วันนี้ผมขอข้ามข่าวคราวการเมืองเรื่องจะยุบสภาหรือจะเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ที่กำลังร้อนฉ่าเอาไว้สักวันนะครับ เพราะต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้าเนื่องจากมีภารกิจบางประการจะต้องทำในช่วงเวลาที่จะต้องเขียนต้นฉบับพอดี ไม่สามารถจะรอจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดได้โปรดติดตามข่าวอย่ากะพริบตาเชียวนะครับเหตุผลที่ผมต้องเขียนฉบับล่วงหน้าไม่ใช่อะไรหรอกครับสืบเนื่องมาจากการที่ผมต้องไปเข้าโรงซ่อมสุขภาพมาอีกครั้งนั่นเอง และคราวนี้ใช้เวลาถึง 16 วันเต็มๆแต่เนื่องจากเป็นโรคเก่าที่ผมเป็นประจำอยู่แล้วคือโรคถ่ายปนเลือด ซึ่งเวลาเลือดออกจะน่ากลัวมาก และใจจริงแล้วผมก็กลัวแต่เมื่อเข้าตาจนก็ต้องทำใจดีสู้เสือไปให้คุณหมอเจ้าประจำโรคนี้ของผม นายแพทย์ปิติโชติ หิรัญเทพ แห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี จัดการรักษาเยียวยาเหมือนเช่นเคยโชคดีที่เลือดหยุดไหลตั้งแต่ 3 วันแรก แต่ก็โชคไม่ดีที่ผลการทำ CT Scan กลับไปพบโดยบังเอิญว่า “เส้นเลือดดำ” ที่ขาซ้ายของผมเกิดอุดตันแล้วกระจายไปอุดที่ปอดอยู่เกล็ดหนึ่งซึ่งปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายได้ก็เลยต้องนอนพักเพื่อฉีดยาละลายลิ่มเลือดที่ว่าต่อเสียหลายวันจนพบว่าเบาบางลงแล้วค่อยให้กลับบ้านได้ ทำให้ผมมีเวลาว่างเยอะมากในแต่ละวัน ก็เลยขออนุญาตคุณหมอเขียนต้นฉบับส่งมาเหมือนปกติทุกๆวันที่นั่งเขียนอยู่ที่โรงพิมพ์มีอยู่ 3-4 วันที่ต้องตรวจใหญ่ เขียนไม่ได้ก็ได้อาศัยน้อง “อาซิ้ม” ช่วยซัลโวแทน ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ซึ่งในวันปล่อยตัวกลับบ้านนั้นเอง คุณหมอที่เกี่ยวข้องท่านจะต้องแวะมาอธิบายถึงการใช้ยาต่างๆ รวมทั้งยาฉีดเข้าใต้ผิวหนังรอบๆสะดือที่จะช่วยละลายลิ่มเลือดอุดตันโดยตรงว่าจะฉีดอย่างไร เพราะผมยังจะต้องฉีดต่ออีกระยะหนึ่งเป็นยาหลอดประเภทใช้จิ้มเข้าใต้ผิวหนังคล้ายๆพวกยาฉีดโรคเบาหวานนั่นแหละครับ ปกติคนไข้ฉีดเองก็ยังได้เลย แต่เนื่องจากผมสายตาฝ้าฟางพอสมควรแล้ว เกรงจะจิ้มผิดจิ้มถูก จึงต้องขอร้อง “ภรรยา” ผมให้ช่วยทำหน้าที่แทนด้วยทางโรงพยาบาลจึงนัดแนะมาเรียนวิธีจิ้มกับพยาบาลวิชาชีพตัวจริงเสียงจริงของรามาธิบดี ซึ่งผมก็ควรจะต้องอยู่รับฟังอยู่ด้วย เป็นเหตุหลักทำให้ต้องเขียนอะไรก็ได้แห้งๆล่วงหน้าไว้ก่อนเช่นเคยผมถามคุณหมอว่าโรค “เลือดดำอุดตัน” เกิดขึ้นได้อย่างไร และรักษาหรือป้องกันอย่างไร?ได้รับคำตอบว่า “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ” คือภาวะที่มีลิ่มเลือดก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดดำส่วนลึก ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก มักเกิดขึ้นที่ขาทำให้มีอาการปวด บวม แดงร้อน และกดเจ็บที่บริเวณนั้นลิ่มเลือดอาจหลุดไปอุดตันที่ “ปอด” ทำให้เกิดภาวะอันตรายถึงชีวิตได้...อย่างของผมเกิดที่ ขาซ้าย แต่ส่งผลให้ปวดข้อเท้าขวาบวมเป่ง และมีบางส่วนไปอุดเส้นเลือดเข้าปอดด้วย แต่โชคดีที่ยังเป็นลิ่มเล็กๆพอจะมีทางละลายได้อย่างว่า จึงต้องรักษาด้วยการฉีดยาใต้สะดือละลายอยู่หลายวันส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้คุณหมอบอกว่า เพราะผู้เป็นมักไม่ค่อยเคลื่อนไหว ชอบนั่ง หรือทำอะไรอยู่ในท่าเดิมติดต่อกันนานๆ เช่น การนั่งเครื่องบินหรือการเดินทางด้วยรถยนต์ยาวๆ หรือคนนอนติดเตียง เป็นต้นบางครั้งก็เกิดจากการที่อายุมากขึ้น นํ้าหนักเกิน สูบบุหรี่จัด หรือเคยผ่าตัดใหญ่ หรือมีโรคประจำตัวบางชนิดเป็นสาเหตุอยู่แล้วครับ! อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...เกิดแล้วก็สู้กับมันไปเท่าที่จะสู้ไหว เพราะอายุปูนนี้แล้ว สังขารย่อมจะผุพังสึกกร่อนไปเป็นธรรมดาขออนุญาตนำมาเล่า “ขัดตาทัพ” เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านวัยเดียวกันที่อาจจะเผลอไปเจอโรคนี้เข้าให้บ้าง มีอะไรผิดสังเกตรีบไปพบหมอเลยนะครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม