ผ่านไปแล้วนะครับ "เทศกาลลอยกระทง" ประเพณีคู่บ้านคู่เมืองอันยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวไทย ซึ่งยืนยาวต่อเนื่องมากว่า 700 ปี นับแต่ยุคกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ในปัจจุบันนี้สำหรับไทยเราเองลอยกระทงปีนี้อาจไม่คึกคักนัก เพราะยังอยู่ในช่วงเวลาถวายความอาลัยแด่พระพันปีหลวง ทำให้จำนวนผู้ออกมาลอยกระทงน้อยลง แม้แต่ใน กทม.เองก็เก็บ “ซากกระทง” ได้เพียง 391,027 ใบ ต่ำสุดตั้งแต่มีการแถลงตัวเลขการเก็บซากกระทงของ กทม.ในช่วงหลังๆนี้แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วต้องบอกว่า ปีนี้ยังคงคึกคักอย่างน่าชื่นใจ แม้จะไม่มากเท่าในยุคที่การท่องเที่ยวเราบูมสุดขีดก่อนโควิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าแห่กันมาในจำนวนที่เกินคาดไว้ แน่นไปทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆข่าวการลอยกระทงและคลิปเกี่ยวกับงานลอยกระทงในประเทศไทยยังคงเป็นข่าวและคลิปยอดนิยม มีการเผยแพร่ด้วยความชื่นชมจากอินฟลูฯต่างประเทศอย่างกว้างขวางทั้งใน YouTube และ TikTokโดยเฉพาะงาน “ลอยโคม” ในเทศกาล “ยี่เป็ง” ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้กลายเป็น “ไวรัล” ได้รับคำชื่นชมและความประทับใจทั้งจากนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนที่ตั้งใจมางานนี้โดยเฉพาะ และโพสต์เผยแพร่ผ่านคลิปไปทั่วโลกของอินฟลูฯต่างๆอีกปีหนึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าการปล่อย “โคมไฟ” ขึ้นฟ้า ซึ่งมีอันตรายพอสมควร เพราะจะไปขวางเส้นทางการบินของเครื่องบินบ้างหรือไปตกใส่บ้านเรือน หรือแม้แต่ป่าร้างต้นไม้แห้งๆ ทำให้เกิดไฟไหม้บ้าน ไหม้ป่าขึ้นมาได้ แถมยังมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ฯลฯทางราชการจึงห้ามปล่อยโคมไฟในช่วงเทศกาลลอยกระทง แต่ก็มีข้อยกเว้นให้เพราะเห็นว่าเป็นประเพณีที่งดงาม และเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือมาแต่โบร่ำโบราณโน่นแล้ว--โดยต้องไปขออนุญาตจัดงานและมีสถานที่ที่อยู่ในขอบข่ายของการควบคุมข้อเสียต่างๆได้ รวมทั้งไม่อยู่ในเส้นทางการบิน ฯลฯจึงมีการขออนุญาตจัด ณ บริเวณนอกเมืองเชียงใหม่ ดังเช่นปีนี้ก็มีอย่างน้อย 3 เจ้า ใน 3 พื้นที่ดังที่เกริ่นไว้แต่เจ้าใหญ่ที่สุดโด่งดังที่สุดที่จะเขียนบันทึกไว้ในปีนี้ก็คงหนีไม่พ้นงาน “Chiang Mai CAD Khomloy Sky Lantern Festival” ณ อำเภอ แม่ออน จังหวัดเชียงใหม่...อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 40 กิโลเมตรงานของ Chiang Mai CAD ที่ อำเภอแม่ออน ซึ่งมีภาคเอกชนมาดำเนินการเจ้านี้แหละครับที่โด่งดังในระดับโลก และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาร่วมลอยโคมไฟในงานไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน จาก 110 ประเทศทั่วโลกอย่างปีนี้ก็น่าจะอยู่ราวๆ 3-4 หมื่นคน สำหรับงาน 2 วัน แน่นขนัดไปหมดแม้บัตรเข้าร่วมงานของที่นี่จะค่อนข้างแพง อย่างต่ำหัวละ 4,800 บาท (ประมาณ 150 เหรียญสหรัฐฯ), อย่างกลางๆหัวละ 6,400 บาท (ประมาณ 200 เหรียญ) และสูงสุดถึงหัวละ 15,500 บาท (ประมาณ 484 เหรียญ) แต่นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาเที่ยวก็พร้อมที่จะจ่าย โดยให้เหตุผลว่า “คุ้มค่า” กับความสุขและความประทับใจสาเหตุที่ต้องเก็บในราคาค่อนข้างสูงก็เพราะการลงทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมกันก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน--รวมค่ารถที่จะเดินทางจาก อ.เมืองเชียงใหม่-ค่าอาหาร-ค่าโคมไฟ และก่อนพิธีปล่อยโคมยังมีการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรมต่างๆของชนเผ่าที่ยกมาโชว์เป็นหมู่บ้าน ซึ่งก็คงต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้แก่ชาวบ้านและนักแสดงต่างๆด้วย ฯลฯสำหรับปีนี้ช่วงเวลาของการปล่อยโคมเริ่ม ขึ้นตั้งแต่ 20.15 น. มืดสนิทแล้วจนถึง20.45 น. ซึ่งถือเป็นไฮไลต์หรือจุดพีกของงานนี้นักท่องเที่ยวนับหมื่นจะทยอยกันปล่อยโคมขึ้นไปจนเต็มท้องฟ้า เหมือนเพิ่มปริมาณดาวขึ้นอีกหลายพันดวง ตระการตาไปหมดในขณะปล่อยโคมเราจะเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเป็นคู่ๆ หรือเป็นครอบครัวโผเข้ากอดกันอย่างมีความสุข...ว่ากันว่าที่มาเป็นคู่ๆนั้นมักจะมา ขอแต่งงานกันต่อหน้าโคมไฟรวมแล้ว หลายสิบคู่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายสาวที่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงผมยาว “ราพันเซล” ที่ออกมาดูโคมไฟอันสวยงามเหนือท้องฟ้าในภาพยนตร์แอนิเมชันของดิสนีย์เรื่อง “Tangled” ที่พวกเธอเคยดูและฝันถึงมาตั้งแต่เด็กๆจึงแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงผมยาวดูของจริงที่นี่นักท่องเที่ยวหลายๆคนจะกลับไปโพสต์ข้อความว่า จุดพีกอยู่ตรงนี้จริงๆ...อยู่ที่คุณได้เห็นโคมไฟหลายพันโคมประดุจดาวหลายพันดวงเต็มท้องฟ้า และมีดวงของคุณขึ้นไปผสมผสานด้วยบางคนก็โพสต์ว่าเขาอยากมาอีก และจะมาอย่างแน่นอน เพราะไม่มีอะไรประทับใจเท่ากับที่พวกเขากำลังพบเห็นอยู่ต่อหน้าขณะนี้อีกแล้วสมมติว่าพวกเขามาจริงก็จะทำให้ลูกค้าจากต่างประเทศปีละ 3-4 หมื่นคน เจาะจงมาดูและปล่อยโคมไฟเชียงใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าคิดจากค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ล่าสุดประมาณหัวละ 50,000 บาท ก็จะทำให้ประเทศไทยของเรามีรายได้เพิ่มจากการมาดูและปล่อยโคมไฟที่เชียงใหม่อีก 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปีเหนาะๆทีมงานซอกแซกจึงเห็นสมควรให้เราสนับสนุนและทำนุบำรุง และจัดงานลอย “โคมไฟ” ในเทศกาล “ยี่เป็ง” เชียงใหม่ต่อไปแต่จะต้องเคร่งครัดและเข้มงวดเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม อย่าให้ย่อหย่อนเป็น อันขาด...ฝากไว้ด้วยนะครับ ทั้งฝ่ายราชการที่ทำหน้าที่ควบคุมและฝ่ายเอกชนที่เป็นผู้จัดงาน...ประเพณีอันยิ่งใหญ่นี้จะได้อยู่คู่ไทยและเป็นที่รักที่นิยมของชาวโลกสืบต่อไป."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม