สุดเศร้า “จ.ส.อ.อนันดา อุดร” ทหารสังกัดกองพันสิงห์ศึก “นักรบภูมะเขือ” หลั่งเลือดชโลมดิน สละชีพเพื่อชาติเป็นทหารกล้าคนที่ 6 ก่อนจากไปโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “สัญญาว่าจะปลอดภัยกลับไปหาครอบครัว” ขณะที่โลกออนไลน์ร่วมสดุดีไว้อาลัยทหารกล้าคนที่ 5 “พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย” กัมพูชาเหิมหนักระดมยิงปืนใหญ่ BM-21 ล่าสุด 50 นัดใส่พื้นที่พลเรือนฝั่งไทยบริเวณชายแดน 4 จังหวัด ทั้งระดมโจมตี “ช่องบก-ช่องอานม้า” ส่งฝูงโดรนเข้าเนิน 677 กว่า 80 เที่ยว ใช้จรวด BM-21 ยิงเข้าภูมะเขือ ใช้ฐานบัญชาการบนเขาพระวิหาร ส่งรถถัง-อาวุธเล็งตรงยิงที่บริเวณสถูปคู่และห้วยตามาเรีย กปช.จต.ยิงปืน ค.ทำลายบ้านฐานสแกมเมอร์พร้อมยิงทำลายตึกกาสิโน ที่กัมพูชานำสไนเปอร์พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ เตรียมถล่มอธิปไตยไทยจากที่สูง F-16 กริพเพนออกโรงโจมตีทางทหารกัมพูชาตรงข้ามบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เปิด 5 แนวรบหลักบริเวณ จ.สระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กปช.จต. เปิดยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ระดมกำลังรบทุกมิติ ใช้เรือหลวงเทพาลั่นปืนใหญ่สนับสนุนภาคพื้นดิน ยึดพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ “บ้านสามหลัง” ได้แล้ว 80%สถานการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาในวันที่ 10 ธ.ค. นับเป็นวันที่ 4 ของการสู้รบและยังคงมีการปะทะกันหลายจุดสำคัญอย่างดุเดือดเลือดพล่าน โดยเฉพาะแนวรบในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.สระแก้ว และยังขยายวงแนวรบเพิ่มมาอีก 1 จุดคือที่ จ.ตราด ทั้งนี้ ทหารไทยทุ่มแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลังในการปฏิบัติการทุกรูปแบบเพื่อขับไล่ข้าศึกทหารกัมพูชาที่เป็นภัยความมั่นคงของประเทศอย่างหนักหน่วงให้พ้นแผ่นดินไทย แม้ต้องพลีชีพเพื่อชาติ ล่าสุดไทยสูญเสียนายทหารกล้าไปอีก 2 นาย ขณะที่กองทัพบกรายงานสถานการณ์การสู้รบเป็นระยะร่วมอาลัยทหารกล้าคนที่ 5เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ พร้อมใจกันร่วมไว้อาลัยและสดุดีทหารกล้าคนที่ 5 คือ “พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย” อายุ 20 ปี ทหารสังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่พลีชีพเพื่อชาติในสมรภูมิปราสาทคนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. การสูญเสียทหารกล้ารายนี้ซึ่งเป็นลูกหลานชาวอีสาน จากบ้านภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สละชีวิตปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิปราสาทคนาอย่างห้าวหาญ จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาและพลทหารเทิดศักดิ์เสียชีวิตหลังถูกสะเก็ดระเบิดจาก BM-21 ของกัมพูชา หลังเข้ารักษาตัวที่ รพ.พนมดงรักจัดพิธีสดุดี “พลฯวายุ ขวัญเสือ”เวลา 09.00 น.วันเดียวกัน นายจำเริญ แหวนเพ็ชร ผวจ.สุรินทร์ ร่วมพิธีสดุดีทหารกล้าอีก 1 นาย คือ พลฯวายุ ขวัญเสือ ทหารสังกัด ร.31 พัน.3 รอ. ที่เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ มณฑลทหาร บกที่ 25 อำนวยการให้จัดกำลังพลพร้อมยานพาหนะ ร่วมพิธีรับศพอย่างสมเกียรติ โดยมี พล.ต.ต.ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธี โดยขบวนศพได้เคลื่อนย้ายออกจาก รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ไปยัง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไปกัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่–BM–21 ใส่ 4 จว.เวลา 11.15 น. เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความรายงานไทม์ไลน์ว่า กัมพูชาใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงใส่พื้นที่พลเรือนฝั่งไทยจนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างทั้ง 4 จังหวัดชายแดน รวม 50 นัด โดยตำบลที่กระสุนตก มีดังนี้ ที่ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 17 นัด วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 05.43 น. ที่ ม.2 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 2 นัด เวลา 05.43 น. ที่ ม.9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 2 นัด เวลา 05.48 น. ที่ ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 5 นัด เวลา 06.10 น. ที่ ม.9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 06.40 น. ที่ ม.4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 07.19 น. ที่ ม.11 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 3 นัด เวลา 07.31 น. ที่ ม.1 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 08.43 น. ที่ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ 2 นัดยังไม่มีรายงานคนเจ็บ–เสียชีวิตขณะที่ จ.บุรีรัมย์ มีจำนวน 12 นัด คือวันที่ 7 ธ.ค.เวลา 08.30 น.ที่ บ.สายโท 10 อ.บ้านกรวด 2 นัด วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 09.10 น.ที่ ม.7 ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด 5 นัด วันที่ 9 ธ.ค. เวลา 09.10 น. ที่ ม.7 ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด 5 นัด จ.สุรินทร์ จำนวน 20 นัด คือวันที่ 7 ธ.ค. เวลา 08.45 น. ที่ ม.6 ต.โคกกลาง อ.พนมดงก 4 นัด วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 09.20 น. ที่ ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง 3 นัด วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 14.05 น. ที่ ม.16 ต.บักได อ.พนมดงรัก 5 นัด วันที่ 8 ธ.ค. 07.40 น. ม.6 ต.โครกกลาง อ.พนมดงรัก 2 นัด วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 08.06 น. ที่ ม.11 ต.บักได อ.พนมดงรัก 2 นัด วันที่ 9 ธ.ค.เวลา 09.45 น. ที่ ต.บักได อ.พนมดงรัก 4 นัด และ ที่ จ.อุบลราชธานี จำนวน 1 นัด คือ วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 06.55 น. ที่ ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน ปัจจุบันยังไม่มี การรายงานบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างรอสำรวจกัมพูชาโจมตีช่องบก-ช่องอานม้าเวลา 11.40 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวัน ณ เวลา 09.00 น. ดังนี้ สถานการณ์ ในห้วงคืนวันที่ 9 ธ.ค. ฝ่ายกัมพูชาระดมโจมตีต่อช่องบก ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะเนิน 677 ด้วยฝูงโดรนกว่า 80 เที่ยว ใช้จรวด BM-21 โจมตีเพื่อเข้ายึดภูมะเขือ ใช้รถถัง และอาวุธเล็งตรง ยิงจากที่ตั้งบนเขาพระวิหารต่อกำลังฝ่ายเราบริเวณสถูปคู่และห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายไทยยิงทำลายที่ตั้งแอนตี้โดรน บริเวณทิศใต้ช่องจอมเพื่อสนับสนุนการกวาดล้างกัมพูชาบริเวณสวนมะม่วง ที่ปลูกล้ำเส้นปฏิบัติการเข้ามาบริเวณช่องระยี ฝ่ายกัมพูชาใช้จรวด BM-21 ระดมยิงบริเวณปราสาทคนา ไม่คำนึงถึงกำลังฝ่ายเดียวกัน ที่วางกำลังต้านทานการเข้าควบคุมพื้นที่ของฝ่ายไทยBM 21-โดรนฯถล่มฐาน ตชด.เจ็บ 20ขณะที่มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 พร้อมใช้โดรนสังหารโจมตีฐานปฏิบัติการของ ตชด. ที่บริเวณแนวสู้รบชายแดน จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้มี ตชด.บาดเจ็บและชุดปฏิบัติการเข้าช่วยนำออกจากพื้นที่ส่ง รพ.กันทรลักษ์ อย่างปลอดภัย พล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา รอง ผบช.ตชด. เผยว่า มี ตชด.ที่บาดเจ็บรวม 20 นาย สังกัด กก.ตชด.22 มี ด.ต.อภินันท์ ลาโพธิ์ ส.ต.อ.ธนาวุฒิ พาเรือง ร.ต.ต.ศุภชัย เนียมเที่ยง จ.ส.ต.พลางกูร หมอกเจริญ จ.ส.ต.รุจธร ดานนธิสรน์ ส.ต.อ.นพรัตน์ อำภวา จ.ส.ต.เนรมิต ผาระพงษ์ จ.ส.ต.เจนณรงค์ วาจาสัตย์ จ.ส.ต.อนุพงศ์ ลันดา จ.ส.ต.เอกสิทธิ์ ภาโสภะด.ต.พงศักดิ์ จันทะโชติ ส.ต.อ.ธวัชชัย จันทร์ผาย ส.ต.อ.อรรถพล ศรีเที่ยง ส่วน ส.ต.อ.สิทธิชัย บุ้งทอง และ จ.ส.ต.สุรัตน์ หวังสวัสดิ์ รักษาตัวสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี จ.ศรีสะเกษ และมีกลับไปปฏิบัติงาน ณ ที่ตั้งหน่วย 5 นาย คือ ส.ต.อ.สิทธิชัย บุ้งทอง จ.ส.ต.สิทธิศักดิ์ พันทะไชย ส.ต.ต.กำพล แสงจันทร์สี ด.ต.พิษณุ โพธิ์น้อย และ ด.ต.วรวิทย์ พลศรีF 16-กริพเพนทิ้งระเบิดตึกกาสิโนอีกด้านหนึ่งเมื่อช่วงเวลา 11.40 น. วันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิบัติการ ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. กกล.บูรพาและกองทัพอากาศไทย ร่วมกัน “ปฏิบัติการทางอากาศ” โดย F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหารฝ่ายกัมพูชา 1 ที่หมายบริเวณชายแดนตรงข้ามบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ต่อมาเวลา 12.00 น. เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์ข้อความว่า เวลา 11.10 น. เครื่องบินรบ F-16 และ JAS 39 Gripen จำนวน 2 ลำของกองทัพอากาศไทยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดต่อเป้าหมายบ่อนกาสิโนและฐานสแกมเมอร์อีกครั้งในพื้นที่โอร์เสม็ด ตรงข้ามช่องจอม จ.สุรินทร์ ที่กองทัพกัมพูชาใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารสำหรับปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีประเทศไทยและยังเป็นสถานที่ซุกซ่อนอาวุธหนักและรถยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 อีกด้วยเปิด 5 แนวรบหลักที่ จ.สระแก้วเวลา 12.50 น. กองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ประจำวันที่ 10 ธ.ค. ว่า ได้เปิด 5 แนวรบหลัก คือ 1.บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา มีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค.ควบคุมพื้นที่ อยู่ระหว่างเสริมความมั่นคงและสถาปนาที่มั่นตั้งรับ 2.บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง แต่ยังมีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค.ควบคุมพื้นที่ สถาปนาที่มั่นตั้งรับ 3.บ้านหนองจาน อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค. 4.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ เฝ้าระวังมีการปะทะเล็กน้อย 5.อ.คลองหาด พบรถสายพานฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ 3 คัน ฝ่ายไทยใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงสกัด ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ยังเผยคลิปปฏิบัติการทางทหารเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ระบุว่าหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 โดย ฉก.ม.4 พัน 5 จัดรถถังหลัก M60A3 ยิงถล่มที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงที่หมายบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วรถยานเกราะบุกยึดคืนด่านบึงตะกวนเวลา 13.30 น. เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์ข้อความว่า ด่วน ทหารราบพร้อมยานเกราะ “Stryker 8×8”กองทัพภาคที่ 1 เข้ายึดคืนพื้นที่บริเวณด่านบึงตะกวน ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว พร้อมปักธงชาติไทยและติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลิงเพื่อกำหนดเขตป้องกัน“ยุทธการศตวรรษ” สดุดีผู้พลีชีพมีรายงานจากกองทัพบกอีกว่า จากการปฏิบัติการป้องกันอธิปไตยไทยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.เป็นต้นมา กองทัพบกสูญเสียกำลังพลผู้กล้าหาญ 1 นาย ท่านแรกคือ “จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต” และเหล่าทหารกล้าผู้ซึ่งลุกขึ้นยืน ณ แนวหน้า ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติของทหารอาชีพ ได้มอบชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย เพื่อสดุดีเกียรติยศและความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของวีรชนผู้นี้ กองทัพบกจึงประกาศนามการรบในครั้งนี้ว่า “ยุทธการศตวรรษ” เพื่อเกียรติศักดิ์แห่งผู้ปกป้องแผ่นดิน การเสียสละของพวกเขาเหล่าทหารกล้า ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์หนึ่งในสนามรบ แต่เป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์ของกองทัพบก เป็นบทพิสูจน์แห่งศรัทธา หน้าที่ และการไม่ยอมถอย เมื่อผืนแผ่นดินไทยถูกคุกคาม กองทัพบกขอยืนหยัดสืบทอดเจตนารมณ์ผู้กล้าเดินหน้า “ยุทธการศตวรรษ” จนกว่าจะบรรลุภารกิจเพื่อความปลอดภัยของประชาชนไทยและเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุดทำลายเครนบนเขาพระวิหารเวลา 14.00 น. กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำลายเครนที่อยู่บริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร หลังตรวจพบว่า ใช้เป็นที่ติดตั้งแจมเมอร์หรือแอนตี้โดรน รวมทั้งติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดด้วยสัญญาณเรดาร์บนพื้นที่เขาพระวิหาร พบว่ามีระบบ Spoofing GPS ก่อกวนนำร่องด้วยดาวเทียม (GNSS/GPS) ส่งผลให้โดรนและระบบอื่นๆในพื้นที่ของไทยมีปัญหา และยังมีการใช้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรวมทั้งดูปฏิบัติการของกำลังฝ่ายเราในพื้นที่รอบเขาพระวิหารชายแดนสุรินทร์ปะทะต่อเนื่องทั้งวันขณะที่ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.สุรินทร์ รายงานสถานการณ์ชายแดน โดยเฉพาะแนวชายแดนด้านต.บักได และ ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ที่เป็นพื้นที่ที่ตั้งของปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม ตลอดทั้งวันมีการปะทะต่อเนื่อง เสียงปืนใหญ่-เล็ก ดังกึกก้องตลอดแนวทั้งวันตั้งแต่เช้าก่อนที่ช่วงค่ำเสียงปืนจะเงียบเสียงลงอย่างผิดปกติ ขณะที่มีข้อมูลแจ้งมายังผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่ชายแดนว่า ฝั่งกัมพูชาอาจใช้โดรนพลีชีพหลายร้อยลำตอบโต้ มีการแจ้งให้หมู่บ้านในพื้นที่เตรียมความพร้อมรับมือ หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ให้อยู่ในที่กำบังหรือบังเกอร์หลบภัย ให้ปิดไฟไม่ให้มีแสงส่องสว่างในจุดที่ชุดชรบ.ประจำอยู่ แจ้งให้บุคคลผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้รีบออกจากพื้นที่เสี่ยงรวมถึงสื่อมวลชนเพื่อความปลอดภัย มีตำรวจ สภ.พนมดงรัก เข้ามาตรวจตราให้คำแนะนำวิธีสังเกตโดรนที่เข้ามาและขั้นตอนการป้องกันไม่ให้โดรนมองเห็น พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง อบต. พื้นที่ ปิดไฟเสาส่องสว่างตามถนนในชุมชนให้หมดเป็นการป้องกันภัยได้ในระดับหนึ่งเขมรระดมยิงจรวดถูกสวนกลับช่วงบ่ายทหารกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่ปราสาทตาควาย ช่องกร่าง เขตพื้นที่ อ.พนมดงรัก หลายชุดติดต่อกัน และฝั่งไทยก็ได้ยิงปืนใหญ่โต้ตอบกลับไปอย่างหนัก ลูกจรวด BM-21 ของกัมพูชายิงเข้ามาแบบไร้ทิศทางส่งผลให้ลูกจรวด BM-21 หลายลูกตกลงในพื้นที่พลเรือนของไทยและตามป่ายางพาราของชาวบ้านจำนวนมาก โดยพื้นที่ อ.กาบเชิง มีกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชายิงมาตกที่หน้าบ้านของนายสอน วงศ์เจริญ เลขที่ 11/1 จำนวน 1 ลูก สะเก็ดระเบิดทำลายตัวบ้านเสียหายเกือบทั้งหลังและสะเก็ดระเบิดยังไปโดนบ้านข้างๆอีก 1 หลัง เสียหายเล็กน้อย เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะเจ้าของบ้านได้อพยพออกไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงก่อนเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังตกที่ข้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ตะเคียน ด้วย โดยที่เหลือยังค้นหาไม่พบว่าตกจุดไหนบ้างคุณตาวัย 90 ปี ไม่ยอมหนีขอเฝ้าบ้านขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พบกับคุณตาบาย กระโทก อายุ 90 ปี ที่ไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ ยังคงพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของ ต.บักได อ.พนมดงรัก คุณตาบายยืนยันอย่างหนักแน่นจะไม่ขอไปไหน ขออยู่ที่บ้านไปจนตาย หากอพยพออกไปก็จะลำบากอยู่ที่บ้านกับยายไม่เคยกลัว ดีใจที่ทหารยึดปราสาทคนากลับคืนมาได้ และขอให้เอาปราสาทตาควายกลับมาด้วย พร้อมกันนี้ยังขอให้ฮุน เซน ตายไปสักที เรื่องจะได้จบทำลายสะพานใช้ส่งกำลังบำรุงส่วนพื้นที่สู้รบด้านตะวันออก ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ตอนสายวันเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะปืนใหญ่สนาม ที่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยไทย เพื่อเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงและการเสริมกำลังของกัมพูชา กปช.จต.จำเป็นต้องทำลายสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ เพื่อตัดเส้นทางการบำรุงขอให้ชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อพยพออกจากสะพานภายใน 3 ชั่วโมง และต้องออกจากบริเวณสะพานเกินรัศมี 1.5 กิโลเมตรยิงปืน ค.ทำลายฐานสแกมเมอร์เวลา 10.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ได้ยิงปืน ค.ทำลายฐานสแกมเมอร์ในพื้นที่ทมอดา จ.โพธิสัตว์ ตรงข้าม ต.ชำราก จ.ตราด ซึ่งฐานปฏิบัติการแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สะสมกำลังพลของฝ่ายกัมพูชาอีกด้วยและมีรายงานด้วยว่า ทหารกัมพูชาได้ใช้ตึกกาสิโนที่ทมอดาที่เป็นอาคารสูง นำทหารสไนเปอร์ 4 คน ขึ้นไปและมีอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของไทยทร.เปิดยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์”ทั้งนี้ จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ต่างๆรวมถึงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราดที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ กองทัพเรือได้เปิดยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” สนธิกำลังรบในทุกมิติทั้งน้ำ-ฟ้า-ฝั่ง ในการดูแลรักษาอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย โดยเรือหลวงเทพาได้เข้าพื้นที่ปฏิบัติการทันที ในการดำเนินการตรวจการณ์ ลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง กำลังพลทุกนายถูกยกระดับให้สู่สภาวการณ์พร้อมรบ อาวุธประจำเรือทุกชนิดถูกเตรียมพร้อมเต็มกำลัง พร้อมใช้งานตลอดเวลาเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ทันทีส่งเรือหลวงเทพาหนุนกำลังทางบกก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.เรือหลวงเทพา ให้การสนับสนุนการยิงฝั่งด้วยปืนใหญ่เรือ สนับสนุนกำลังทางบก เพื่อยึดพื้นที่บ้านสามหลัง ที่ บ.หนองรี ฝ่ายไทยทำลายฐานที่มั่นกัมพูชาไปแล้ว 80% โดยกำลังจากนาวิกโยธิน กระทั่งเผาทำลายบ้านทั้งสามหลังได้ รวมถึงตัวบังเกอร์ที่คาดว่าจะใช้ในการเก็บยุทโธปกรณ์และอมภัณฑ์ต่างๆ ถูกทำลายไปแล้วด้วยเช่นกัน โดยยังอยู่ในขั้นตอนการเข้ายึดพื้นที่ แต่เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้ขุดบังเกอร์และคูเลตเป็นที่หลบกำบัง ก่อนใช้อาวุธหนักปืนใหญ่ตอบโต้กำลังของฝ่ายไทย ทำให้กำลังพลกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จึงยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จผู้ช่วยโฆษก ทร.ชี้แจงปฏิบัติการขณะที่นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวชี้แจงปฏิบัติการตราดปรปักษ์ ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่บ้านชำราก อ.เมือง จ.ตราด ว่า เราพยายามทำลายอาวุธสนับสนุนของกัมพูชา เพื่อไม่ให้ต่อตีกำลังพลฝ่ายไทยที่จะเข้ายึดพื้นที่ได้ จากภาพจะเห็นหลุมปืนของฝ่ายกัมพูชาที่วางกำลังอยู่โดยรอบ และยิงสนับสนุนเข้าไปในพื้นที่บ้าน 3 หลัง ซึ่งขณะนี้ตัวบ้าน 3 หลังได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว 100% แต่เนื่องจากยังมีกำลังพลกัมพูชาหลบอยู่ตามคูเลต ทำให้กำลังพลทหารราบนาวิกโยธินยังไม่สามารถเข้าไปยึดพื้นที่ได้ เพราะยังมีการต่อต้านจากปืนใหญ่ และปืน ค.ของฝ่ายข้าศึก ดังนั้น 2 วันนี้ (9-10 ธ.ค.68) ฝ่ายไทยต้องพยายามลิดรอนทำลายภัยคุกคามที่จะมีผลต่อฝ่ายไทย ส่วนการโจมตีกาสิโน ไม่ได้โจมตีเพื่อทำลายตัวอาคาร แต่โจมตีเพื่อทำลายที่มั่นทางทหารของกัมพูชาเพื่อลดขีดความสามารถในการเป็นภัยคุกคามกับฝ่ายไทย ยืนยันว่าไทยตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างมีสัดส่วนสมเหตุสมผล ไม่ได้ต้องการทำลายราบเป็นหน้ากลองทอ.โต้กัมพูชาปล่อยข่าวปลอม F–16ส่วนกรณี เพจสำนักงานข่าวกัมพูชา “kampuchea themey daily” เผยแพร่ภาพเครื่องบิน บินอยู่บนท้องฟ้าประเทศกัมพูชาช่วงเวลา 09.45 น. อ้างว่ากองทัพไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 บินเหนือน่านฟ้าตำบลโอวบีเจียนและพื้นที่ปอยเปต เวลา 09.50 น. กองทัพไทยได้ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 บินเหนือวงเวียนสะตึงบท 2 รอบ ในพื้นที่ปอยเปตและเวลา 09.50 น. กองทัพไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 บินทิ้งระเบิด 2 ลูก ในพื้นที่บ้านสลอร์กรัม ต.สลอร์กรัม อ.สวายเจก จ.บันเตียเมียนเจย นั้น พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผช.ผบ.ทอ.ให้ข้อมูลว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอมที่กัมพูชาพยายามโจมตีประเทศไทยด้วยข่าวสารที่เป็นเท็จ ภารกิจของกองทัพในการปฏิบัติการทางอากาศ ยึดหลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพื่อจำกัดความรุนแรงและคุ้มครองพลเมืองตามหลักความจำเป็นในการใช้กำลังเท่าที่จำเป็นได้สัดส่วน ไม่เกินกว่าเหตุ ยึดมั่นแบ่งแยกเป้าหมายทางทหาร ออกจากพลเรือนอย่างชัดเจน เครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทยไม่ได้บินเหนือน่านฟ้า ต.โอวบีเจียนและพื้นที่ปอยเปตตามที่สื่อกัมพูชารายงานทบ.ฉะ ฮุน เซน ไทยไม่ใช่ผู้รุกรานด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงเมื่อเวลา 11.00 น. กรณีที่สื่อกัมพูชารายงานว่า สมเด็จฯฮุน เซน กล่าวหาว่าฝ่ายไทยคือผู้รุกราน ใช้อาวุธหนักระดมยิงใส่ฝั่งกัมพูชา ยั่วยุหวังดึงให้ กัมพูชาโต้ตอบ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการฉีกสัญญาหยุดยิงและทำลายแถลงการณ์สันติภาพ พร้อมสั่งให้ทหารกัมพูชาอดทน ห้ามหลงกลยิงสวนเด็ดขาดว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายไทยเชื่อมาตลอดว่า สมเด็จฯฮุน เซน คือผู้สั่งการบังคับบัญชาตัวจริงของประเทศกัมพูชา ส่วนประเด็นบิดเบือนที่พยายามกล่าวหาไทยเป็นผู้รุกรานแย้งกับความจริงว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ในการนำกำลังพร้อมอาวุธเข้ามาในเขตพื้นที่อธิปไตยไทยในหลายพื้นที่ รวมทั้งการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจำนวนมากบริเวณแนวชายแดน โดยช่วงหยุดยิงตั้งแต่เมื่อปลายเดือน ก.ค.เป็นต้นมา กัมพูชามีพฤติกรรมยั่วยุมาโดยตลอด ที่สำคัญที่สุดคือการใช้อาวุธทุ่นระเบิดทำร้ายฝ่ายไทยมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน จนทำให้ฝ่ายรัฐบาลไทยขอระงับข้อตกลงร่วม เพราะผลจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กัมพูชาเป็นผู้ที่ฉีกสัญญาต่างๆโดยเจตนาผ่านการกระทำของตนเองยันทหารกัมพูชายิงใส่ไทยก่อนโฆษกกองทัพบกยังได้กล่าวย้ำว่า นอกจากนี้ กัมพูชาไม่ได้ใช้ความอดทนจริงอย่างที่กล่าวไว้ เพราะจากสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยอย่างโหดร้ายและไม่มีการแจ้งเตือนก่อน รวมถึงตลอดสองสามวันที่ผ่านมา กัมพูชาใช้อาวุธทุกชนิดโจมตีฝ่ายไทยด้วยปริมาณที่หนาแน่นมาตลอด ซึ่งพบว่ามีพื้นที่พลเรือนได้รับผลกระทบจำนวนมาก กองทัพบกมีสิทธิในการป้องกันตนเองจนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดนจะยุติลง เพื่อปกป้องอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนไทยตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักมนุษยธรรม ยืนยันไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มความรุนแรง แต่มีหน้าที่ต้องตอบสนองต่อการล่วงละเมิดอธิปไตยอย่างจำเป็นผบ.กกล.ประกาศกฎอัยการศึกวันเดียวกัน พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.กองกำลังบูรพา ลงนามในประกาศของกองกำลังบูรพา ที่มีคำสั่งเรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน ในระยะเวลาที่กำหนดตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มีความปลอดภัย เกิดความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่และรอดพ้นจากความหวาดระแวงภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ ดังต่อไปนี้ 1.ห้าม บุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างเวลา 19.00- 05.00 น. ในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดน ได้แก่ อ.ตาพระยา อ.โคกสูง อ.อรัญประเทศ อ.คลองหาด 2.ใช้มาตรการตามกฎหมาย ให้การปฏิบัติยังคงเป็นไปตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 อย่างเคร่งครัด อำนาจที่ให้นี้ครอบคลุมถึงการควบคุมพื้นที่ การควบคุมบุคคล การตรวจค้น ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบหรือกระทบต่อความมั่นคง 3.ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณวันที่ 10 ธ.ค.ในหลวง–ราชินี พระราชทานของเยี่ยมเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายปิยะ ปิจนำ ผวจ.บุรีรัมย์ เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ ส.อ.วรกานต์ หนูย้อย ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.และเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ รพ.ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ในการนี้พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯทรงรับกำลังพลไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่กำลังพลอย่างหาที่สุดมิได้ยันไม่มีที่ปรึกษาฮุน มาเนตเจรจาอีกด้านที่รัฐสภาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ล่าสุดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขอประชาชนฟังข้อมูลจากการแถลงของกองทัพ และหน่วยงานความมั่นคง อย่าไปฟังข่าวจากแหล่งอื่น ขอให้ฟังจากแหล่งเดียว จะได้มีความชัดเจนและถูกต้อง เมื่อถามว่าตอนนี้ท่าทีของกัมพูชามีการติดต่อหรือประสานอะไรเข้ามาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่มี เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวที่ปรึกษานายกฯกัมพูชาส่งสัญญาณมาว่า อยากจะพูดคุยเจรจา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯย้อนถามว่า ส่งให้ใคร ผู้สื่อข่าวตอบว่า พูดผ่านสื่อ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ ต้องมีช่องทาง เมื่อถามว่า แสดงว่าช่องทางดังกล่าวยังมาไม่ถึงใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เขาก็มีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกันกองทัพคุมสถานการณ์เต็มที่เมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้จำเป็นต้องมีการขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อขอความคิดเห็นต่อสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศ นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับการร้องขอใดๆ กองทัพยืนยันว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่ แค่กองทัพขอให้รัฐบาลสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามกลยุทธ์ของทหาร เมื่อถามว่า ล่าสุดกัมพูชาโจมตีเข้ามาใกล้โรงพยาบาลจะมีการประณามหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขอรับรายงานที่แน่นอนและชัดเจนก่อน เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสการยุบสภาในเวลาอันใกล้นี้จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เรื่องของการปกป้องอธิปไตยของไทยเป็นภารกิจหลักของฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่าถ้าชายแดนยังรบไม่จบจะไม่มีการยุบสภาใช่หรือไม่ นายอนุทิน ไม่ตอบคำถามดังกล่าวพร้อมกับเดินขึ้นห้องประชุมรัฐสภาทันที“อนุทิน” บอก “ทรัมป์” ยังไม่ติดต่อมาช่วงเย็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะติดต่อขอเจรจากับผู้นำประเทศไทยและประเทศกัมพูชา เพื่อยับยั้งสงครามระหว่างสองประเทศ ว่า ยังไม่มีใครประสานมา เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ คนเดียวใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าเวลาหารือทางโทรศัพท์ ระดับผู้นำจะนัดหมายกัน เมื่อถามว่าถ้าติดต่อมาให้ไทยกลับไปอยู่บนพื้นฐานการเจรจา จะยอมเจรจาด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ระดับประธานาธิบดีสหรัฐฯโทรศัพท์มาเราต้องรับสาย ต้องพูดคุย ต้องอธิบายให้เข้าใจ ท่านไม่มีทางรับทราบข้อมูลมากกว่าตน การที่จะมาบอกให้ไทยหยุดตอนนี้คนละเรื่องกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของคู่กรณีระหว่างสองประเทศ มีผู้นำประเทศอื่นๆ ที่ปรารถนาดีอยากเห็นสันติภาพต้องอธิบายว่ามันมีปัญหาอะไร ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ขณะเดียวกันการพูดคุยจะต้องเชิญ รมว.ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ถ้าจำเป็นก็ต้องเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ รมว.กลาโหมเข้าร่วมด้วยปัดไม่ได้โยนทุกอย่างให้ทหารเมื่อถามอีกว่ามีผู้นำประเทศอื่นๆติดต่อมาพูดคุยบ้างหรือไม่ เช่น ประเทศจีน นายกฯกล่าวว่า ไม่มี การติดต่อต้องผ่านช่องทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ตนทราบ การลงนามครั้งที่ผ่านมาต้องการจะสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ มีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติทั้งสองฝ่าย แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติแต่ฝ่ายเราปฏิบัติครบ จะอธิบายกับใครก็ง่าย ไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขอยู่แล้ว ไม่มีผิดแม้แต่ข้อเดียว เมื่อถามว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขอให้ไทยกลับไปอยู่ในจุดการเจรจาไทยจะยอมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่ ท่านต้องฟังคำอธิบายสถานการณ์จากผมก่อน” เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้นายกฯให้ทหารตัดสินใจหลายอย่างใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องการรบเป็นเรื่องของทหาร ที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มากล่าวหาว่าตนโยนทุกอย่างให้ทหาร ยืนยันไม่ใช่การโยนแต่เป็นการมอบหมาย ตอนนี้เป็นเวลาที่คนไทยทุกคนต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เมื่อถามอีกว่าการเจรจาอะไร ต้องฟังทหารด้วยใช่หรือไม่ นายกฯย้อนถามกลับว่า เรื่องอะไร ต้องดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้มีการสู้รบกันขนาดนี้ต้นตอของการสู้รบมาจากไหน เพราะกัมพูชาโจมตีไทยก่อน ทำร้ายทหารไทยก่อน รวมถึง ไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชาตอบไม่ได้สงครามจบเมื่อไหร่เมื่อถามว่าจะหยุดที่จุดไหน หรือจะสู้รบกันไปแบบนี้ไม่มีจุดสิ้นสุดจนกว่าจะชนะกันไปข้างหนึ่งนายอนุทินกล่าวว่าเรื่องนี้ตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของความมั่นคง เมื่อถามอีกว่าสองสัปดาห์นี้จะจบหรือไม่ นายกฯกล่าวย้ำว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เมื่อถามย้ำว่าแต่จะมีทางออกสำหรับไทยอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรารักษาอธิปไตย รักษาดินแดนของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน เรามีเป้าหมายอยู่โต้เขมรกล่าวหาไทยใช้แก๊สพิษเวลา 17.42 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวตอบโต้กรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ว่าฝ่ายไทยได้ยิงแก๊สพิษ (ควันพิษ) เข้าไปในพื้นที่ ต.โอเบยเจือน อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย เขตที่อยู่อาศัยของพลเรือนกัมพูชา ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศว่า ขอให้กัมพูชาหยุดปล่อยข่าวปลอม หรือข้อมูลบิดเบือนซ้ำๆเพื่อหลอกลวงประชาชนของประเทศ ตนเองรวมถึงนานาชาติ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพื้นที่ ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดปฏิบัติการต่อฝ่ายไทยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 7 ธ.ค.68 โดยระดมยิงด้วยปืนเล็กและอาวุธหนักต่อพื้นที่ประเทศไทยไม่เลือกเป้าหมาย ช่วงเช้าวันที่ 10 ธ.ค. กัมพูชายิงจรวด BM-21 ลงพื้นที่ใกล้เคียง รพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รวมทั้งพื้นที่เขตชุมชนอื่นๆ ไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกติกาสากล ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ทำให้ไทยต้องดำเนินการตามสิทธิในการป้องกันตนเอง ตอบโต้ตามสถานการณ์และขอปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาที่ระบุว่าไทยยิงแก๊สพิษหรือควันพิษใส่ฝ่ายกัมพูชา ตามที่กล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงประณามใช้โบราณสถานปฏิบัติการพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากกรณีที่กัมพูชาได้กล่าวว่ามีประชาชนหรือพื้นที่ของประเทศกัมพูชา รวมถึงโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาควาย ได้รับความเสียหาย จากหลักฐานการข่าวยืนยันว่ากัมพูชาใช้พื้นที่ชุมชนพลเรือน อาคารบ่อนกาสิโน โบราณสถาน เป็นที่กำบังในการเปิดปฏิบัติการทางทหาร หรือใช้โล่มนุษย์ ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนประเทศกัมพูชา ล่าสุดไทยตรวจพบทหารกัมพูชาใช้พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหาร เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหาร ติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดและปืนใหญ่ รวมทั้งระบบแอนตี้โดรน ที่เตรียมการโจมตีต่อฝ่ายไทย ทำให้เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาไม่ได้ให้ความสำคัญและเคารพในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซ้ำยังนำมาเป็นเครื่องมือหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารด้วย กองทัพบกขอประณามการกระทำของกัมพูชา ซึ่งละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงทุกข้อ และหลักกฎหมายมนุษยธรรมสากลในทุกด้าน ขอให้ยุติการดำเนินการต่างๆที่อาจส่งผลกระทบในบริเวณกว้าง ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร ขัดต่อแนวทางในการดำเนินการสู่สันติภาพ อันจะทำให้ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทหารกล้าคนที่ 6 พลีชีพช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์มีการแห่ไว้อาลัย สดุดีทหารกล้าพลีชีพอีก 1 นาย คือ จ.ส.อ.อนันดา อุดร นายทหารสังกัดกองพันสิงห์ศึก นักรบภูมะเขือ ปกป้องอธิปไตยและประชาชนสุดเต็มกำลังความสามารถ พร้อมร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว ทั้งนี้การเสียชีวิตของ จ.ส.อ.อนันดา อุดร ถือเป็นทหารกล้าคนที่ 6 ที่พลีชีพเพื่อชาติ ก่อนหน้านี้ จ.ส.อ.อนันดา อุดร ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ปกป้องอธิปไตยคือเส้นแดงที่ไม่มีใครข้ามได้” และ “สัญญาว่าจะปลอดภัย กลับไปหาครอบครัว เหตุปะทะรอบ 2”ขีปนาวุธ PHL-03 ถึงกัมปงธมแล้ววันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force เปิดเผยว่า กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันเมื่อเวลา 16.00 น. มีการตรวจพบรถดาวเทียมและรถองค์ประกอบของระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ขนาด 300 mm. ที่มีระยะยิงได้ไกลสูงสุด 130 กิโลเมตรจากชายแดนไทย-กัมพูชา ของกองทัพกัมพูชา เดินทางเข้าพื้นที่ในจังหวัดกัมปงธมเรียบร้อยแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่