กรณีคลิปเหตุความรุนแรง นักเรียนชาย ชั้นม.5 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง จ.อุทัยธานี ทำร้ายร่างกายครูกลางห้องเรียน ทั้งเตะต่อยตีเข่าใส่ครู จนได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะไม่พอใจคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิตศาสตร์ที่ไม่ได้คะแนนเต็ม 20 คะแนน เพราะนักเรียนไม่ยอมแสดงวิธีทำเป็นประเด็นที่สร้างความสะเทือนใจ กระแสสังคมรุมประณาม ตำหนิการกระทำของผู้ก่อเหตุอย่างหนัก พฤติกรรมก้าวร้าว การใช้ความรุนแรงของนักเรียนน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ ทางหนึ่งอาจเป็นผลจากพื้นฐานการเลี้ยงดูของครอบครัวที่พ่อแม่สร้างความกดดันต่อเด็ก โดยคาดหวังจากผลการเรียนและคะแนนสอบมากเกินไปส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันทาง การเรียนอย่างหนักในยุคปัจจุบัน มีหลายครอบครัวที่ความคาดหวัง ความทุ่มเทของพ่อแม่ผู้ปกครองแปรเปลี่ยนจากความหวังดี กลายเป็นการสร้างแรงกดดันในจิตใจของเด็กให้ต้องแบกรับเกินวัย ยิ่งพ่อแม่คาดหวังมาก เด็กก็แบกความกดดันมากขึ้น ไม่อยากผิดพลาดแม้แต่คะแนนเล็กน้อยนายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา มองว่ากรณีครูถูกนักเรียนทำร้ายครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบการศึกษาที่ใช้การวัดผลโดยวิธีนับคะแนน มานำหน้าความรู้ ความสามารถ กดดันเด็กต้องพยายามแข่งขันให้คะแนนดีที่สุด เพื่อสร้างความพอใจให้ผู้ปกครอง ทำให้การวัดและประเมินผลถูกนำไปใช้ในทางไม่ถูกต้องปัญหาสุขภาพจิตเด็กและเยาวชนในปัจจุบันเป็นเรื่องน่ากังวล โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญทำให้เด็กไทยอยู่ในภาวะเครียด และมีอาการซึมเศร้า จากการเรียนที่หนัก ความคาดหวังที่สูง และการแข่งขันที่รุนแรง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กเป็นอย่างมากระบบการเรียนการสอนที่ยึดติดอยู่กับคะแนนมากเกินไป วัดผลจากเกรดเฉลี่ย แสดงถึงความสมบูรณ์แบบ กลายเป็นการสร้างแรงกดดันให้เด็ก จึงอาจต้องทบทวนว่าการใช้มาตรฐานเดียวกันมาวัดผลเด็กทั้งหมด เป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะเด็กแต่ละคนย่อมมีความรู้ ความเข้าใจ ความถนัดที่ต่างกันการเรียนที่มุ่งแต่สร้างความเป็นเลิศแก่เด็ก แต่ไม่สอนให้เด็กรับมือความล้มเหลว เมื่อประสบความผิดพลาด บางคนจึงระเบิดอารมณ์ออกมาในรูปแบบการใช้ความรุนแรง การส่งเสริมให้เด็กเป็นคนเก่งเป็นเรื่องควรสนับสนุน แต่อย่าลืมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กสามารถแบกรับความผิดหวังที่เกิดขึ้น เพื่อให้อยู่ร่วมในสังคมได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม