“รองเต่า” นำกำลังตำรวจ บก. ปปป.จับมือ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้น จับกุมขบวนการจอนนี่มือปราบ รุกป่านิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยสร้างรีสอร์ตรวบยกแก๊ง 5 คน ทั้งตัวจอนนี่ เมีย นายก อบต.คำเขื่อนแก้ว อดีต ผอ.กองช่าง และผู้ใหญ่บ้าน รวมหัวทุจริตออกใบอนุญาตก่อสร้างรุกที่ ทำเหมือนถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนปิดป้ายอายัดงดใช้งานรีสอร์ต ทั้งหมดยังให้การภาคเสธ อ้างไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่ป่า เตรียมขยายผลไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบเส้นเงินของจอนนี่เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ของน้องชาย เจ้าตัวโอด “ถือเป็นกรรม จับคนมาเยอะต้องโดนบ้าง” ตำรวจใจดีให้ประกันตัวไปด้วยเงินสดคนละ 2-3 แสนบาทตำรวจ ปปป.บุกจับจอนนี่มือปราบ เมียนายก อบต. และผู้ใหญ่บ้าน รวมหัวทุจริตออกใบอนุญาตก่อสร้างรุกป่าไม้นิคมลำโดมน้อย เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.3 บก.ปปป. และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาฯ ป.ป.ท.นำกำลังตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี จับกุมผู้ร่วมขบวนการเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่นทุจริตเอื้อประโยชน์นายทุนสร้างรีสอร์ตรุกล้ำนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ทั้งหมด 5 คนนายทุน 2 คนคือ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือจอนนี่มือปราบ อายุ 44 ปี และ น.ส.จิราพร สีบุระ อายุ 45 ปี ภรรยา ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารให้รับรองเป็นหลักฐานอันเป็นความเท็จ และข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต ส่วนอีก 3 คน เป็น เจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตต่อหน้าที่ ประกอบด้วย นายมิตรชัย ขันคำ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้าน นายศุภชัย ท้วมสกุล อายุ 50 ปี อดีต ผอ.กองช่าง อบต.คำเขื่อนแก้ว และ นายสมาน อุ่นวงศ์ อายุ 71 ปี นายก อบต.คำเขื่อนแก้ว ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารแต่กลับรับรองหลักฐานเท็จ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริตคดีนี้สืบเนื่องจากตัวแทนจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บก.ปทส.ว่า รีสอร์ตล่องแพและบ้านพักพูลวิลล่าของ ด.ต.ยุทธพล และ น.ส.จิราพร สองสามีภรรยา ก่อสร้างรุกพื้นที่ป่าไม้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 22 ก.ค.พบว่ารุกล้ำพื้นที่ป่าไม้จริง และยังพบความผิดปกติเกี่ยวกับการยื่นขออนุญาตก่อสร้างรีสอร์ต เนื่องจากพื้นที่นี้ไม่สามารถขออนุญาตก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นที่นิคมฯ หรือที่ป่าไม้ ตำรวจ บก.ปปป.จัดกำลังลงพื้นที่แฝงตัวสืบสวนตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตให้พบว่ามีการใช้อำนาจตำแหน่ง หน้าที่โดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือ หรือเอื้อประโยชน์ให้กับ ด.ต.ยุทธพลกับภรรยาที่เป็นนายทุนเจ้าของรีสอร์ตแผนประทุษกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาเริ่มจาก ด.ต.ยุทธพลกับภรรยา กว้านซื้อที่ดินที่ถูกกันไว้เป็นป่าส่วนกลางในนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยมาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จากนั้นให้นายมิตรชัย ขันคำ ผู้ใหญ่บ้าน ลงชื่อร่วมเป็นพยานการซื้อขาย รวมถึงให้ลงชื่อเป็นผู้รับรองการยื่นขออนุญาตก่อสร้างด้วยการลงข้อมูลอันเป็นเท็จ อ้างว่าเป็นการปลูกบ้านใหม่ ในที่ดินว่างเปล่าที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ หรือหน่วยงานของรัฐ ก่อนที่นายสมาน อุ่นวงศ์ นายก อบต.คำเขื่อนแก้ว กับนายศุภชัย ท้วมสกุล ผอ.กองช่างฯขณะนั้น ร่วมลงชื่อเป็นผู้รับรองออกใบอนุญาต และยังยื่นขอเลขที่บ้านกับอำเภอสิรินธร การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นอย่างมากหลังจับกุมนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนที่ อบต.คำเขื่อนแก้ว จอนนี่มือปราบสวมกอดให้กำลังใจภรรยา ก่อนทั้งคู่จะถูกแจ้งข้อหาตามหมายจับ ระหว่างสอบสวน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ กำลังอธิบายข้อกฎหมายให้ผู้ต้องหาฟังเพื่อทำความเข้าใจ ปรากฏว่ามีปลัด อบต.คนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก จ.พระนคร ศรีอยุธยา แสดงความเห็นต่างเสียงดัง ดุดัน ทำให้บรรยากาศตึงเครียด ก่อนรองเต่าที่นั่งเป็นประธานสอบถามว่าเกี่ยวข้องกับคดียังไง และเชิญตัวออกนอกห้อง การสอบสวน ปลัด อบต.คนดังกล่าวออกจากห้องประชุมไปด้วยท่าทีไม่พอใจต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พร้อมคณะ เดินทางไปยังรีสอร์ตล่องแพและบ้านพักพูลวิลล่าของ ด.ต.ยุทธพล เพื่อปักป้ายอายัดพื้นที่พร้อมสั่งหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ปฏิบัติการวันนี้บูรณาการร่วมกันหลายฝ่าย เนื่องจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย แจ้งความดำเนินคดีจอนนี่มือปราบกับพวก เรื่องการบุกรุกพื้นที่ที่ถูกกันไว้เป็นพื้นที่ป่าสงวนในนามนิคมฯ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ส่วนรวม แต่ ปรากฏว่าจอนนี่กับพวกไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง แต่เป็นนายทุนมาสร้างรีสอร์ต ตำรวจ บก.ปทส.จะแจ้งข้อกล่าวหาจอนนี่กับพวกรวมถึงเจ้าของเดิมที่ขายให้ แต่ยังไม่จบ ยังมีเรื่องบุคคลที่เราต้องสืบสวนต่อหรืออาจแจ้งข้อหาต่อว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เนื่องจาก มีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนร่วมทำเอกสารด้วย“ขอแจ้งเตือนว่า เจ้าหน้าที่รัฐคนใดที่อนุมัติพื้นที่ต่างๆ ควรรู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้ามหรือเป็นพื้นที่ของรัฐที่กันไว้ และไปเซ็นอนุญาตทั้งที่มันไม่สามารถอนุญาตได้ คิดว่าน่าจะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นหลายพื้นที่ ต้องขยายเพิ่มเติมต่อ ส่วนการสอบสวน เบื้องต้น ผู้ต้องหาบางรายให้การภาคเสธ อ้างว่าเซ็นไปโดยไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่ป่า ส่วนบางรายยังคงให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจึงจะต้องพิจารณาต่อ” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวพล.ต.ต.จรูญเกียรติบอกว่า ทางนิคมฯเคยแจ้งเตือนไปยังรีสอร์ตแห่งนี้แล้ว แต่ถูกข่มขู่กลับมา 2 ครั้ง ยืนยันว่าพื้นที่เกิดเหตุนิคมฯแจ้งว่ามีรีสอร์ตแค่ 2 ที่ ตรงนี้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ส่วนอีกที่กำลังสร้างนิคมฯไปทำหนังสือคัดค้านจึงหยุดไป นอกจากรีสอร์ตแล้วตอนนี้กำลังตรวจสอบเรื่องทรัพย์สิน อยู่ว่า จอนนี่กรุ๊ปทั้งหมดมีอะไรบ้าง เอาเงินที่ไหนมาสร้าง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย โดยเฉพาะเส้นเงินในอดีตที่จอนนี่เคยพัวพันกับเว็บพนันที่จับกุมได้ 2 เว็บของน้องชายจอนนี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตรงนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า ต้องดำเนินการต่อในเรื่องการรุกล้ำ และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ใช่แค่กรณีนี้ ส่วนนายอนันต์ ปทุมชาติ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า กรมป่าไม้ กล่าวว่า ตอนนี้แจ้งให้เจ้าของพื้นที่ดังกล่าวหยุดกิจการ หากฝ่าฝืนจะผิดคำสั่งเจ้าพนักงาน อย่างไร ก็ตามต้องรอคำสั่งศาล ส่วนกรอบระยะเวลาขึ้นอยู่กับกระบวนการสอบสวน ระหว่างการสอบสวนจะสั่งให้หยุดพักกิจการก่อน ตั้งแต่วันที่มีป้ายมาติดจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ขณะที่จอนนี่มือปราบเผยว่า การจับกุมของเจ้าหน้าที่วันนี้ ไม่ได้กลั่นแกล้งตน เจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรม ยินดีให้ความร่วมมือเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นแนวทางของระเบียบข้อกฎหมายต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่าบุกรุกที่หลวง จอนนี่ ตอบว่า ตอนนี้ว่าไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามยินดีให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ด้านตำรวจก็ให้ความเป็นธรรมอย่างดี ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะมีวันนี้หรือไม่ที่ถูกจับกุม จอนนี่ตอบว่า “ไม่มีอะไร จับคนมาเยอะก็ต้องโดนบ้าง เป็นกรรม ไม่ได้เครียดอะไร นายให้ความเป็นธรรม”ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน บก. ปปป.คุมตัวผู้ต้องหา 5 คนไปสอบปากคำที่ สภ.สิรินธร นานกว่า 5 ชม. ทั้งหมดให้การภาคเสธก่อนทำเรื่องขอประกันตัว พนักงานสอบสวนให้จอนนี่และภรรยายื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 คนใช้เงินสดคนละ 3 แสนบาท พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวนอกจากนี้พนักงานสอบสวน บก.ปทส.ยังแจ้งข้อกล่าวหาจอนนี่และภรรยา ความผิดการถือครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มีบทลงโทษจำคุก 1—10 ปี และปรับ 20,000—200,000 บาท โดยห้ามมิให้บุคคลใด ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาตินั้น กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากจอนนี่และภรรยาบุกรุกพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ที่กันไว้เป็นป่าสงวนกว่า 6 ไร่ และจะนัดทั้ง 2 คนมาให้ปากคำอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่