ผอ.รพ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ส่งเรื่องให้นิติกรแจ้งดำเนินคดีหนุ่มขับรถกระบะจ่อรถฉุกเฉินขัดขวางการทำงาน ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโรคหัวใจวิกฤติส่งต่อไปรักษาทำให้เสียชีวิต ลูกสาวผู้ตายเผย อ้อนวอนนั่งคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนรถ แต่ไม่เป็นผลยังพูดโวยวาย อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ หนุ่มกระบะกร่างเผยทำงานเป็นผู้จัดการที่ บ.ซีพีเอฟ ยอมรับขาดสติ ขณะที่เพจบริษัทซีพีเอฟโพสต์แจงบุคคลในเหตุการณ์เป็นพนักงานจริง พฤติกรรมไม่สอดคล้องกับค่านิยมและหลักการมีมติยุติการจ้างงานชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์จากเพจของโรงพยาบาลปลายพระยา จ.กระบี่ โพสต์เรื่องราวของผู้ป่วยรายหนึ่งที่เสียชีวิตลง เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพื่อส่งต่อไปรักษาเพราะรถกระบะจอดปิดทางเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่58 หมู่ 8 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นบ้านของนายสมควร พานิชย์ อายุ 69 ปี ผู้เสียชีวิต ญาตินำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า น.ส.ภัทราพร พานิชย์ อายุ 29 ปี ลูกสาวผู้ตายทำงานเป็นพนักงานจ้างของ รพ.สต.บ้านโคกแซะ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค. พ่อป่วยเป็นโรคหัวใจมีอาการหายใจไม่ออกและเจ็บแน่นหน้าอก ตนรีบพาไปส่ง รพ.ปลายพระยา เมื่อไปถึงอาการพ่อไม่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่เตรียมส่งตัวต่อไปรักษาที่ รพ.กระบี่ ระหว่างเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล มีรถกระบะโตโยต้า รีโว่ แบบ 4 ประตู สีน้ำตาล ทะเบียน กม 1223 ฉะเชิงเทรา ขับมาจอดปิดท้ายรถพยาบาล คนขับเป็นชายไม่ยอมเคลื่อนย้ายรถน.ส.ภัทราพรเปิดเผยอีกว่า ตนพยายามอ้อนวอนคนขับรถกระบะและทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น เพื่อกราบอ้อนวอนขอให้เลื่อนรถให้แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องบอกคนขับรถกระบะว่าหากไม่ยอมเลื่อนรถจะเรียกตำรวจ คนขับกระบะยอมไปเลื่อนรถ ช่วงเวลาเกิดเหตุตนจำไม่ได้ว่านานกี่นาที สำหรับตนถือว่านานมากเพราะผู้ป่วยโรคหัวใจเวลาเพียงแค่ 1 นาที ก็มีความสำคัญ กระทั่งพ่อเสียชีวิตในคืนนั้น อยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หากไม่มีรถกระบะจอดขวางตนเชื่อว่าพ่ออาจจะยังรอดชีวิตด้าน นพ.ณัฐพงษ์ ดูงาม ผอ.รพ.ปลายพระยา เปิดเผยว่า ถือเป็นบทเรียนสำคัญให้เห็นถึงการทำงานในการช่วยชีวิตผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจเวลาเพียงนาทีเดียวก็สำคัญมาก ในส่วนของ รพ.มอบหมายให้นิติกรของ รพ.รวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เพื่อเตรียมเข้าแจ้งความเอาผิดกับคนขับรถกระบะคันดังกล่าว ส่วนจะดำเนินคดีข้อหาอะไรได้บ้างต้องรอทางนิติกรสรุปอีกครั้งส่วนนิติกรของโรงพยาบาลแจ้งว่า อาจเข้าข่ายความผิดในหลายข้อหา เช่น ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา136 ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน มาตรา 138 ข้อหาฆ่าผู้อื่น มาตรา 288 และข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 291 นอกจากนี้หากมีความผิดตาม พ.ร.บ.อื่นจะดำเนินการทั้งหมด นิติกรจะเข้าแจ้งความที่ สภ.ปลายพระยา วันที่ 20 ต.ค.นี้ต่อมาเวลา 13.00 น. นายธมกร โพธิรักษ์ ผู้จัดการของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (CPF) จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของรถกระบะ ชี้แจงว่าวันเกิดเหตุตนลางานกลับบ้านที่ จ.กระบี่ พาแม่วัย 69 ปี มีอาการป่วยด้วยกรดไหลย้อน ทำให้จุกแน่นหายใจไม่ออกไปรักษาตัวที่ รพ.ปลายพระยา เมื่อจอดรถส่งแม่ไม่มีเจ้าหน้าที่มารับ ภรรยาไปเอารถเข็นพาแม่เข้าห้องฉุกเฉิน จังหวะที่เจ้าหน้าที่มาบอกให้ตนเลื่อนรถ ไม่ได้บอกว่ามีผู้ป่วยวิกฤติรอขึ้นรถฉุกเฉิน ตนบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าขอพาแม่ขึ้นเตียงผู้ป่วยก่อนจนเกิดโต้เถียงกัน จังหวะที่เดินออกมาตนเห็นลูกสาวของผู้ป่วยคนดังกล่าวมาพูดกับตนว่าให้ช่วยเลื่อนรถ ไปเลื่อนให้ หลังเกิดเรื่องเตรียมส่งเงินชดเชยส่วนหนึ่งจากบริษัทที่ทำงานไปให้กับญาติผู้เสียชีวิต ส่วนตัวถูกบริษัทเลิกจ้างไปแล้วต้องกลายเป็นคนตกงาน ค่าชดเชยจากบริษัทตนก็ไม่ได้ ยอมรับว่าขาดสติไป ส่วนที่โรงพยาบาลกับญาติผู้เสียชีวิตจะดำเนินคดีกับตนต้องว่ากันไปตามกระบวนการขณะที่เพจ CPF โพสต์ชี้แจงว่า กรณีเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลปลายพระยา จ.กระบี่ บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ภายหลังจากที่ได้รับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ และพบว่าบุคคลในเหตุการณ์นั้นเป็นพนักงานของบริษัทจริง เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงโดยรอบแล้ว บริษัทเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับค่านิยมและหลักการดำเนินงานขององค์กร มีมติให้ยุติการจ้างพนักงานรายดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้