ก็ต้องยึดตามผลที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้ง 2 ฝ่าย หากการเจรจาเรียบร้อย รมว.กลาโหมทั้ง 2 ฝ่าย จะเดินทางไปลงนาม หวังว่าการลงนามที่เกิดขึ้น กัมพูชาจะรักษาสัญญาสักที จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกไม่เทียบขาทหารไทยกับรูปปั้น เมื่อถามว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย แถลงตำหนิกองทัพไทย ที่รื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู (นักรบแปดมือ)ในพื้นที่ช่องอานม้า ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เคารพ ทำร้ายความรู้สึกของผู้ศรัทธา นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ที่ไปพูดคุยในระดับทวิภาคี ไทยต้องไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่อยู่นอกกรอบ รูปปั้นดังกล่าวหาเทียบกับชีวิตทหาร อวัยวะ แขนขาขาด ก็ขอให้คิดต่อกันเอง “รูปปั้นที่ถูกทำร้าย หากเทียบกับขาทุกขาที่ทหารเราเสียไปและไปเปรียบเทียบกับการลบหลู่ เรื่องนี้ผมไม่เอาไปเทียบหรอกครับ” นายกฯกล่าว เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา มีหนังสือถึง รมว.กลาโหมของไทยประสงค์เจรจาหยุดยิงผ่านกลไก (จีบีซี) ต่อมาเปลี่ยนว่า ไม่ใช่เอกสารขอเจรจาหยุดยิง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯตอบว่า การกระทำทุกอย่างไม่ได้อยู่บนหนังสือ แต่เป็นการตอบโต้ที่ไทยถูกประเทศอื่นรุกรานโจมตีเตรียมคุยทูตอินเดียให้สบายใจที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ททบ.5 เวลา 14.30 น. นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีกระทรวงการต่างประเทศอินเดียประท้วงทางการไทย ทำลายรูปเคารพที่เป็นเทพเจ้าทางฮินดู จะชี้แจงอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกับสถานการณ์ว่า กรณีนี้มีความชัดเจน การดำเนินการของไทยในบริเวณนั้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายสิ่งปลูกสร้างที่สะท้อนถึงความเชื่อถือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราเป็นประเทศที่เคารพในศาสนาทุกศาสนาอยู่แล้ว เข้าใจว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นจริงๆเป็นของประดับด้วยซ้ำ ไม่ใช่สถานที่ศาสนา กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการพูดคุย เพื่อให้เอกอัครราชทูตอินเดียเกิดความสบายใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไร นอกเหนือจากการควบคุมสถานที่และบริเวณตรงนั้นเขมรยังยิงจรวด BM-21 ที่สระแก้วพล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารตอบรับกับทิศทางกระทรวงการต่างประเทศ หลักๆแล้วรูปปั้นตรงนั้นไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเหมือนเป็นเทวสถานใดๆ เป็นเพียงลักษณะการตกแต่งสถานที่เท่านั้น เข้าใจว่าอาจมีการกระทบ กระเทือนจิตใจของผู้นับถือศาสนา แต่กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าจะขอเวลาไปชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจถ่องแท้มากขึ้นในเรื่องนี้ แม้ว่าเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่เป็นวันแรก ที่มีการประชุมฝ่ายเลขาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา แต่เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. กัมพูชายังคงยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าใส่พื้นที่ฝ่ายไทยบริเวณบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายหลังผญบ.หญิงเข่าทรุดบ้านโดนจรวดพังยับวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านคลองแผง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว หลังเกิดเหตุฝ่ายกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 25 ธ.ค. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน เสียหายอย่างน้อย 3 หลัง หนึ่งในนั้นมีบ้านของนางผ่องศรี รกพันธ์ อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ที่ได้รับผลกระทบหนักบ้านพังเสียหายทั้งหลัง เหลือเพียงซากปรักหักพัง นางผ่องศรีเปิดใจกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า อพยพออกจากพื้นที่มาตั้งแต่วันแรกที่มีการประกาศเตือนภัย แต่คืนก่อนเกิดเหตุรู้สึกกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ มีลางสังหรณ์อยากกลับไปดูบ้านอย่างบอกไม่ถูก กระทั่งเวลาประมาณตี 5 มีโทรศัพท์จากคนในพื้นที่โทร.มาบอกเพียงสั้นๆว่า “ให้ทำใจดีๆนะ บ้านโดนระเบิด” ยอมรับว่าวินาทีนั้นพูดไม่ออก น้ำตาไหลออกมาทันที ไม่คิดว่าบ้านของตัวเองจะตกเป็นเป้าหมาย แต่คาดว่าอาจเป็นเพราะบริเวณบ้านมีเสาสัญญาณสูง จึงอาจถูกฝ่ายกัมพูชามองว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ สำหรับบ้านหลังดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 เดิมเป็นบ้านพ่อแม่ ถือเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว วันนี้กลับถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร สิ่งเดียวที่ยังพอเป็นที่ยึดเหนี่ยวหัวใจคือ รูปถ่ายและอัฐิของพ่อแม่ที่ไม่เสียหาย ขณะที่วัวกว่า 13 ตัวและควายที่เลี้ยงไว้ ในพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมใจสลายหมดสิ้นแล้วที่พักอาศัยนางผ่องศรีเล่าด้วยว่า ตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา เป็นแกนนำเรียกร้องให้ 8 ครอบครัวในพื้นที่บ้านคลองแผง ได้สิทธิ์ในที่ทำกินคืนหลังถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำมายาวนาน แต่วันนี้กลับต้องมาถูกกระทำซ้ำอีกครั้งจนไม่เหลืออะไร พยายามช่วยคนอื่นมาตลอด แต่สุดท้ายบ้านตัวเองกลับพังหมด หัวใจมันแตกสลายจริงๆ ยอมรับว่าขณะนี้ไม่รู้จะเดินหน้าชีวิตอย่างไร รู้สึกมืดแปดด้าน แม้จะเคยเป็นผู้นำชุมชนมานานกว่า 20 ปี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ รุนแรงโหดร้ายเกินรับไหว พร้อมตั้งคำถามถึงการเจรจาหยุดยิงว่าอาจไม่เกิดผล เพราะผู้ที่ถูกโจมตีคือประชาชนผู้บริสุทธิ์ ฝากถึงภาครัฐให้เร่งเข้ามาเยียวยาและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีศักยภาพจะสร้างบ้านใหม่ด้วยตน เอง ยืนยันว่าจะกลับไปอยู่ที่เดิม เพราะพื้นที่ดังกล่าวคือแผ่นดินบรรพบุรุษที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดและพร้อมยอมแลกทุกสิ่งเพื่อให้ประเทศไทยได้แผ่นดินคืนมาอีกครั้งโจมตีต่อเนื่องภูมะเขือ-ห้วยตามาเรียพ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงปฏิบัติการทางทหารว่า พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายกัมพูชายังคงโจมตีเข้ามาต่อเนื่องบริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรีย ทหารไทยยังคงวางกำลังและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ รวมทั้งในช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่เนิน 225 ใกล้ปราสาทตาควายได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ทหารไทยยังคงควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว ขณะที่บ้านหนองจานควบคุมได้เพียงบางส่วน ภาพรวมความเสียหายตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. มีพื้นที่กระสุนตกไม่น้อยกว่า 150 แห่ง บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างของประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 190 หลังคาเรือน สถานพยาบาล 1 แห่ง ศาสนสถาน 5 แห่ง สถานศึกษา 2 แห่ง ไทยประณามถึงการกระทำดังกล่าวต่อนานาชาติ แต่กัมพูชายังดำเนินการอยู่เช่นเดิม แสดงให้เห็นเจตนาของกัมพูชาที่ไม่ได้โจมตีเฉพาะทหารไทย แต่ยังโจมตีพื้นที่พลเรือนด้วยเนิน 225 เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญแหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงการเข้าควบคุมเนิน 225 ที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยว่า นับเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูงสุดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ความตึงเครียดและการปะทะกันอย่างรุนแรงตามแนวรบ ปราสาทตาควาย-เนิน 350-เนิน 225 เมื่อเดือน ธ.ค.68 พื้นที่ดังกล่าวมีบทบาทชี้ขาดต่อการควบคุมสถานการณ์ทางทหารในภูมิภาคนี้ ความสำคัญของเนิน 225 แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประการแรกคือ การควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ เนิน 225 ทำหน้าที่เป็นจุดตรึงกำลังที่สามารถสกัดกั้นและยับยั้งการรุกคืบของฝ่ายตรงข้ามไม่ให้สามารถส่งกำลังเสริมหรืออาวุธยิงสนับสนุนเข้าสู่พื้นที่ปะทะหลักได้เป็นสัญลักษณ์อธิปไตย-เกียรติภูมิแหล่งข่าวเผยอีกว่า อีกทั้งลักษณะภูมิประเทศที่เป็นจุดสูง ยังเอื้อให้กองทัพไทยสามารถตรวจการณ์ ควบคุมการเคลื่อนไหวในพื้นที่โดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ประการที่สอง คือสัญลักษณ์แห่งอธิปไตยและเกียรติภูมิของกองทัพไทย เนิน 225 เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่กองทัพไทยสามารถยึดคืนและรักษาไว้ได้ หลังการปะทะอย่างหนักพร้อมการแสดงสัญลักษณ์แห่งอธิปไตยอย่างชัดเจน พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นสมรภูมิที่จารึกการเสียสละของกำลังพล โดยเฉพาะการสูญเสียของพลฯวายุ ขวัญเสือ สังกัด ร.31 พัน.3 รอ.ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.68 โดยสรุปเนิน 225 เปรียบเสมือน “กุญแจสำคัญ” ในการปิดกั้นการรุกล้ำทางทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ควบคู่กับการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนทหารขาขาดที่ตาควายขาที่ 9นอกจากนี้เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 25 ธ.ค. เกิดเหตุกำลังพลเหยียบทุ่นระเบิด ชื่อ ส.อ.นิติธรรม ศรีคำแซง ทหารสังกัด ช.6 โดยได้เหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาซ้าย หลังเกิดเหตุหน่วยได้เร่งให้การช่วยเหลือนำส่ง รพ.เข้ารับการรักษาทันที ขณะที่พื้นที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการควบคุม ตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายเพิ่มเติมแก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ ระหว่างสอบสวนรายละเอียดของเหตุการณ์ ประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด สำหรับ ส.อ.นิติธรรมนับเป็นรายที่ 9 ที่เป็นเหยื่อทุ่นระเบิดที่กัมพูชาลอบวางไว้เสธ.ทบ.รับมอบเงินจากกัลฟ์ช่วยทหารวันเดียวกัน พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก พร้อม พล.อ.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. และผู้บังคับบัญชาระดับสูง รับมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตทั้ง 23 ครอบครัวในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา จากนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ กองทุน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.ชัยพฤกษ์กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนกองทัพบก ผู้บังคับหน่วยที่เกี่ยวข้องจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยต้นสังกัดของกำลังพลทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ขอขอบคุณทุกท่านอย่างยิ่ง เห็นได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ทางการทหาร รับผิดชอบในการปกปักรักษาอธิปไตย เขาเหล่านั้นเป็นพ่อ เป็นลูก เป็นบุคคลสำคัญในครอบครัว คงไม่มีใครอยากที่จะไปสูญเสียในลักษณะอย่างนั้นและทำหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถแล้วส่งศพพลฯธนพัฒน์กลับภูมิลำเนาที่กองบิน 3 อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ธ.ค. นาวาอากาศเอก มงคลสรรพ์ บุนนาค รองผู้บังคับการกองบิน 3 ร่วมพิธีส่งร่างพลทหาร ธนพัฒน์ นันทะวงศ์ สังกัด ร.2 พัน.3 รอ. ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พิธีดำเนินไปอย่างสมเกียรติ ทั้งพิธีทางศาสนาและพิธีทางทหาร เพื่อแสดงความอาลัยและเชิดชูเกียรติวีรบุรุษผู้กล้า โดยมี พล.ต.ถนัด พูนนายม ผบ.มทบ.ที่ 19 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานพิธี พร้อมด้วยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความเคารพและอาลัยต่อการจากไปของวีรบุรุษผู้กล้า ทั้งนี้ กองบิน 3 ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการเสียสละอันยิ่งใหญ่ซึ่งได้อุทิศตนเพื่อปกป้องประเทศชาติอย่างสมภาคภูมิรดน้ำศพบรรยากาศสุดเศร้าต่อมาเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ร่างพลทหารธนพัฒน์ นันทะวงศ์ เคลื่อนมาถึงวัดเชือกนอกบ้านเชือก ต.นาจิก อ.เมืองอำนาจเจริญ มี น.ส.อรอนงค์ นันทะวงศ์ ผู้เป็นแม่ นั่งมาด้วย ระหว่างทางมีชาวบ้าน นักเรียนนักศึกษา ตั้งแถวพร้อมกับโบกธงชาติส่งศพตลอดสองข้างทาง ภายหลังถึงวัดเจ้าหน้าที่ สห.นำโลงซึ่งคลุมด้วยธงชาติไทยภายในบรรจุร่างของวีรชนผู้กล้าลงจากรถนำเข้าศาลาการเปรียญวัด แล้วมีพิธีรดน้ำศพ โดยนายพรชัย วงงาม ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธาน ตามด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆพลทหารธนพัฒน์ ร่วมรดน้ำศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าของทุกคน โดยมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ 4 คืน กำหนดพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 29 ธ.ค.68จารึกชื่อในแผ่นดินทุกนายที่สูญเสียเสนาธิการทหารบกกล่าวอีกว่า กำลังพลทุกคนที่สูญเสียไปกองทัพรู้สึกเสียใจ กำลังพลเหล่านั้นจะจารึกอยู่บนพื้นแผ่นดินแห่งนี้ทั้งชื่อและนามสกุลจะเป็นเกียรติประวัติให้กับกองทัพและประเทศ ให้ลูกหลานได้รับทราบสืบต่อไปในอนาคตว่า พ่อหรือลูกของพวกเขา ได้เสียสละให้กับผืนแผ่นดินแห่งนี้จนหมดสิ้นแล้ว กองทัพบกขอขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลคนที่อยู่ข้างหลังของเขาเหล่านั้น บริษัท เอกชนรายนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต ครอบครัวละ 1 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 23 ครอบครัว เป็นเงิน 23 ล้านบาทพล.ต.แญมนำทีมประชุม GBC วันที่ 2ในส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ระดับเลขานุการระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่เป็นวันที่ 2 ของการประชุม ในเวลา 08.30 น. คณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชาทยอยเดินทางจากกัมพูชามารอข้ามแดนเข้าสู่ฝั่งไทยที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เวลา 08.55 น. นาวาเอกปรัชญา หาญเทียม ผบ. หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี พร้อมหน่วยประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ผู้แทนกรมกิจการชายแดนทหาร เดินทางไปต้อนรับคณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชาบริเวณกลางสะพาน ก่อนนำคณะเข้าสู่สถานที่ประชุม ที่จัดขึ้น ณ อาคารสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหลังใหม่ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด คณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.ต.แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พร้อมคณะรวมประมาณ 30 คน ทั้งนี้ การประชุมจัดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดและเสริมสร้างเสถียรภาพพักเที่ยงรีบเดินทางกลับกัมพูชาสำหรับการประชุมครั้งนี้มีสื่อมวลชนรายงานว่า มี 3 ประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ ได้แก่ 1.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องยุติการยิงในทันที 2.การหยุดยิงจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้นจริง และมีผู้สังเกตการณ์เพื่อยืนยันการปฏิบัติ 3.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและกำลังพลของทั้งสองฝ่าย ต่อมาเวลา 10.20 น.คณะกรรมการเลขาฯ GBC ทั้งสองประเทศ ไทย-กัมพูชา เดินออกจากห้องประชุม เพื่อพักเบรก รับประทานอาหารกลางวัน แต่ปรากฏว่า ฝ่ายกัมพูชารีบเดินทางข้ามฝั่งกลับประเทศทันที มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเดินไปส่งที่กลางสะพาน ต่อมาในช่วง 14.00 น. มีการประชุมร่วมกันอีกครั้งอ้างไทยแปลจดหมายคลาดเคลื่อนก่อนหน้านี้ พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา เผยผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อค่ำวันที่ 24 ธ.ค. ปฏิเสธรายงานข่าวจากสื่อไทยที่ระบุว่า กัมพูชาได้ร้องขอให้มีการหยุดยิงและชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวเกิดจากจดหมายทางการที่ส่งถึงรัฐมนตรีกลาโหมไทย ซึ่งถูกสื่อไทยบางแห่งนำไปเผยแพร่ราวกับเป็นเอกสารหลุดและแปลความหมายคลาดเคลื่อน ยังระบุว่าสื่อทั้งทางการและไม่เป็นทางการของไทยแปลและตีความเนื้อหาในจดหมายผิด แม้จะมีเครื่องมือแปลภาษาอย่าง Google Translate หรือ AI ต่างๆก็ตาม ทำให้ข้อมูลที่เผยแพร่ไม่ตรงกับเนื้อหาที่แท้จริงในเอกสารและไม่สะท้อนเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา พล.อ.เตียยังแสดงความไม่พอใจและสื่อถึงความเหนื่อยหน่าย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ร้องขอการหยุดยิงแต่อย่างใด ข่าวที่อ้างเช่นนั้นไม่สะท้อนท่าทีหรือการสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐบาลกัมพูชาพร้อมแสดงความไม่พอใจต่อการนำเสนอข่าวที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่