“กองปราบปราม” ประชุมวางแนวทางการ สอบสวนดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน รอง ผบก.ป.ยันดำเนินการสืบสวนสอบสวนทุกประเด็น แต่ต้องใช้เวลาเพราะข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินมีจำนวนมาก ขณะที่ “หมอบี” ควงทนายเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมนำเอกสารหลักฐานมามอบให้ด้วย ปิดปากเงียบไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ด้าน “หลวงพ่ออลงกต” เรียก ประชุมเครียดคณะกรรมการวัดและมูลนิธิฯชุดใหญ่ หลังประชุมปัดตอบคำถามนักข่าว ส่วนเลขาฯ เปิดเผยว่า กำลังตั้งทีมทนายใหม่พร้อมเปิดแถลงข่าวชี้แจงทุกประเด็น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าวันไหน ส่วนไวยาวัจกร วัดพระบาทน้ำพุโต้เดือด ยันไม่เคยถือครองที่ดินแทนวัด ท้าไปตรวจสอบได้ที่กรมที่ดิน “สภาทนายความ” ยันไม่ตั้งทนายช่วยคดีเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ชี้ ไม่ใช่คดีเพื่อประโยชน์สาธารณะกรณีมีผู้ร้องเรียนกองบังคับการตำรวจปรามปราบ (บก.ป.) ให้ตรวจสอบนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ หมอดูชื่อดัง หลังประกาศรับบริจาคเงินเข้าวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี สงสัยว่าเหตุใดให้โอนเข้าบัญชีส่วนบุคคล ไม่ได้เข้าบัญชีวัด บานปลายถึงการตรวจสอบทรัพย์สินและเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุทั้งหมดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 ส.ค. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เปิดเผยความคืบหน้าหลังการประชุมคณะทำงานคดีระหว่าง “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ และวัดพระบาทน้ำพุ” ว่า วันนี้ที่ประชุมกำหนดกรอบแนวทางให้ดำเนินการสอบสวนคดีดังกล่าว ในส่วน บก.ป.จะมุ่งเน้นคดีระหว่างหมอบีและวัดพระบาทน้ำพุเป็นหลัก แต่เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก ต้องวางแนวทางเพื่อไล่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทั้งจากพยานหลักฐานและตามสื่อมวลชน เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของบัญชีธนาคารของนายเสกสันน์ ที่เปิดให้วัดพระบาทน้ำพุ ตรวจสอบย้อนหลังพบตั้งแต่ปี 2562 เป็นอย่างน้อยประมาณ 6 ปี ต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบอย่างรอบคอบและชัดเจน เพราะมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก“คดีนี้สำคัญเพราะส่งผลกับความรู้สึกของประชาชนผู้บริจาคเงิน เกรงว่าเงินที่บริจาคอาจไม่ตรงวัตถุประสงค์ จากพยานหลักฐานที่ตำรวจมีเบื้องต้นทำให้ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้วัดพระบาทน้ำพุหรือหลวงพ่ออลงกตมาแจ้งความร้องทุกข์ เพราะมีพฤติการณ์ที่แน่ชัดว่าจะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อหาได้เอง ในที่ประชุมยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินจากบรรดาประชาชนที่โอนบัญชีบริจาคให้วัดโดยตรงและบริจาคผ่านบัญชีนายเสกสันน์ อาจต้องใช้เวลาสักระยะเช่นกัน” รอง ผบก.ป.กล่าวผู้สื่อข่าวสอบถามว่า คาดว่าจะออกหมายภายในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องทำงานตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบก่อน ส่วนวันนี้ที่นายเสกสันน์เดินทางมาที่ บก.ป. เป็นการเดินทางมาตามนัดหมายของตำรวจฝ่ายสืบสวนกองปราบปราม เพื่อนำพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องในคดีมาพูดคุย ที่ผ่านมาหมอบีให้ข้อมูลตำรวจในระดับหนึ่ง ซึ่งตำรวจก็รับฟัง แต่จะเชื่อหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานด้วย ส่วนประเด็นทรัพย์สินวัดที่ตอนนี้ถูกเปิดเผยว่า ให้บุคคลอื่นมาถือครองแทน บก.ป.จะรับเรื่องดังกล่าวมาตรวจสอบด้วย บูรณาการกับหลายหน่วยงาน ส่วน บช.ก.เอง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ลงมาพูดคุยกับคณะพนักงานสอบสวนแล้วพ.ต.อ.เอนกเผยต่อว่า โดยหลักแล้วเงินที่ได้มาจากการทำบุญของประชาชน เมื่อนำไปซื้อทรัพย์สินของวัดชื่อเจ้าของต้องเป็นของวัด หากใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของต้องย้อนกลับไปว่า มีเจตนาส่อทุจริตหรือไม่ หากมีเจตนาส่อทุจริตย่อมถือว่าเป็นการกระทำความผิดสำเร็จแล้ว เช่นเดียวกับกรณีนายเสกสันน์อ้างว่า นำเงินไปซื้อรถให้วัด แต่ภายหลังอ้างว่าขอยืมมาขับและใช้ชื่อบุคคลอื่น อย่างนี้ต้องตรวจสอบต่อว่าเมื่อซื้อรถให้วัดต้องใช้ชื่อวัด แต่ถ้าใช้ชื่อบุคคลอื่น นั่นส่อทุจริตเช่นเดียวกัน การที่บอกว่ายืมแป๊บเดียวแล้วถึงจะโอนคืน มองว่าเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กรณีวัดพระบาทน้ำพุเคยเปิดโครงการรับบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือในนามมูลนิธิ แต่ภายหลังออกใบอนุโมทนาบัตรให้ผู้บริจาค เป็นเรื่องการบริจาคสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ เรื่องนี้ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่า การที่ออกใบอนุโมทนาบัตรไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคเข้าข่ายเป็นการทุจริตหรือไม่ และต้องดูว่าทำไปทำไม มีสาเหตุเพราะอะไร ส่วนที่สังคมกังวลว่า ระหว่างนี้อาจเกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ยืนยันไม่ต้องกังวลเพราะการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินย่อมปรากฏร่องรอย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหลักฐานคดีนี้ไปถึงขั้นการแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน หรืออาจถึงขั้นข้อหาเจ้าพนักงานกระทำการทุจริตประพฤติมิชอบหรือยักยอกทรัพย์ ข้อหาเหล่านี้เป็นมูลฐานความผิดฟอกเงิน ใครรับโอนทรัพย์สินไป ย่อมมีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินต่อมาเวลา 16.00 น. นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี พร้อมทนายความเดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. หลังเข้าให้ข้อมูลพร้อมนำเอกสารมาพบพนักงานสอบสวนไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ทันทีที่มาถึงเจ้าหน้าที่พานายเสกสันน์และทนายความขึ้นไปสอบปากคำ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อมูลแต่เจ้าตัวไม่ตอบ ขณะที่ทนายความระบุว่า วันนี้ลูกความมายื่นเอกสารพร้อมให้ข้อมูลทางคดีเพิ่มเติมที่สำนักโฆษกและประชาสัมพันธ์สภาทนายความ เผยแพร่ประกาศสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ว่า สภาทนายความขอเรียนชี้แจงว่า ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายกับหลวงพ่ออลงกต (พระอลงกต ติกขปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้ เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์การขอความช่วยเหลือ ทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติทนายความ 2528 ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติดังกล่าวระบุว่า การขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจะต้องเป็นไปเพื่อผู้ยากไร้ และไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น กรณีวัดพระบาทน้ำพุไม่ถือเป็นคดีที่เข้าข่ายเงื่อนไขดังกล่าว และไม่ใช่คดีเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ อีกทั้งการถอนตัวของทนายเกิดผล แก้วเกิด เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความแต่อย่างใดที่ห้องประชุมวัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี เวลา 09.00 น. พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมด้วยพระครูสุวัฒน์กิตติสาร เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด นายสมพร โสมะเค็ง ไวยาวัจกรวัดพระบาท น้ำพุ นายบรรเจต เทพพำนัก หรือเลขาฯปู คณะกรรมการ วัดพระบาทน้ำพุ และคณะกรรมการมูลนิธิของวัดพระบาทน้ำพุกว่า 20 คน ร่วมประชุมหารือประเด็นข้อสงสัยของประชาชน พร้อมเอกสารต่างๆจำนวนหนึ่ง บรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ให้ผู้สื่อข่าวร่วมฟังการประชุม ต่อมาเวลา 11.20 น. การประชุมเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวตรงไปสัมภาษณ์หลวงพ่ออลงกตประเด็นที่ดินวัด ที่มีผู้อื่นถือครอง แต่หลวงพ่ออลงกตไม่ตอบเดินขึ้นรถกอล์ฟพร้อมถอนหายใจออกไปผู้สื่อข่าวหันไปถามนายบรรเจต เทพพำนัก หรือเลขาฯปู กรณีการถอนตัวของทนายเกิดผลและการถือครองที่ดิน นายบรรเจตตอบว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างเป็นมติกรรมการ รวมทั้งผลการประชุมครั้งนี้ต้องรอการชี้แจงจากคณะกรรมการ ส่วนเรื่องฝ่ายกฎหมายของวัดที่จะมาแทนนายเกิดผล แก้วเกิด กำลังรอการแต่งตั้งอยู่ ส่วนเรื่องที่ น.ส.วรสุดาถือครองที่ดินของวัดนั้น นายบรรเจตรู้จักหรือไม่ อีกทั้งเป็นหลานหลวงพ่ออลงกตหรือเปล่า นายบรรเจตยืนยันหนักแน่นว่า ตนเองรู้จัก แต่ไม่ใช่หลานหลวงพ่อ ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ เลขาฯหลวงพ่ออลงกตตอบว่า ต้องไปถามตัวต้นเรื่องเอาเอง ก่อนขอตัวเดินจากไปช่วงบ่ายนายสมพร โสมะเค็ง ไวยาวัจกรวัดพระบาทน้ำพุ ให้สัมภาษณ์สื่อถึงความคืบหน้าการประชุมว่า คณะกรรมการมีมติร่วมกัน และประสานคณะทีมกฎหมายเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ทางวัด รวมทั้งแถลงข่าวเร็วๆนี้ ข้อมูลที่จะแถลงชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ตนไม่กังวลใจอะไร รอฟังการแถลงข่าวพร้อมกันดีกว่า ตอนนี้คณะทำงานรวบรวมข้อมูลแล้ว ส่วนที่มีข่าวทางสื่อและเพจว่าตนมีชื่อเป็นผู้ครองที่ดินกว่า 2 พันไร่นั้น เป็นเพจที่เขาทำข้อมูลลอยๆขึ้นมา ตนไม่เคยถือครองที่ดินเลย ไปค้นจากสำนักงานที่ดินก็ได้ ถ้าเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหาย ทีมกฎหมายจะเข้ามาดูแลทั้งหมด ขอให้รอความคืบหน้าตรงนั้นดีกว่าอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่