ในถุงผ้าบรรจุหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว ณ เมรุวัดยาง เพชรบุรี 24 พ.ย.2567 หลายเล่ม ผมเลือกเล่มใหญ่หนา...จดหมายเหตุภาคประชาชน รวมบท บ.ก. นสพ.เพชรภูมิ (พ.ศ.2527–2550) ไล่เลียงทีละหน้าหน้า 184-5 16 เม.ย.2534 เจอเรื่องตายหนักแบบขุนเขา ตายเบาแบบขนนก ความตายที่เจ้าของมีสิทธิ์สะดุดใจ...ก็หยุด ฟื้นความหลังตัวเอง...ตอนนั้นอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ก็ตั้งใจอ่านผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเชิงมาเฟีย หลายคน เช่น จิว เมืองชล แหย อ่างทอง จิตร เมืองเพชร ช้อง คล้ายคลึง และรายล่าสุด (ช่วงเวลาที่อาจารย์ล้อมเขียน) เหลา กรุงเทพฯ ได้ถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุที่คล้ายคลึงกันคือถูกฆาตกรรมการตายของคนเหล่านี้เป็นข่าวที่ดังไปทั่วประเทศ หนังสือพิมพ์สนใจเสนอข่าว เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงพยายามเอาจริงเอาจังว่า จะจับตัวฆาตกรให้ได้ถ้าจะพิจารณาถึงวิธีการดำเนินชีวิตก่อนตาย จะพบว่าเขาเหล่านั้น ต่างมีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกันคือ “ทำธุรกิจใต้ดิน” ที่ผิดกฎหมาย หักล้างคู่แข่งขันด้วยวิธีเข่นฆ่าทำลาย เอาเงินที่ร่ำรวยจากธุรกิจใต้ดินมาปิดปากนายพัน นายพล และโปรยหว่านเงินในกิจกรรมการกุศล เพื่อสร้างชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ตัวเอง คนทั่วไปให้ความยกย่องนับถือในอำนาจบารมีที่อยู่เหนือกฎหมายได้โดยไม่ถูกจับกุมและลงท้ายเมื่อบารมีแก่กล้า เขาก็คิดจะเป็นนักการเมือง “เพื่อไปกุมชะตากรรมของประเทศชาติ”ผู้คนพลเมืองดีทั้งหลายก็พร้อมที่จะลงคะแนนให้เขา ไปนั่งในสภาอันทรงเกียรติจากวิถีการดำเนินชีวิตเชิง “มาเฟีย” ดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าชีวิตของคนเหล่านั้น เป็นชีวิตต้องต่อสู้ ดิ้นรนเพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเองตลอดมาจะทำอะไรก็ได้ ทั้งผิดหรือถูกกฎหมาย เพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ สินค้าเถื่อน ยาเสพติด บ่อนการพนัน ซ่องโสเภณี ทำได้ทั้งนั้น คนที่ทำเพื่อตัวเอง ตัวเอง และตัวเอง เช่นนี้ เมื่อมาถึงความตาย ความตายของเขา จึงมิได้หนักแน่น แต่กลับเหมือนมีอะไรเบาๆ ล่องลอยไปจากสังคมถ้าจะเปรียบเทียบกับคนบางคน ทั้งที่ตายไปแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ เช่น พระยอดเมืองขวาง ผู้นำทหารเข้าต่อสู้กับฝรั่งเศสเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศปรีดี พนมยงค์ ผู้ต่อสู้ดิ้นรนเกือบตลอดชีวิต เพื่อวางรากฐาน ระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประเทศพระจำรูญแห่งวัดถ้ำกระบอก ผู้อุทิศตัวรักษาผู้ติดยาเสพติด หรือ ครูประทีบ อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้อุทิศชีวิตอยู่เพื่อชาวสลัม วิถีชีวิตของคนเหล่านี้ต่างเป็นไปเพื่อคนอื่น มิใช่เพื่อตัวเองเมื่อความตายมาถึง ความตายของเขาจึงดูหนักแน่น เป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงของสังคมอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว จบบท บ.ก.ฉบับวันนั้น...ชีวิตที่กำลังดิ้นรนอยู่ จะบอกได้ว่า เจ้าของชีวิตจะเลือกตายแบบไหน หรือตายเพื่ออะไร ความตายของใครต่อใคร จึงเป็นเครื่องเตือนสติผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ผมตั้งใจเลือกเรื่องของอาจารย์ล้อมมาให้อ่านกันในวันนี้ เหตุผลแรก...นึกถึงทหารไทยที่เสียชีวิตในสงครามชายแดนเขมร อยากช่วยย้ำว่า ความตายของพวกคุณไม่ได้สูญเปล่า...นี่คือความตายหนักแบบขุนเขาแต่ละวันมีคนตายมากมาย แต่จะมีสักกี่คน...พ่อแม่ลูกหลาน พูดได้เต็มปาก ตายเพื่อชาติเหตุผลต่อมา ผมนึกถึง “เอียด” นิพัทธ์พร ลูกสาวอาจารย์ล้อม เธอไม่เป็นหลับนอนแรมเดือน ทำหนังสืออนุสรณ์งานศพให้พ่อหนังสือทุกเล่มที่เธอทำ เป็นอนุสาวรีย์ชวนให้คนรุ่นต่อไป ได้จดจำเล่าขานถึงครูล้อมผู้รู้ผู้ยิ่งใหญ่ไปอีกชั่วกาลนาน นักเขียนก็เหมือนนักรบนั่นแหละครับ! ตัวตายแต่ชื่อไม่มีวันตาย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม