ทนายอนันต์ชัย นำหลักฐานโอนเงินของเจ้าอาวาสวัดดังใน จ.ปทุมธานี โอนให้สีกาที่เยอรมนี ส่งให้ “บิ๊กเต่า” เอาผิดฐานยักยอกเงินวัด แฉละเอียดยิบทั้งคดีฟ้องร้องกัน และเส้นทางเงินโอน 12.2 ล้านบาท ใช้ตั้งมูลนิธิทางศาสนาที่เมืองเบียร์ ยันโอนเงินคืนให้พระดังครบถ้วน “บิ๊กเต่า” เผย การตรวจสอบเงินบริจาควัดดังกล่าวมีหลายประเด็นเรื่องผู้หญิงและเงิน ส่วนกรณีเรื่องร้องเรียนพระวัดดังกลางกรุงเอาเงินวัดไปเปย์หญิง เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงชี้แจงเป็นพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาขอลาสึก เพราะไม่อยากทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย พร้อมโต้ข่าวตัวเจ้าอาวาสเอาเงินวัดซื้อบ้านราคา 30 ล้านบาทให้สีกา ยืนยันไม่จริง บวชเป็นพระตั้งแต่เด็ก เงิน 30 ล้านไม่เคยจับสักครั้งจากกรณี บก.ปปป.และ บก.ป.เร่งตรวจสอบปมการใช้จ่ายเงินรับบริจาคของเจ้าอาวาสวัดดังในจ.ปทุมธานี ความคืบหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และทนายความ พร้อมทีมงานนำหลักฐานเส้นทางการโอนเงินของพระนักเทศน์ชื่อดัง วัดแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โอนให้สีกาที่ประเทศเยอรมนี มอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นายอนันต์ชัยเปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กรณีสีกาผู้เสียหายที่อยู่ประเทศเยอรมนี ร้องเรียนพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี ยักยอกเงิน 12.2 ล้านบาท จากการโอนเงินบัญชีวัดดังกล่าวเข้าบัญชีของสีกา 4 ครั้ง จำนวน 6 ล้านบาท 2.7 ล้านบาท 2 ล้านบาท และ 1.5 ล้านบาท มีหลักฐานเป็นเช็ค 4 ฉบับ พร้อมทั้งหลักฐานการโอนเงิน เอกสารการโอนระบุว่าเป็นเงินจากวัดใน จ.ปทุมธานีให้สีกา เท่ากับว่าเป็นเงินบริจาค ตนไม่ทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าวนำเข้าบัญชีวัดหรือไม่ แต่จากหลักฐานที่ได้รับมาเป็นสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.61 ไม่มียอดเงิน 12.2 ล้านบาทนายอนันต์ชัยกล่าวว่า กรณีเงิน 12.2 ล้านบาท หลังโอนจากบัญชีวัดมายังบัญชีของสีกาแล้วได้โอนต่อไปยังสมาคมที่จัดตั้งที่เยอรมนี 27 ครั้ง ครั้งละ 1 หมื่นยูโร หรือประมาณ 3.7 แสนบาท ทำให้ถูกอายัดบัญชีเพราะเป็นการโอนที่ผิดปกติ จนทำให้สีกาและพระชื่อดังถูกอัยการเยอรมนีสั่งฟ้องในข้อหาฟอกเงิน ภายหลังสีกาสามารถชี้แจงได้ว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นไปเพื่อการกุศลของมูลนิธิ สุดท้ายศาลมีคำสั่งยกฟ้อง จากนั้นพระวัดดังได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงกับสีกา อ้างว่าโอนเงินให้ไม่ครบตามจำนวน 12.2 ล้านบาท สีกาสามารถชี้แจงได้ว่า มีการโอนเงินครั้งที่ 28 และ 29 คืนไปยังบัญชีส่วนตัวของพระแล้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชีครั้งถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน ทำให้ไม่สามารถโอนเงินเข้ามูลนิธิได้ ส่วนกรณีเงิน 1.7 แสนบาท ที่ทางพระวัดดังโอนให้นั้นเป็นค่าที่ปรึกษามูลนิธิ สีกาเข้าใจว่าเป็นเงินเดือนที่เป็นเงินส่วนตัวของพระ แต่มาทราบภายหลังว่าพระวัดดังใช้เงินจากบัญชีวัดโอนให้สีกาสามารถชี้แจงกับอัยการที่เยอรมนีได้ทำให้มีคำสั่งยกฟ้องทั้งหมดอีกครั้ง“ต่อมาสีกาในนามประธานมูลนิธิได้ฟ้องร้องคดียักยอกทรัพย์กับพระวัดดัง เนื่องจากมีการนิมนต์พระไปแสดงธรรมเทศนาตามประเทศต่างๆ เพื่อรับบริจาคเงินด้วย เนื่องด้วยเหตุการณ์การรับบริจาคเกิดขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำให้ศาลเยอรมนีสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลเยอรมนี” ทนายอนันต์ชัยกล่าวนายอนันต์ชัยกล่าวต่อว่า วันนี้มามอบหลักฐานกรณีดังกล่าวให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรตินำไปตรวจสอบการใช้เงินวัดว่ามีความผิดหรือไม่ รวมทั้งมีการนำเงินเข้าบัญชีวัดและใช้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ พร้อมทั้งจะเข้ามาช่วยเหลือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมายคณะสงฆ์ด้วย แต่ถ้าหากจะต้องดำเนินคดีกับสีกาสามารถแจ้งกับตนได้ ยินดีและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะกันสีกาไว้เป็นพยานหรือไม่ ส่วนนายประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม กล่าวด้วยว่า ปกติการใช้จ่ายเงินวัดต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ บัญชีส่วนตัวและบัญชีที่ได้มาจากเงินบริจาค บัญชีที่ได้มาจากการบริจาคนั้นจำเป็นต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่มีการประกาศไว้โดยอ้างอิงตามกฎของ พ.ร.บ.สงฆ์ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวหลังจากรับหลักฐานจากนายอนันต์ชัยว่า หลักฐานที่ได้รับมีบางส่วนที่โต้แย้งกันไปมา แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ทนายของสีกาที่เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษไว้เป็นเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด และหลักฐานการคืนเงินของผู้เสียหาย เบื้องต้นวัดยังไม่ประสานเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนข้อมูลที่ทีมทนายความของวัดออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องเงินตั้งมูลนิธิในเยอรมนี เป็นคนละส่วนกับการตรวจสอบ กรณีสีกาจากเยอรมนีส่งทีมทนายความมาร้องเรียนบก.ปปป. ให้ตรวจสอบพระวัดย่านปทุมธานีในฐานความผิดเกี่ยวกับ ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และ ม.147 ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ได้ส่งสำนวนคดีไปที่ ป.ป.ช.แล้ว แต่ตำรวจยังมีอำนาจสืบสวนอยู่ ส่วนกรณีของ บก.ป.ที่ได้รับข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดดังใน จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ปี 56-59 มีการตรวจสอบหลายประเด็นไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงและเงิน จากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาทกรณีศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคง พระพุทธศาสนา (ศปสพ.บช.ก.) ได้รับเรื่องร้องเรียนพระวัดดังย่านริมถนนพระราม 4 กทม. จำนวน 2 รูป รายแรก ระดับรองเจ้าอาวาส มีพฤติกรรมดื่มสุรา เล่นการพนัน นำลูกมานอนที่กุฏิ และอีกราย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส นำเงินวัดไปให้ผู้หญิงหลายคน รวมทั้งมีเพจเฟซบุ๊กโพสต์แฉในโลกออนไลน์ว่า มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับผู้หญิง จากการตรวจสอบทราบว่า พระดังกล่าวเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดหัวลำโพง ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า เจ้าคณะกรุงเทพ มหานคร มีหนังสือแจ้งมาที่ พศ. เรื่องการลาสิกขาของพระครูปริยัติวัฒนกิจ (สมาน ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมทั้งหนังสือที่พระ ธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง ชี้แจงกรณีพระครูปริยัติวัฒนกิจ พร้อมภาพถ่ายการลาสิกขา ระบุว่า ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล 2.กรณียักยอกเงินวัด ทางวัดขอชี้แจงว่ายังไม่พบ หรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอดและ 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ ได้ประสานกับทางวัดเพื่อขอแจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจต่อเจ้าอาวาส เพื่อมิให้กระทบ กระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัดและศรัทธาสาธุชนในบวรพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. เวลา 19.10 น. จากนั้นเดินทางออกจากวัดไปทันทีต่อมา เวลา 16.30 น. วันเดียวกัน ที่วัดหัวลำโพง พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง กล่าวว่า ค่ำวันที่ 18 ก.ย. พระครูปริยัติวัฒนกิจมาหาที่กุฏิตัดสินใจขอลาสิกขาด้วยเหตุผล ไม่อยากให้พระพุทธศาสนาและวัดหัวลำโพงเสื่อมเสียจากข่าวลือที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียดายเพราะผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถือเป็นพระนักปฏิบัติที่ทำงานเก่งมีความสามารถ บวชมานานไม่อยากให้สึกแต่เคารพการตัดสินใจ ไม่ทราบว่าสึกแล้วไปที่ไหนต่อ ส่วนกรณีที่มีเพจในออนไลน์กล่าวหาว่า เจ้าอาวาสใช้เงินวัดซื้อบ้านราคา 30 ล้านบาท ให้สีกา ที่ จ.นครสวรรค์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง บวชเป็นพระมาตั้งแต่เด็ก เงิน 30 ล้านยังไม่เคยจับสักครั้ง สีกาคนที่อ้างถึงเป็นญาติโยมรู้จักกันมากว่า 10 ปี จากการนำวัตถุมงคลมาให้เช่าบูชา ภายหลังชวนมาร่วมทอดกฐินที่วัดบ่อยครั้ง บางโอกาสตนให้เงินสด 5,000—6,000 บาท ซื้อวัตถุดิบทำอาหารถวายพระ เพราะเห็นว่าสีกาทำอาหารเก่ง ไม่ใช่ซื้อบ้านหรือดูแลส่วนตัวตามที่ถูกกล่าวหา บ้านของสีกาอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ อยู่กับสามีและลูกแต่สามีไม่ได้อยู่ประจำเจ้าอาวาสกล่าวถึงกรณีรองเจ้าอาวาสวัดถูกร้องเรียนอีกรูปว่า มีลูกสาวพัวพันยาเสพติดและภรรยาปล่อยเงินกู้ว่า พระเทพ รองเจ้าอาวาสอาพาธต้องนั่งรถเข็นไม่สามารถมีภรรยาได้ ไม่มีลูกสาวมีเพียงลูกสาวบุญธรรมที่ญาติโยมฝากไว้ด้วยความศรัทธา พระเทพเป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างและออกแบบอาคารของวัดไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเงินของวัดอย่างใด อาตมาไม่คิดจะฟ้องร้องดำเนินคดีเพจที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ ตั้งใจอโหสิกรรมให้ ฝากญาติโยมและสังคมควรติดตามข่าวสารอย่างมีสติใช้วิจารณญาณ สิ่งที่ถูกกล่าวหาไม่จริง ความจริงคือความจริงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่