ผมเจอยังชิน แก้วชัยเจริญกิจ คนเขียนนิทานการเงิน หนังสือขายดี มติชนพิมพ์ซ้ำกว่า 13 ครั้ง ที่งานศพญาติที่วัดประทุมฯปากอ่าวแม่กลอง เมื่อปีที่แล้ว พอนับญาติกันได้ ผมก็ถามเมื่อไหร่ จะเขียนเล่ม 2เมื่อ “เรื่องเล่าเต่าพันปี” มาถึงมือ ผมตั้งใจเอาความรู้ จึงต้องตั้งหลักฟื้นพื้นฐาน เป็นไงมาไงกันหว่า!ยังชินเริ่มต้นคำนำผู้เขียนไว้ว่า...ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ก่อประโยชน์ จำเป็นต้องใช้ทั้งจินตนาการ และความรู้จินตนาการสร้าง “สิ่งที่ยังไม่มี” ส่วนความรู้ทำให้เกิด “สิ่งที่ใช้งานได้จริง” จินตนาการเปรียบเปลวไฟ ความรู้เปรียบเชื้อเพลิง จินตนาการจุดประกายไฟให้เราฝันถึงสิ่งใหม่ๆ แต่ถ้ายังไม่มีความรู้ ก็ไม่มีทิศทางเพื่อลงมือในอีกด้าน ถ้ามีความรู้ แต่ไม่มีจินตนาการ ก็อาจกลายเป็น “เครื่องจักรที่ฉลาดแต่ไม่สร้างสรรค์”ยังชินเรียกเตี่ยเจ้าของร้านกาแฟริมแม่กลองว่า “เตี๊ย” เตี๊ยชี้ให้ดูต้นไม้ “เห็นไหม มันไม่ค่อยมีใบ ใบไม้เหมือนเงินในกระเป๋า หากยังมีน้อยแล้วไม่รู้จักเก็บสะสม ก็เหมือนต้นไม้ที่มีใบน้อยแล้วยังถูกเด็ด แม้ไม่ตายก็โตยาก”“ต้นไม้ใบน้อย เด็ดเพียงไม่กีี่ใบ ก็ดูโกร๋น แต่ถ้าเราปล่อยให้มันงอกงาม มีใบดกเต็มต้น แม้เด็ดเป็นกำมือ เด็ดเป็นกระบุง ก็มองไม่ออก”คำสอนของ “เตี๊ย” มีเมื่อยังชินอายุ 10 ปี สมัยนั้นยังทันการหุงข้าว (แบบเก่า) ที่ยากลำบากกว่าการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบบเงินตราโลกเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น...คือการตกลงกันของประเทศมหาอำนาจ เรียกว่าข้อตกลง เบรตตันวูดส์ โดยยกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้เป็นทองคำกระดาษ ด้วยข้อกำหนด 35 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่ากับทองคำ 1 ออนซ์ข้อตกลงนี้ ทำให้ข้อจำกัดปริมาณเงินเพื่อใช้ในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกมีความยืดหยุ่น จากเดิมจะผลิตเงินขึ้นใหม่ต้องมีโลหะทองคำค้ำประกันเท่านั้นเมื่อปริมาณเงินมีเพียงพอ สังคมโลกก็พัฒนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยพลังน้ำมันและพลังไฟฟ้าส่งผลต่อพลังการผลิต พร้อมการใส่เงินสู่สังคมโลก เพื่อให้เกิดพลังการบริโภคบางประเทศที่เคยยากจน ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการอุปโภคบริโภค สามารถขึ้นขบวนทองคำกระดาษ นำพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งสรรพสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และแล้วข้อตกลงเบรตตันวูดส์ ก็อยู่ได้เพียง 27 ปี ค.ศ.1971 เกิดเหตุการณ์นิสสันช็อก ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ประกาศยกเลิกการผูกดอลลาร์สหรัฐฯกับทองคำสิ้นสุดยุคทองคำ 1 ออนซ์ ราคา 35 ดอลลาร์สหรัฐฯจินตนาการและความรู้สึก ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ แต่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีทั้งที่จับต้องได้ด้วยมือ ตา หู จมูก และผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ แต่เรากลับรับรู้ความมีอยู่ของผลิตภัณฑ์นั้นพัฒนาการอีกขั้นของเงิน ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น สิ่งนี้ควรนำพาความสงบสุขมาสู่มวลมนุษย์ แต่คงเป็นไปได้แค่ความฝันแต่ยังชินก็ยังหวังลึกๆจะมีบางประเทศเข้าใจพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของเงิน ได้ขึ้นขบวนเงินคุณภาพใหม่ เงินที่ค่าของมันไม่ได้อิงกับวัตถุใดอีกต่อไป แต่ขึ้นกับพลังการผลิตและพลังการบริโภคของประชาชนและหากประเทศที่ไม่ตกขบวนครั้งนี้ มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ก็นับเป็นคุณูปการแก่คนไทยผมอ่านถึงตอนนี้ ก็เริ่มรู้ว่า พอมีน้ำยาพอ จะอ่านนิทานการเงินภาค 2 รู้เรื่องบ้าง จึงอยากออกปากเชิญชวนเพื่อนพ้องไปหาหนังสือเรื่องเล่าเต่าพันปีอ่านไปด้วยกัน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม