ดีอี-ตำรวจร่วมกันแถลงข่าวกวาดล้างแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ ไล่ตรวจค้น SIM Box ช่วยเหลือเหยื่อก่อนเสียเงิน “บิ๊กก้อง” เผยภาพรวม ตุลาคมเดือนเดียวจับผู้ต้องหาทั้งไทยทั้งต่างชาติรวม 73 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ตามยึดทรัพย์ได้กว่า 522 ล้านบาท ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาหอบข้อมูลคนหายให้ “ไซเบอร์อรรถ” รอง จตช. หลังรับการร้องเรียนถูกหลอกไปทำงานแก๊งสแกมเมอร์ประเทศเพื่อนบ้าน แฉตลอดปี 68 รับแจ้งคนหายถูกพาไปเป็นสแกมเมอร์ประเทศเพื่อนบ้าน 119 ราย มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 18 ราย อายุน้อยสุด 15 ปี และผู้สูงอายุมากสุด 65 ปี ขณะที่ ตร.เปิด 4 พฤติกรรมต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลให้ประชาชนช่วยสอดส่องดีอี-ตร.แถลงผลปราบอาชญากรรมออนไลน์ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมแถลงกวาดล้างแก๊ง ฉ้อโกงออนไลน์ ค้น SIM Box ช่วยเหยื่อก่อนเสียเงิน พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า ข้อมูลในช่วงวันที่ 1-26 ต.ค. มีผู้เสียหายแจ้งเหตุเข้ามาผ่านระบบ 1441 และ Thai Police Online รวม 29,232 เรื่อง มีมูลค่าเสียหายรวม 1,853 ล้านบาท โดย 3 อันดับประเภทคดีที่มีผู้เสียหายแจ้งมากที่สุดคือ คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ 14,892 คดี, คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ 4,822 คดี และคดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 2,680 คดี พิจารณาตามมูลค่าความเสียหาย 3 ลำดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์, ความเสียหายรวม 504 ล้านบาท, คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ 428 ล้านบาท และคดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 329 ล้านบาทผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ นำข้อมูลสถิติมาวิเคราะห์และขยายผลสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด ผลปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ในช่วงวันที่ 1-26 ต.ค.68 มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายปฏิบัติการ เช่น ปฏิบัติการ SkyFall ทลายแก๊งฟอกเงินผ่าน Huione Pay สร้างความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท, ปฏิบัติการทลายเพจลงทุนชาตรามือปลอม เสียหายกว่า 300 ล้านบาท, ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเกาหลีใต้ และตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยึด SIM Box และอุปกรณ์หลอกเหยื่อหลายรายการ ภาพรวมจับกุมผู้ต้องหา 73 ราย เป็นคนไทย 51 ราย ต่างชาติ 22 ราย รวมความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ยึดทรัพย์ได้กว่า 522 ล้านบาทพล.ต.ท.จิรภพกล่าวอีกว่า ส่วนของผลการปฏิบัติงานด้านการประสานการทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงิน ยับยั้งและช่วยเหลือผู้เสียหายไม่ให้โอนเงินไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ 7 ราย และประสานงานความร่วมมือกับ US Secret Service และบริษัท Tether อายัด Cryptocurrency Wallet 12 ล้าน USDT (มูลค่า 400 ล้านบาท) ของเครือข่าย Scammer ได้อีก ขณะที่การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ ได้ประสานกงสุลตำรวจสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเกาหลีใต้ที่มาตั้งฐานปฏิบัติการในไทยเพื่อหลอกลวงประชาชนชาวเกาหลี จับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ 3 รายผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนการคัดกรองบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองทางชายแดนแม่สอด จ.ตาก ได้ใช้ระบบการคัดกรอง NRM พบว่ามีผู้หลบหนีเข้าเมืองกว่า 1,299 ราย แบ่งเป็นคนไทย 32 ราย ต่างชาติ 1,267 ราย (รวมกว่า 28 ประเทศ) ในจำนวนนี้พบว่าเป็นชาวจีน 193 ราย ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทางการจีน เบื้องต้นทราบว่ามีชาวจีน 12 ราย มีหมายจับจากทางการจีน ทางการจีนจะได้ตรวจสอบต่อไป สำหรับการปฏิบัติในการตรวจสอบและปิดกั้นเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีเนื้อหาหลอกลวงฉ้อโกงออนไลน์ ปิดกั้นได้ทั้งหมด 2,754 URLs แบ่งตามแพลตฟอร์ม Facebook 1,065 URLs, TikTok 916 URLs, Line 485 URLs, Website 169 URLs, Instagram 119 URLs พร้อมประสานความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในการตรวจสอบและสนับสนุนข้อมูลให้เจ้าหน้าที่วันเดียวกันที่ ตร. น.ส.กนกวรรณ พูลเพิ่ม รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เข้าพบ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช.ในฐานะหัวหน้าอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อมอบหนังสือข้อมูลคนหายที่พบว่าถูกหลอกลวงไปทำงานแก๊งสแกมเมอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน น.ส.กนกวรรณ กล่าวว่า สถานการณ์คนหายที่ถูกล่อลวงสู่อาชญากรรมข้ามชาติเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ บัญชีม้า และการค้ามนุษย์ ตลอดปี 2568 รับแจ้งคนหายที่ถูกพาไปเป็นสแกมเมอร์ยังประเทศเพื่อนบ้านกว่า 119 ราย อายุเฉลี่ย 26 ปี เป็นชาย 73 ราย หญิง 46 ราย รวมทั้งมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 18 ราย อายุน้อยสุด 15 ปี และผู้สูงอายุมากสุด 65 ปีอย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้มีการปิดชายแดนกัมพูชาแต่ยังมีการหลั่งไหลของคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงาน แต่เมื่อข้ามแดนไปแล้วถูกกักขังในสถานที่ปิดยากที่จะหลบหนี หากไม่ทำงานอาจไม่ปลอดภัยหรือถูกส่งไปที่อื่น ขณะนี้มีคนหายที่มูลนิธิกระจกเงารับแจ้งอีก 25 รายที่ยังไม่ได้กลับประเทศไทย รอความช่วยเหลือ วันนี้ได้ยื่นหนังสือให้คณะอนุกรรมการฯทราบข้อเท็จจริงและติดตามกรณีเด็กหญิง 16 ปี ถูกชักชวนให้ทำงานในโลกออนไลน์ แต่ถูกหลอกพาไปทำงานสแกมเมอร์ประเทศเพื่อนบ้าน ต้องการให้ช่วยติดตามคนไทยที่ยังติดอยู่ในแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติกลับประเทศไทยด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า จะนำข้อมูลคนหายที่ได้รับไปดำเนินการต่อในการติดตามช่วยเหลือ ขอเตือนคนไทยอย่าตกไปเป็นเหยื่อทำงานให้กับแก๊งสแกมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากพบเห็นประกาศรับสมัครงานที่มีการอ้างให้เงินเดือนดี มีที่พักสบาย มีการนัดหมายในจังหวัดตามแนวชายแดน ขออย่าหลงเชื่อเด็ดขาด เพราะมีแนวโน้มสูงว่าจะถูกหลอกไปทำงานแก๊งสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน หากใครหลงเชื่อขอให้กลับใจมาแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้เป็นเบาะแสในการกวาดล้างจับกุมต่อไปวันเดียวกัน พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ในฐานะ รองโฆษก ตร. เผยว่าขอตีแผ่ 4 พฤติกรรมต้องสงสัยให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องแจ้งเบาะแสได้ทันท่วงที อาทิ 1.มีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่ปรากฏอาชีพชัดเจน-มักมาเป็นกลุ่ม 3-6 คน เช่าที่พักระยะสั้น และไม่สุงสิงกับคนในชุมชน และมีพฤติกรรมเข้า-ออกไม่เป็นเวลา อาจเป็นการรวมกลุ่มทำงานภายในห้องเพื่อปฏิบัติการหลอกลวงทางโทรศัพท์ 2.มีเสียงพูดโทรศัพท์ภาษาต่างประเทศตลอดเวลา-มักได้ยินเสียงสนทนาดังออกมาจากห้องเกือบตลอดทั้งวัน มีลักษณะเหมือนการอ่านสคริปต์ซ้ำๆในการโทร.หลอกเหยื่อ 3.ปิดม่านตลอดเวลา เปิดไฟตลอดทั้งคืน มักทำงานในช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศต้นทางของเหยื่อ และปิดม่านเพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกมองเห็นการทำงานภายในห้อง 4.มีอุปกรณ์สายไฟหรือเครื่องมือสื่อสารจำนวนมาก มักมีคนมาซ่อมหรือขนของเข้าออกบ่อยครั้ง หากพบเห็นพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว ขอให้อย่านิ่งนอนใจเพราะอาจเป็น “ฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้บ้าน แจ้งเบาะแสพฤติกรรมต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ทันที ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่