ชาวบ้านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอ่วม น้ำเหนือเพิ่มสูงขึ้นเอ่อท่วมชุมชน เขตเทศบาลนครสวรรค์เดือดร้อนกว่า 400 หลัง ต้องอพยพหนีน้ำ ไปอาศัยบนถนนและทางรถไฟสายเก่า ขณะที่พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาหนักไม่แพ้กัน หลังเขื่อนปรับเพิ่ม ระบายน้ำอีกรอบเป็น 2,400 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ น้ำล้นตลิ่งท่วมศาลา 8 เหลี่ยม โบราณสถานวัดโบสถ์ จ.อุทัยธานี พระต้องลุยน้ำบิณฑบาต เมืองกรุงเก่าเจอพายุฝนพัดกระหน่ำซัดต้นสะตืออายุกว่า 100 ปี ล้มขวางถนนสถานการณ์อุทกภัยยังไม่น่าไว้วางใจ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ จ.นครสวรรค์ ฝนที่ตกหนักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้งปิง ยม น่าน และเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งชายฝั่งแม่น้ำหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในชุมชนบางปรอง ต.นครสวรรค์ออก เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 400 หลังคาเรือน บางจุดน้ำท่วมสูง ชาวบ้านไม่สามารถอยู่อาศัยภายในบ้านได้ ต้องขนย้ายข้าวของเครื่องใช้หนีน้ำขึ้นมาอยู่บนถนนและทางรถไฟสายเก่าชั่วคราว ขณะที่เทศบาลนครนครสวรรค์ได้ตั้งเต็นท์จำนวน 124 หลัง พร้อมจัดตั้งห้องสุขาชั่วคราว 16 ห้อง และจุดประปาสาธารณะ 17 จุด มาบริการผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นนางยุพิน สีเหรา ชาวบ้านหมู่ 6 ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า น้ำท่วมบ้านตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ต้องย้ายไปอยู่บนทางรถไฟสายเก่านานกว่า 1 เดือนแล้ว ขณะนี้ทุกคนอยู่กันอย่างยากลำบากมาก ช่วงกลางวันอากาศร้อนจัดและเจอปัญหายุงชุม ส่วนการช่วยเหลือมีเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครสวรรค์จัดหาอาหารน้ำดื่มและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ปีนี้นอกจากน้ำมากแล้วยังท่วมนานกว่าปกติ คาดว่าอาจท่วมยาวไปจนถึงเดือน พ.ย. เนื่องจากปริมาณน้ำตอนบนยังคงไหลลงมาสมทบอย่างต่อเนื่องขณะเดียวกันน้ำที่ท่วมหนักและท่วมนานส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวบ้านปากง่าม หมู่ 5 ต.วังมหากร อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มต่ำ ทำให้คอกสัตว์ถูกน้ำท่วม บางจุดน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องย้ายวัวหนีน้ำไปผูกไว้ริมถนนในหมู่บ้าน ขณะที่แปลงหญ้าในพื้นที่ก็ถูกน้ำขังจนเน่าตายหมด ทำให้ขาดแคลนหญ้าสดใช้เลี้ยงสัตว์ แต่ละวันเกษตรกรต้องขับรถตระเวนไปตัดหญ้าตามริมถนนและพื้นที่อื่นที่น้ำท่วมไม่ถึง ระยะทางไกลหลายกิโลเมตรจ.อุทัยธานี แม่น้ำสะแกกรังเพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมศาลา 8 เหลี่ยม ถึงขอบฐานวิหารและอุโบสถ ซึ่งเป็นโบราณสถานของวัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ ระดับน้ำสูงกว่า 20 ซม.จนถึงบันไดขั้นที่ 1 เหลืออีก 2 ขั้นก็จะท่วมชั้นล่างของศาลา 8 เหลี่ยม ขณะที่ตลอดแนวตลิ่งไม่มีกระสอบทรายกั้น ส่วนบ้านหนองปลามัน หมู่ 1 ต.ท่าซุง อ.เมืองอุทัยธานี ถูกแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมหนักเป็นรอบที่ 3 ของปีนี้ ชาวบ้านได้ความรับเดือดร้อนกันถ้วนหน้ากว่า 200 หลังคาเรือน ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์วัดปากคลองท่าซุงหรือวัดสามจีน ต้องเดินลุยน้ำออกบิณฑบาต สวนกล้วยหอมและนาข้าวจมน้ำเสียหายกว่า 1,000 ไร่ ชาวบ้านเปิดเผยว่า น้ำท่วมรอบนี้หนักกว่า 2 ครั้งก่อน ครั้งนี้น้ำสูงกว่า 70 ซม. แถมมีขยะส่วนใหญ่เป็นพวกพลาสติกลอยมากับน้ำจำนวนมาก เกรงว่าหากน้ำท่วมขังนาน อาจเน่าเสียได้ด้านเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ประกาศแจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจากเดิมที่ 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,400 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่า เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตกหนักหลายพื้นที่ และจากการคาดการณ์ช่วง 1-2 วันข้างหน้าจะมีฝนตกซ้ำอีก ปัจจุบันปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ 2,782 ลบ.ม./วินาที น้ำเหนือเพิ่มสูงต่อเนื่อง ระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 16.82 เมตร/รทก. ท้ายเขื่อน 15.70 เมตร/รทก. ระดับน้ำห่างตลิ่ง 64 ซม. อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำเพิ่ม ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 5 ตำบลของ อ.สรรพยา ได้รับผลกระทบน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนไปแล้ว 1,927 ครัวเรือนด้านนางชัณณ์ญาช์ สุภาวิตา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหาดอาษา อ.สรรพยา สั่งเจ้าหน้าที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลงพื้นที่ตามโครงการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตรวจคัดกรองรักษาโรคที่มากับน้ำท่วม โรคระบบทางเดินหายใจ ดูแลเรื่องสุขภาพจิต พูดคุยสอบถามปัญหาเพื่อลดความเครียดในช่วงน้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านเริ่มมีอาการเครียดสะสม หลังต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำมานาน รวมถึงพ่นควันในพื้นที่น้ำท่วมขังเพื่อลดปัญหายุงลายป้องกันไข้เลือดออกที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ประสบภัยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงในพื้นที่เกาะเมือง เขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาทำให้มีต้นสะตือขนาดใหญ่อายุ 100 กว่าปี หักโค่นลงมาขวางถนนอู่ทองช่วงบริเวณหน้าวัดพระเมรุมุ่งหน้าไปสี่แยกโรงเรียนประตูชัย รถวิ่งผ่านไม่ได้ ตำรวจต้องปิดการจราจรชั่วคราว นอกจากนี้ต้นมะม่วงริมถนนหักโค่นทับรถกระบะได้รับความเสียหาย ส่วนถนนอู่ทองก่อนถึงเจดีย์สุริโยทัยต้นไม้ล้มขวางถนนอีกหลายจุด หลังเกิดเหตุว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา สั่งให้เจ้าหน้าที่กองช่างตัดเคลียร์ต้นไม้ที่ล้มขวางถนน เพื่อให้รถสัญจรด้านกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายอากาศทั่วไปว่าช่วงวันที่ 17-20 ต.ค.ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ประเทศไทย และทะเลอันดามัน บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่ง ฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคใต้ฝั่งตะวันออก เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะที่มีร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนกลางอนึ่ง ช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. พายุดีเปรสชันบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นและคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21-22 ต.ค.พายุนี้จะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะ ไหหลำ ประเทศจีน ขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้ และประเทศเวียดนามตอนบน พายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะส่งผลให้ภาคตะวันออก เฉียงเหนือมีฝนบางแห่ง และลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังแรงขึ้นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่