“ไกรบุญ ทรวดทรง” ฐานะ หน. ศปภม.จับมือ “ธงทอง จันทรางศุ” ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ พศ.เรียกตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมวางแนวทางตรวจสอบพระและวัดทั่วประเทศ แก้ปัญหาพระทำผิดวินัยสงฆ์และความผิดอาญาจนถูกดำเนินคดีต่อเนื่อง สร้างความเสียหายภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา เบื้องต้นเน้นเก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัดและจำนวนพระสงฆ์ เพื่อวางแนวทางดำเนินการ โดยเฉพาะการทำบัญชีรายรับรายจ่ายวัดให้โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่ให้รั่วไหลจนเกิดความเสียหาย ด้าน “รองเต่า” ประชุมคดีหมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ ตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับไป 30 ปี ย้ำกำลังดำเนินการอย่างละมุนละม่อม โปร่งใส ส่วนคดีวัดเครือวัลย์ฯกองปราบฯดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกรและผู้ช่วยไปแล้ว เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาร่วมกันปลอมลายเซ็นเจ้าอาวาสไปเบิกเงินกว่า 240 ครั้ง เป็นเงินกว่า 320 ล้านบาท เอาเข้ากระเป๋าตัวเองที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ส.ค. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคาม และเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา (ศปภม.) โดยมี ศ.ธงทอง จันทราศุ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมเจ้าพนักงานกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงพล.ต.อ.ไกรบุญกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับแนวทางการทำงานร่วมกันระดับปฏิบัติการมีตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 1-9 และสถานีตำรวจทั่วประเทศ พร้อมบูรณาการกับกองทัพภาคที่ 1-4 เพื่อชี้แจงไปยัง กอ.รมน.จังหวัดต่างๆ ให้เดินหน้าเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีบุคลากรจำกัดในหลายจังหวัด จะร่วมวางแผนลงพื้นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัดและพระสงฆ์ อาทิ จำนวนพระภิกษุ สามเณร ผู้พักอาศัยในวัดป่าและพระอารามต่างๆ การบริหารจัดการภายในวัด ยืนยันว่าไม่ใช่การก้าวล่วงหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวของพระ แต่เป็นการสร้างฐานข้อมูลที่ พศ.ดำเนินการมานานเพื่อนำไปพัฒนาระบบงานและสร้างความโปร่งใสในอนาคตด้าน ศ.ธงทองชี้แจงเพิ่มเติมว่า ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าไปขอข้อมูลจากวัดจะประสานล่วงหน้า ไม่ใช่การบุกตรวจอย่างกะทันหัน ข้อมูลที่ขอจะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการบริหารวัด ไม่รวมบัญชีการเงินส่วนบุคคลและต้องเก็บเป็นความลับเพื่อป้องกันความผิดพลาด หรือการเผยแพร่โดยไม่เหมาะสม อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การพัฒนาระบบบัญชีการเงินของวัดให้ชัดเจนและตรวจสอบได้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จะร่วมกันวางแนวทาง เนื่องจากบางวัดมีประชาชนศรัทธาบริจาคมาก จึงต้องมีระบบดูแลเงินทองอย่างรัดกุมไม่ให้นำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะได้ข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น“ในส่วนของการร้องเรียนเกี่ยวกับวัดทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 382 เรื่อง คัดกรองแล้วส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว 255 เรื่อง ระหว่างคัดกรอง 108 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพฤติกรรมพระที่ไม่เหมาะสม” ศ.ธงทองกล่าวส่วนกรณีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี เกี่ยวพันเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ พล.ต.อ.ไกรบุญเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขอให้ เจ้าหน้าที่ทำงานให้ได้ข้อเท็จจริงก่อน ส่วนการรับบริจาคในนามนิติบุคคลหรือมูลนิธิในแต่ละวัด ตำรวจมีแนวทางตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าทุกขั้นตอนจะทำด้วยความนอบน้อม เคารพพระธรรม วินัย และคำนึงถึงศรัทธาของประชาชนเป็นหลักพล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เผยว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้เรียกประชุมคณะทำงานติดตามกรณีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี และวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อสรุปแนวทางการดำเนินงาน โดยย้ำว่าหลักการสำคัญคือ การสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ขณะนี้การตรวจสอบของกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มีความคืบหน้าและจะเข้าสู่การทำงานเชิงลึกมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะประเด็นด้านการเงินของวัด เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเกี่ยวพันกับศรัทธาของประชาชน ตำรวจตั้งเป้าให้เงินบริจาคกลับมาใช้เพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง“ส่วนข้อมูลหมอบีให้การตำรวจรวมถึงเรื่องภายในวัดพบว่า มีความเชื่อมโยงกันและยืดเยื้อมานานกว่า 30 ปี ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบไม่ให้กระทบต่อความศรัทธาของสาธารณชน จะนิมนต์หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลด้วย ส่วนการตรวจสอบจะดำเนินการทุกมิติ แต่จะทำด้วยความละมุนละม่อมไม่กระทบชื่อเสียงวัดหากไม่จำเป็น ขณะนี้ยังเป็นการพูดคุยเพื่อวางกรอบแนวทาง ยังไม่ยืนยันว่าจะดำเนินคดีฉ้อโกงหรือไม่ และยังไม่ตอบว่าเข้าข่ายความผิดหรือพบความผิดปกติอะไรขอทำงานก่อน” รอง ผบช.ก.กล่าว พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวด้วยว่า ประเด็นที่อยู่ระหว่างตรวจสอบรวมถึงเรื่องเงินและที่ดินของวัดกว่า 2,700 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ คณะทำงานยืนยันว่าจะคลี่คลายปัญหาที่คาราคาซังมานานกว่า 30 ปีอย่างโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซงใดๆ การดำเนินงานครั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. รับทราบแล้วและสั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติเรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนสรุปความคืบหน้าคดีหมอบี- วัดพระบาทน้ำพุ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าบางส่วน แต่บางส่วนยังไม่ชัดเจนต้องตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนไม่ชัดเจนเรื่องอะไรนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ขณะนี้สอบพยานไปแล้วประมาณ 10-20 ปาก วัดมีความผิดปกติ แต่เราต้องหาข้อมูล ต้องมองทุกมิติ ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ เรามาคุยแบ่งงานกันในวันนี้ รวมไปถึงเรื่องเส้นทางการเงิน จะทำย้อนหลังไปช่วงก่อนปี 2562 เพราะจะทำให้พยานหลักฐานชัดเจนส่วนคดีปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร แอบเบิกถอนเงินออกจากบัญชีวัด จนเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหารและตัวแทนธนาคาร แจ้งความพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามพบว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี 2558-2567 เงินในบัญชีธนาคารของวัดแต่ละบัญชีเหลือน้อยผิดปกติ ตรวจสอบพบว่า บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ของวัด 7 บัญชี มีการถอนเงินออกไปถึง 240 รายการ รวมเป็นเงิน 320 ล้านบาท ต่อมาธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบผู้นำใบถอนเงินทั้ง 240 รายการ มาถอนเงินจากบัญชีที่ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาต่างๆรวม 6 แห่งคือ นายกฤษณ์ อุรัสยะนันท์ อดีตไวยาวัจกร และนายชัยณรงค์ นพรัตน์ อดีตผู้ช่วยไวยาวัจกร แล้วนำไปฝากเข้าบัญชีส่วนตัวต่อมาวันที่ 16 ส.ค.67 วัดเครือวัลย์ฯส่งตัวแทนรับมอบอำนาจแจ้งความ สน.บางกอกใหญ่ ดำเนินคดีกับนายชัยณรงค์ ข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ปลอมและใช้เอกสารปลอม ออกหมายเรียกมาแจ้งข้อหา หลังจากนั้นวันที่ 11 ต.ค.67 ผู้รับมอบอำนาจวัดเครือวัลย์ฯยังเข้าแจ้งความ กก.1 บก.ป.ดำเนินคดีกับนายกฤษณ์และบุคคลที่เกี่ยวข้องข้อหาเดียวกัน นายกฤษณ์เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ต่อมาวันที่ 25 ก.พ.68 ธนาคารไทยพาณิชย์ ส่งผู้รับมอบอำนาจมาแจ้งความ กก.1 บก.ป.ดำเนินคดีนายกฤษณ์ และนายชัยณรงค์ ข้อหาฉ้อโกง ข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอม พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแล้ว พร้อมส่งสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนอัยการ