วิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ มวลน้ำป่าไหลทะลักเข้า รพ.สายบุรี จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่อพยพผู้ป่วย กันอย่างอลหม่านยะลาถนนทรุดลึก 2 เมตร เมืองคอนรถไฟโดยสารหยุดเดินรถน้ำท่วมราง สุราษฎร์ท่วม 8 อำเภอชาวบ้าน เดือดร้อนหนัก พัทลุงประกาศเขตภัยพิบัติ 3 อำเภอ ชาวชัยนาททุกข์นอนริมถนนยุงชุมและน้ำเหม็นเน่า ขณะที่อาสาฯร่วมกตัญญูลุยน้ำขนโลงรับศพพ่อเฒ่าส่งวัดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังวิกฤติหลายจังหวัด โดยเมื่อเช้าวันที่ 21 พ.ย. จ.ปัตตานี ฝนตกหนักน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในหลายอำเภอประกอบด้วย อ.ยะรัง อ.มายอ อ.ปะนาเระ อ.สายบุรี และ อ.เมือง โดยเฉพาะที่ รพ.สายบุรี มวลน้ำป่าจากภูเขาด้านหลังโรงพยาบาลไหลทะลักเข้าท่วมชั้นล่าง ตึกผู้ป่วยและส่วนบริการฟอกไต เจ้าหน้าที่อพยพผู้ป่วยโรคไตและผู้มาใช้บริการฟอกไตส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ปัตตานี พร้อมแจ้งประกาศให้ผู้ป่วยเดินทางไปรับบริการฟอกไตที่ รพ.ปัตตานี แทนเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายนอกจากนี้ฝนตกหนักน้ำกัดเซาะถนนพัง นายพรชัย ซาแลง นายช่างโยธา อบต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตรวจพื้นที่บริเวณถนนรอบอ่างเก็บน้ำยะรม หมู่ 4 ต.ยะรม ถนนทรุดตัวลึก 2 เมตร เกิดการแยกตัวของผิวถนนระยะทางยาวกว่า 50 เมตร คาดสาเหตุฝนตกต่อเนื่องดินอุ้มน้ำจนอ่อนตัวเกิดสไลด์ทำให้ถนนพัง เจ้าหน้าที่นำป้ายมาติดห้ามบุคคลเข้า-ออก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมถนนจ.สงขลา น้ำป่าไหลหลากอีกระลอกที่น้ำตกโตนงาช้างอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงามที่สุดของ จ.สงขลา มวลน้ำป่าไหลลงมาอย่างรวดเร็วและเชี่ยวกราก เจ้าหน้าที่ประกาศปิดน้ำตกชั่วคราว ที่ถนนหาดใหญ่-ปัตตานี ฝั่งขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ ฝนตกหนักน้ำท่วมถนนทำให้รถติดยาวกว่า 10 กม.ที่ จ.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมถนนสายนครฯ-ร่อนพิบูลย์ หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม เป็นถนนสายหลักที่สัญจรผ่านระหว่าง อ.เมือง อ.พระพรหม และ อ.ทุ่งสง ระดับน้ำสูงถึงหัวเข่า รถยนต์ขนาดเล็กวิ่งผ่านไม่ได้ ส่วนสถานีรถไฟที่วัง ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง น้ำท่วมรางรถไฟระดับน้ำสูงถึงน่องขา รถไฟไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้ด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง จ.นครศรีธรรมราช นำเรือท้องแบนช่วยเหลืออพยพเด็กทารกวัย 2 เดือนออกจากบ้านพักที่ถูกน้ำท่วมสูงในซอยโชคดี หลังแม็คโดนัลด์เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนที่ชุมชนบ่อทรัพย์ เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเป็นที่ราบลุ่มต่ำที่สุด น้ำป่าเทือกเขาหลวงไหลเชี่ยวทะลักท่วมบ้าน ระดับน้ำสูงมิดหัว ชาวบ้านอพยพไปศูนย์พักพิงที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช น้ำทะเลหนุนสูงทำให้การระบายน้ำค่อนข้างยาก ประกอบกับยังมีฝนตกต่อเนื่องส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 15 นครศรีธรรมราชนำรถแบ็กโฮขุดเปิดทางระบายน้ำ พร้อมกับติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามลำคลองสายต่างๆ เพื่อระบายน้ำป่าที่ไหลหลากจากอำเภอเมืองลงสู่ทะเลปากพนังอย่างเร็วที่สุดจ.สุราษฎร์ธานี ฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่รวม 8 อำเภอ 36 ตำบล 285 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 11,277 ครัวเรือน 35,155 คน พื้นที่ที่มีผลกระทบรุนแรง ประกอบด้วย อ.ไชยา อ.ท่าชนะ อ.ท่าฉาง และ อ.กาญจนดิษฐ์ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.สุราษฎร์ธานี สั่งการให้ทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง ติดตั้งแนวกั้นน้ำ จัดตั้งจุดอพยพสำหรับกลุ่มเปราะบาง และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างต่อเนื่องส่วนในพื้นที่ ต.ฉลุง ต.บ้านควน อ.เมืองสตูล เป็นพื้นที่รับน้ำ ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 14 หมู่บ้าน 1,300 ครัวเรือน นอกจากนี้ถนนในหมู่บ้านน้ำท่วมสูง ส่วนตลาดสดเทศบาลตำบลฉลุงน้ำท่วม พ่อค้าแม่ค้าขนของออกไปขายบนถนนตรงหน้าตลาด สภาพอากาศใน จ.สตูลยังคงมีฝนตกหนักเป็นช่วงๆ คาดปริมาณน้ำจะไหลท่วมในพื้นที่ อ.ควนโดน อีกระลอก แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังต่อไปอย่าเพิ่งเอาสิ่งของลงจากที่สูงจ.พัทลุง ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ 3 อำเภอประกอบด้วย อ.เมือง อ.กงหรา และ อ.เขาชัยสน ในพื้นที่ อ.เขาชัยสน พบศพ ด.ช.อันดามัน แก้วประทุม อายุ 12 ปี จมน้ำเสียชีวิต 1 ศพ ขณะเดียวกันกระแสน้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่ อ.กงหรา และ อ.ศรีนครินทร์ ไหลทะลักลงสู่พื้นที่ อ.เมือง เศษวัชพืชและท่อนไม้ติดอยู่เสาของสะพานเหล็กใน ต.ลำปํา อ.เมือง กระแสน้ำแรงซัดทำให้สะพานขาด ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือนเดือดร้อนสถานการณ์น้ำมูลล้นตลิ่งในเขตพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พบปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลกว่า 10 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วม พบระดับน้ำท่วมสูงถึงหัวเข่า ชาวบ้านต้องรีบเก็บของขึ้นที่สูง พืชสวน บ่อเลี้ยงปลา และสัตว์เลี้ยงต่างๆได้รับความเสียหายด้าน จ.ชัยนาท พื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังวิกฤติ เพราะน้ำเจ้าพระยาที่เอ่อทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนไม่สามารถไหลออกมาได้ ประกอบกับน้ำในแม่น้ำยังสูงต้องรอให้เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำลดลงเหลือที่ 2,000 ลบ.ม./วินาที หรือต่ำกว่าน้ำในพื้นที่ถึงจะระบายออก ชาวบ้านต้องมาอาศัยเต็นท์นอนอยู่ริมถนนคันคลองมหาราชเป็นทางยาวกว่า 10 กม. มีกว่า 1,000 ครัวเรือน นายต๋อย เปียน้อย อายุ 62 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า น้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมดาของชาวบ้านที่อาศัยติดริมแม่น้ำ ทุกคนทำใจรับสภาพกันได้ แต่เกิดความทุกข์ต้องมานอนริมถนนมียุงและกลิ่นน้ำเน่าโชยมาตลอดที่ศาลาพักผู้โดยสารทางหลวงริมถนนอ่างทอง-สิงห์บุรี หมู่ 5 ต.ย่านซื่อ อ.เมืองอ่างทอง นางจำรัส สังฆชัด วัย 69 ปี ย้ายข้าวของหนีน้ำท่วมบ้านมาอยู่ที่ศาลาริมถนนกับน้องสาว ชีวิตอยู่อย่างลำบาก ช่วงค่ำยุงชุมและอากาศเย็น วอนภาครัฐเข้าช่วยเหลือจ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำเรือกู้ภัยพร้อมหีบศพเข้าไปรับร่างนายเสมอ บัวทิม อายุ 94 ปี เสียชีวิตด้วยโรคชราในพื้นที่หมู่ 1 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี หลังเกิดน้ำท่วมระดับน้ำสูงเกือบมิดหัว เพื่อเคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดการ้อง ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่