เห็นแล้วไม่สบายใจ มีความหนักใจเป็นอย่างมาก...ขยะเหล่านี้จะมีแนวทางจัดการอย่างไร??? ใครจะรับผิดชอบ??? ชุมชนตระหนักถึงอันตรายหรือผลกระทบจากขยะเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน??? อย่าลืมนะเราเป็นชุมชนที่อยู่ต้นน้ำ แล้วปลายทางของขยะเหล่านี้จะไปที่ไหนแคปชันพร้อมรูปประกอบกองขยะมากมายมหาศาลละลานตาเต็มพื้นที่ โพสต์โดย “Onuma Yersor” สะท้อนปัญหาสะสม “ขยะบนดอย” แหล่งต้นน้ำลำธาร ด้วยว่าการจัดการขยะมีปัญหาหนักมาก“บ่อยครั้งที่ไปเที่ยวตามดอย...เห็นเขาทิ้งขยะกันตามหน้าผาหรือซุกไว้ตามหลืบเขา ผมถ่ายภาพไว้หลายที่ตั้งใจจะเขียนเป็นข่าว เพื่อให้หาทางออกกันจริงๆจังๆแต่ยังไม่ได้ทำสักที พอเห็นโพสต์นี้แล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดทันที เพราะสถานการณ์ขยะบนดอยน่าห่วงมากๆ” ภาสกร จำลองราช “สำนักข่าวชายขอบ” เปิดประเด็นพลิกแฟ้มข้อมูลปัญหา “ขยะบนดอย” เป็นกรณีศึกษา ซึ่งต้องยอมรับความจริงที่ว่าเป็นวิกฤติที่สะท้อนถึงการขาดประสิทธิภาพในการจัดการและจิตสำนึกของนักท่องเที่ยวด้วยปริมาณ “ขยะ” ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ระบบจะรองรับไหว โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างดอยอินทนนท์ ซึ่งปัญหาหลักยังคงมาจากการที่ “นักท่องเที่ยว” ทิ้งขยะไม่เป็นที่ หากมีโอกาสไปเยือนยอดดอยอินทนนท์ สถานที่ที่หลายคนฝันถึงเพื่อสัมผัสอากาศหนาวและความงามทางธรรมชาติ เราอาจจะไม่ได้เห็นแค่ทะเลหมอกและป่าไม้ที่เขียวขจี แต่กำลังจะได้เผชิญหน้ากับความจริงอันน่าหดหู่ที่ถูกซุกซ่อนไว้ นั่นคือ “วิกฤติขยะ” ที่กำลังคุกคามแหล่งต้นน้ำและระบบนิเวศอย่างไม่หยุดหย่อนเสียงสะท้อนจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เล่าเรื่องราวที่น่าตกใจว่า ปริมาณขยะจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนดอยอินทนนท์นั้นมหาศาลเกินกว่าที่ระบบจัดการจะรองรับได้ไหว กองขยะเก่าของเทศบาลตำบลบ้านหลวง ซึ่งเป็นปลายทางขยะเหล่านี้ ได้ล้นทะลักอย่างน่าเป็นห่วง เป็นปัญหาซ้ำเติมกันมานานหลายปีในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น ปีใหม่ “ดอยอินทนนท์” ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ว่ากันว่า...เคยมีปริมาณขยะเกิดขึ้นมากถึง 3,600 กิโลกรัมในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของช้างถึง 10 เชือก และยังคงมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการจัดการผลการสำรวจจากงานวิจัยต่างๆชี้ว่า การกำจัดขยะในแหล่งท่องเที่ยวบนดอยยังไม่ถูกหลักสุขาภิบาล เช่น การใช้วิธีเทกอง (Open Dump) หรือการเผา ซึ่งนอกจากจะทำลายความสวยงามแล้วยังก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและปนเปื้อนในดินและน้ำอีกด้วย สะท้อน...การจัดการขยะที่ไม่เป็นระบบและขาดประสิทธิภาพประเด็นสำคัญ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาหลักยังคงมาจากการที่นักท่องเที่ยวขาดความรับผิดชอบและทิ้งขยะไม่เป็นที่ แม้จะมีการรณรงค์และจัดเตรียมถังขยะไว้ให้ปัญหาขยะบนดอยอินทนนท์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสกปรก แต่เป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง...ที่สำคัญยากต่อการจัดการ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ถนนที่ลื่นและเต็มไปด้วยโคลนทำให้รถขนขยะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ฝังกลบได้ ส่วนในฤดูแล้งลมก็จะพัดพาขยะพลาสติกและโฟมปลิวว่อนไปทั่วพื้นที่ถัดมา...เสี่ยงต่ออัคคีภัย กองขยะพลาสติกขนาดใหญ่กลายเป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้กองขยะหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็ยากต่อการควบคุม และยังส่งผลให้เกิดควันพิษ...เขม่าลอยไปทั่วบริเวณ และ คุกคามชุมชน ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดคืออันตรายที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่“เมื่อเกิดไฟไหม้ ควันพิษและเขม่าจะฟุ้งกระจายเข้าสู่หมู่บ้านใกล้เคียง...เมื่อฝนตก น้ำฝนจะชะเอาเศษขยะ สิ่งปฏิกูลจากกองขยะไหลลงมาตามพื้นถนน...หลังคาบ้านเรือน ทำให้สุขภาพ ความปลอดภัยของชาวบ้านถูกคุกคาม” ตอกย้ำปัญหาในภาพใหญ่ วิกฤติ “ขยะบนดอย” ถือเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายแหล่งต้นน้ำและธรรมชาติ โดยเฉพาะบนดอยสูงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ทำลายทัศนียภาพอันงดงามเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ราบด้วยข้อมูลจากหลายแหล่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เริ่มจาก...ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวปริมาณขยะที่สะสมมีจำนวนมากจนยากต่อการจัดการ บางรายงานระบุว่ามีปริมาณขยะมากถึง 2-8 ตันต่อวันในบางพื้นที่เลยทีเดียวปัญหาหลักคือการกำจัดขยะบนพื้นที่สูงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ในอดีตมีการใช้วิธีที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้น แม้จะมีการรณรงค์แต่การทิ้งขยะไม่เป็นที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ นักท่องเที่ยวบางส่วนขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมเก็บขยะของตัวเองกลับลงมาด้วยผลกระทบของ “ขยะ” ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ “ดอย”...หลายแห่งเป็นแหล่ง “ต้นน้ำ” ที่สำคัญ เมื่อขยะถูกทิ้งไว้ตามหน้าผาหรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการชะล้าง เมื่อฝนตกขยะและสารพิษต่างๆจะถูกพัดพาลงสู่ลำธาร ทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อน...ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ และอาจมีสารพิษปนเปื้อนลงไปถึงพื้นที่ราบในที่สุด ขยะที่ตกค้างในป่าสามารถทำลายความสมดุลทางธรรมชาติ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค แมลง หนู...ทั้งยังเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาจเข้าใจผิด... กินขยะเข้าไปได้ท้ายที่สุดแล้ว...การปนเปื้อนของสารพิษจากขยะลงสู่แหล่งน้ำอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอหิวาตกโรค ท้องร่วง โรคผิวหนังในชุมชนที่ต้องใช้น้ำจากแหล่งนั้นๆการแก้ไขปัญหา “ขยะบนดอย” อย่างยั่งยืนต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน...ก่อนสายเกินแก้โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยว” ต้องมีจิตสำนึกเก็บขยะตัวเองกลับลงมาทุกชิ้นไม่ว่าขวดน้ำ ถุงขนม หรืออื่นๆ.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม