ทุบหัวฆ่าโหด ทหารยศ จ.ส.อ. สังกัด ร.31 พัน.1 รอ. จ.ลพบุรี หลังเหยื่อออกหาปลาในบึงน้ำสาธารณะ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ หายตัวไปทั้งคืนไม่กลับบ้าน รุ่งเช้าชาวบ้านไปพบเป็นศพถูกสังหารหมกพงหญ้าริมน้ำ สภาพโดนรุมตีด้วยของแข็งเข้าศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ตำรวจส่งศพให้แพทย์นิติเวชชันสูตรหาสาเหตุแท้จริง ถูกทำร้ายตายบนบก หรือโดนจับกดน้ำจนสิ้นใจ พุ่งเป้าฝีมือกลุ่มวัยรุ่นขี้ยาในพื้นที่คนร้ายฆ่าโหด จ.ส.อ.ทหาร ร.31 รอ. หมกบึงน้ำรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ร.ต.อ.เจริญ สำคัญ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุฆาตกรรมอำพรางในบึงน้ำสาธารณะพื้นที่บ้านเนินมะเกลือ หมู่ 14 ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ หลังรับแจ้งรายงานผู้บังคับบัญชา ทราบ และประสานชุดสืบสวน สภ.ตะคร้อ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นครสวรรค์ แพทย์ รพ.ไพศาลี เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทรไพศาลี ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุเป็นบึงน้ำที่ใช้ทำน้ำประปาของหมู่บ้าน อยู่ห่างจากถนนสายหลักเข้าไปราว 1.5 กม. พบร่าง จ.ส.อ นิรุตติ ปุจฉาการ อายุ 44 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.1 รอ.) ค่ายเปรมติณสูลานนท์ จ.ลพบุรี นุ่งกางเกงว่ายน้ำสีดำเพียงตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในพงหญ้าริมน้ำ สภาพศพแขนซ้ายก่ายหน้าผาก ขมับขวาถูกตีด้วยของแข็งเป็นแผลแตก ปากและจมูกมีคราบเลือดเกรอะกรัง ท้ายทอยมีรอยถูกตีด้วยของแข็งเป็นแผลฉกรรจ์ เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงห่างจากจุดพบศพขึ้นมาบนถนนลูกรังประมาณ 6-7 เมตร พบกองขี้เถ้าคาดว่านำมากลบกองเลือด และน่าจะเป็นจุดที่ผู้เสียชีวิตถูกทำร้าย ก่อนโยนศพทิ้งลงในบึงน้ำ ห่างออกไปจากกองขี้เถ้าประมาณ 15 เมตร พบรถกระบะนิสสัน นาวาร่า 4 ประตู สีดำ ทะเบียน กษ 7689 ลพบุรี ของผู้ตายจอดอยู่ กระบะหลังบรรทุกพบห่วงยาง กระติกน้ำแข็งสีแดง และอุปกรณ์หาปลา หลังชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น มอบให้กู้ภัยนำศพส่ง รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ให้แพทย์นิติเวช ผ่าพิสูจน์ศพอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงว่า ผู้ตายถูกทำร้ายจนสิ้นใจตายบนบก หรือถูกทำร้ายหมดสติ ก่อนนำร่างไปโยนทิ้งน้ำ ปล่อยให้จมน้ำตายทั้งเป็นเพื่ออำพรางคดีตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา จ.ส.อ.นิรุตติ ผู้ตาย ขับรถกระบะคันดังกล่าวกลับจากค่ายทหาร ร.31 รอ. พร้อมภรรยาที่ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี เช่นกัน เมื่อกลับมาถึงบ้านในพื้นที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ได้พักผ่อนอยู่บ้าน 1 วัน กระทั่งเวลา 17.00 น. วันอาทิตย์ที่ 21 ก.ย. ผู้ตายชวนนายก้อง อายุ 63 ปี พ่อตา ขับรถกระบะพากันออกไปหาจับปลาในบึงน้ำเกิดเหตุ จากนั้นในช่วงค่ำภรรยาของผู้ตายได้ขี่รถ จยย.มารับนายก้องกลับบ้าน ส่วนผู้ตายยังหาปลาอยู่ในจุดเกิดเหตุเพียงลำพัง เนื่องจากคุ้นเคยพื้นที่เป็นอย่างดี เพราะอาศัยอยู่มานานหลายสิบปี ประกอบกับเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่มีศัตรู ไม่เคยมีความบาดหมางกับใครต่อมาช่วงเวลา 04.00 น. เช้าวันจันทร์ที่ 22 ก.ย. ภรรยาของผู้ตายต้องกลับไปทำงานโรงงานใน จ.ลพบุรี และผู้ตายต้องกลับไปทำงานในค่ายทหารเช่นกัน แต่ภรรยาตื่นมาไม่เห็นสามีกลับเข้าบ้าน โทร.หาไม่มีใครรับสาย ตัดสินใจให้นายก้อง พ่อของตน ขี่รถ จยย.ไปส่งขึ้นรถประจำทางเพื่อไปทำงาน และให้พ่อกลับมาตามหาสามีที่หายตัวไป กระทั่งช่วงสาย นายก้องได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปหาปลาว่า พบลูกเขยเสียชีวิตอยู่ในบึงน้ำ นายก้องรีบเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ตะคร้อ ให้นำกำลังมาตรวจสอบจนพบลูกเขยถูกสังหารจริงขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมสอบปากคำคนใกล้ชิดและพยานแวดล้อมในพื้นที่เกิดเหตุ นำมาประมวลเหตุการณ์และใช้เป็นเบาะแสสาวไปถึงตัวคนร้าย คาดว่าคนร้ายมีมากกว่า 2 คน ร่วมกันรุมทำร้าย เนื่องจากผู้ตายเป็นทหาร รูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายแข็งแรง หากต่อสู้กันตัวต่อตัว ไม่น่าเอาชนะผู้ตายได้ง่ายๆ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานคนร้ายอาจเป็นกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลในพื้นที่ เข้ามาหาปลาหรือมามั่วสุมดื่มเหล้าเสพยาเสพติด เมื่อพบผู้ตายอยู่เพียงลำพังอาจเข้าไปหาเรื่องผู้ตายด้วยความคึกคะนอง และรุมทำร้ายร่างกายผู้ตายจนเสียชีวิต ข้อเท็จจริงของคดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่