คนไทยเอือมระอากับพฤติกรรม “หน้าไว้หลังหลอก” ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ปากพูดกับไทยอย่าง แต่พอลับหลังพูดอีกอย่างอย่างกรณีเมื่อค่ำวันที่ 12 ธ.ค.68 ทรัมป์ได้ต่อสายตรงคุยกับ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี โดยมี “นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.การต่างประเทศ และ “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์” รมว.พาณิชย์ ร่วมอยู่ด้วย ถึงปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ปะทุขึ้นมารอบใหม่ขณะนี้โดยนายกฯไทยชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำผิดเงื่อนไขในปฏิญญาสันติภาพ แต่เป็นกัมพูชาที่ทำผิดทุกเงื่อนไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไทยจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย รวมทั้งความปลอดภัยของประชาชน และทหาร หากจะให้หยุดยิง ต้องบอกให้กัมพูชาหยุดยิง และทำตามปฏิญญาสันติภาพก่อนแต่!! หลังจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ได้โพสต์ผ่าน “Truth” ว่า “ไทยและกัมพูชาตกลงจะหยุดยิงกันตั้งแต่เย็นวันที่ 13 ธ.ค.68 เป็นต้นไป และจะกลับเข้าสู่สันติภาพ ส่วนกับระเบิดที่คร่าชีวิตและทำให้ทหารไทยบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นอุบัติเหตุข้างถนน และไทยได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงแล้ว”และหลังจากนั้น ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวอีกว่า “ผมเพิ่งขู่จะขึ้นภาษี เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว...เพื่อยุติความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นใหม่ระหว่างกัมพูชาและไทย”และเสริมอีกว่า “ถ้าพวกคุณทำสงคราม ผมจะไม่เพียงแต่ยกเลิกข้อตกลงทางการค้าที่เรามีเท่านั้น แต่ผมจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศของคุณด้วย ไม่มีใครทำได้เหมือนผม”ทำเอาคนไทยอึ้งกันทั้งประเทศ!! กับการหน้าไว้หลังหลอก และการชอบแสดงตัวเป็น “วีรบุรุษ” ผู้กอบกู้โลกของทรัมป์!!นายกฯอนุทินรีบโต้กลับทันทีว่า “ไม่ใช่อุบัติเหตุข้างถนนแน่นอน และไทยจะยังคงปฏิบัติการทางทหารต่อไปจนกว่าเราจะรู้สึกว่าไม่มีอันตราย หรือภัยคุกคามใดๆต่อแผ่นดิน และประชาชนของเราอีกต่อไป...จากนี้ไปประเทศไทยไม่ต้องฟังใครอีกแล้ว และไม่เคยตกลงกับทรัมป์เรื่องหยุดยิง”ขณะที่ “นางศุภจี” ย้ำข้อเท็จจริงว่า “การคุยกันวันนั้นดีมาก และประธานาธิบดีไม่ได้เอาเรื่องภาษีมาขู่เรา คุยกันเกือบ 20 นาที กำลังจะวางสาย ประธานาธิบดีก็ถามว่าเรื่องภาษีไปถึงไหนแล้ว นายกฯบอกว่า ยังไม่ได้คุยกันต่อเลย ประธานาธิบดีเลยบอกว่า เดี๋ยวจะกลับไปบอกยูเอสทีอาร์ (สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ) จะได้คุยกันต่อไม่ได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองเลย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกว่า ประธานาธิบดีไม่ได้พูดแบบนี้ มันจะทำให้เรื่องตึงเครียดกันเปล่าๆ แต่ในความจริง ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง”เข้าใจดีว่าทรัมป์หวังดีต่อไทยและกัมพูชา เพราะการสู้รบกันรังแต่จะสูญเสีย ควรเดินหน้าสร้างสันติภาพดีกว่า แต่ทรัมป์ควรใช้วิธีการที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ข่มขู่ ตีสองหน้า หรือหน้าไว้หลังหลอกแบบนี้ เพราะมีแต่จะทำลาย “ภาพลักษณ์” และ “ความน่าเชื่อถือ” ของผู้นำประเทศมหาอำนาจ!!ฟันนี่เอสคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม