ศบ.ทก.แถลงประท้วงกัมพูชาเป็นครั้งที่ 3 พร้อมประณามอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดการกระทำที่ละเมิด กฎหมายระหว่างประเทศ หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดระหว่างลาดตระเวนเส้นทางช่วงรอยต่อ “โดนเอาว์- กฤษณา” บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หนึ่ง ในนั้นข้อเท้าซ้ายขาดต้องนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งมารักษาที่ รพ.ทหาร ใน จ.อุบลฯ ด้าน “ภูมิธรรม” นำคณะไป จ.สุรินทร์ ประชุม ผวจ.4 จังหวัดอีสานใต้ เตรียมส่งประชาชนกลับบ้าน-ปิดศูนย์อพยพ มอบ 4 ข้อ ช่วยเหลือครอบคลุมทั้งดูแลสุขภาพกาย-ฟื้นฟูจิตใจ-ซ่อมแซมอุปกรณ์ พร้อมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน ช่วง “ก.ค.-ส.ค.” ชง ครม. จ่ายค่าตอบแทน ชรบ.วงเงิน 117 ล้านบาทแม้ไทยกับกัมพูชาได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในการประชุมเจบีซี ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ทำท่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ล่าสุดกลับเกิดเหตุสลดเมื่อทหารไทยต้องเสียขาไปอีก 1 นาย จากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ส.ค. กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่าขณะที่หมวดป้องกันที่ 2 ร้อย ร.111 จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนวางแนวลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ติดภูมะเขือ เพื่อป้องกันการลุกล้ำอธิปไตยของฝ่ายตรงข้าม ระหว่างปฏิบัติภารกิจนำโดยจ่าสิบเอกธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน (ผบ.หมู่ ปก.) พร้อมด้วยกำลังพลอีก 2 นาย เกิดเหตุเหยียบกับระเบิดไม่ทราบชนิด ส่งผลให้กำลังพลทั้ง 3 นายได้รับบาดเจ็บ คือ จ่าสิบเอกธานี พาหา ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด พลทหารภาคภูมิ ไชยสุระ บาดเจ็บที่แขนและด้านหลัง และพลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ ได้รับแรงอัดจากระเบิดและเจ็บบริเวณแก้วหู หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารเสนารักษ์ในพื้นที่ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่โดยเร่งด่วน พร้อมส่งต่อไปรับการรักษา และได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณแนวหน้าทันทีส่งขึ้น ฮ.มารักษาด่วนที่อุบลฯต่อมามีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารลำเลียงตัว จ.ส.อ.ธานี พาหา เหยียบกับระเบิดมาทางเฮลิคอปเตอร์ เพื่อส่งให้แพทย์ประจำ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ทำการรักษาต่อจากโรงพยาบาลอำเภอกันทรลักษ์ นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลยังส่งรถนำตัวพลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ที่ได้รับบาดเจ็บที่แขนและด้านหลัง พลทหารธนันชัย ไกรวงค์ โดนแรงอัดและเจ็บแก้วหู มาที่ รพ.เช่นกัน เบื้องต้นได้รับการรักษาจนพ้นขีดอันตราย แต่ยังต้องนอนพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อดูอาการเจ็บป่วยต่อไปทบ.กร้าวกัมพูชาใช้อาวุธซ่อนรูปจากนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลในพื้นที่ และนำส่งโรงพยาบาลทหารภาคสนามทันที โดยได้ส่งต่อจ่าสิบเอก ธานี พาหา ไปยัง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สังคมภายในประเทศและในสังคมโลกทั่วไป เข้าใจได้ว่าการใช้อาวุธต่อกันยังคงมีอยู่ เป็นลักษณะของการพยายามจะใช้อาวุธต่อกันในแบบซ่อนรูปสิ่งนี้อาจเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการดำเนินการในมาตรการหยุดยิง และการแก้ไขปัญหาในแบบสันติวิธี รวมถึงแสดงว่าที่ผ่านมากัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มในการใช้อาวุธก่อนมาตลอด ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์เก็บกู้ 18 ทุ่นระเบิดที่ภูมะเขือพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.หน่วยทหารช่างได้เข้าดำเนินการทำพื้นที่ให้ปลอดภัยและเสริมความมั่นคงในบริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เคยเป็นที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชา จากการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น แบ่งเป็น 16 ทุ่น บรรจุอยู่ในกระสอบ ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด จำนวน 2 ทุ่น วางแบบเร่งด่วนโดยไม่ฝังกลบบริเวณรอบบ่อน้ำ อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด หน่วยทหารช่างได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้ง 18 ทุ่นเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด และลูกจรวด RPG จำนวนมาก จากหลักฐานดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างชัดเจนแจงเหตุคุมตัว 18 เชลยกัมพูชาผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.ต.วินธัย ยังโพสต์ข้อความถึงกรณีที่ พล.อรัด ดารารัด รมช.กลาโหมกัมพูชา ได้พบนายลอยด์ กิลเลตต์ ผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และฝ่ายกัมพูชา กล่าวอ้างไทยควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย อย่างผิดกฎหมายหลังข้อตกลงหยุดยิง รวมถึงพลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงข่าวให้ไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกควบคุมตัวว่า การควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้โพสต์บิดเบือน การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้จนกว่าสถานการณ์การหยุดยิงจะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก เพื่อทั้งหมดจะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล“ภูมิธรรม” นำคณะมาสุรินทร์ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ช่วงสายวันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์อพยพพร้อมส่งกลับบ้าน และมอบถุงยังชีพเป็นกำลังใจ โดยนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า เดิมจะลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แต่เปลี่ยนมาเป็น จ.สุรินทร์ เพราะที่ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยกลับบ้านได้แล้ว จึงไปที่ จ.สุรินทร์ เพราะยังมีประชาชนที่ยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์มาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดใน 4 จังหวัดอีสานใต้ ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพื่อวางแผนส่งผู้อพยพกลับ และทยอยปิดศูนย์อพยพในวันที่ 10 ส.ค. โดยมอบหมายให้จังหวัดจัดหารถนำส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ยกเว้นบ้านที่เสียหายเข้าอยู่ไม่ได้จะหามาตรการช่วยเหลือต่อไปเชื่อมั่นทหารไทยมีวินัยนายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อมูลอ้างว่าทหารไทยใช้หนังสติ๊กยิงยั่วยุทหารกัมพูชา อาจนำไปสู่การใช้อาวุธหนักในการตอบโต้จนอาจจะกลายเป็นสงครามใหญ่อีกครั้งว่า วันนี้เราขอให้มีความจริงจังจริงใจในการแก้ปัญหา เรื่องนี้เราไม่ทราบจริงหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องไปตรวจสอบคนของตัวเอง หากอะไรที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อกัน หรือเป็นเงื่อนไขก็ไม่ควรทำ แต่เราเข้มงวดคนของเราอยู่แล้ว เชื่อว่าคนของเรามีวินัย โดยผู้บังคับบัญชาจะไปดูข้อเท็จจริง และพูดคุยกันได้น่าจะไม่มีปัญหาจ่องดเก็บค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือนต่อมานายภูมิธรรมและคณะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ เป็นจุดแรก มีนายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ นำคณะรอต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างช้าวันที่ 10 ส.ค. จะได้กลับบ้านทุกคน พร้อมประสานกองทัพ แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะนี้ส่วนท้องถิ่นลงไปดูสำรวจพื้นที่บ้านเรือนที่เสียหาย ถ้าเสียหายรุนแรง พยายามหาที่พักให้ก่อน และซ่อมแซม ระดมทหารช่าง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หรืออาชีวะมาช่วย ทั้งนี้รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการมาตรการต่างๆ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้กลับคืนสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้เงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเตรียมพิจารณาลดหรือละเว้นค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 2 เดือน คือเดือน ก.ค.-ส.ค. กำลังให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ไปหาแนวทางดำเนินการอยู่ชง ครม.จ่ายเงิน ชรบ. 117 ล้านนายภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมหลังประชุมร่วม ผวจ. 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อประเมินสถานการณ์ว่า ขณะนี้เราเชื่อมั่นโดยพิจารณากับฝ่ายกองทัพว่าน่าจะปลอดภัย ประชาชนสามารถกลับบ้านได้ ส่วนค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จะนำเข้า ครม.ครั้งหน้าอนุมัติใช้งบประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ชุด ชรบ. 7 จังหวัด ประมาณ 32,740 คน ทำงาน 6 ชั่วโมงขึ้นไปไม่ถึง 12 ชั่วโมง จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงตอบแทนวันละ 120 บาท แต่หากเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป จ่ายให้เป็นวันละ 240 บาท ส่วนเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์หรือโดรนที่จะเพิ่มให้มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น พร้อมอนุมัติให้กองทัพเสริมความเข้มแข็งให้ตามสมควร ทำให้การปกป้องอธิปไตยทำได้ดีขึ้น รักษาชีวิตทหารและประชาชน ครม.ยินดี ทุกคำสั่งการ พร้อมขอสดุดีวีรชนของประเทศ ให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่สั่ง 4 ข้อดูแล ปชช.ชายแดนนายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า อันไหนที่เขาต้องการ เราก็อำนวยความสะดวกให้ วันนี้มีข้อสั่งการ 4 ข้อ อันแรกการอำนวยความสะดวกกลับสู่ที่พักโดยปลอดภัย 2.สำรวจเยียวยาในการที่จะดูแลแก้ไขปัญหา 3.เรื่องของสุขภาพ การฟื้นฟูทางจิตใจ เรื่องของการดูแลสุขภาพที่อยู่อาศัยของเขา 4.เรื่องของการซ่อมสิ่งต่างๆ ได้มีการประสานกำลังกับกองอาชีวะหรือวิทยาลัยเทคนิคต่างๆในแต่ละพื้นที่ ได้เพิ่มงบฯให้แล้ว จาก 20 ล้านบาท เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท หลังจากนี้ต่อไปก็นำไปซ่อมแซมให้เขาได้อยู่เป็นปกติ เรื่องชีวิตและทรัพย์สิน ปรับขึ้นเป็น 10 ล้านบาท พลเรือน8ล้านบาท ในการเสียชีวิตและทุพพลภาพ นอกนั้นลดหลั่นกันไป เพื่อจะได้เป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวที่เขาสูญเสียดูความเสียหาย รพ.พนมดงรักจากนั้นนายภูมิธรรมและคณะเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลพนมดงรัก เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.พนมดงรัก ที่ได้รับความเสียหายจากการยิงระเบิดของกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวกับนายมาริษว่า ขอให้เก็บหลักฐานข้อมูลให้หมด เป็นการยิงแบบไม่ล็อกเป้าหมายทางทหาร อันนี้ยิงมั่วซั่ว ยิงโรงพยาบาล แบบนี้เขาไม่ทำกัน จากนั้นเดินมาดูจุดที่ลูกระเบิดตกหลังหอพักแพทย์-พยาบาล นายอำเภอพนมดงรักยังได้หยิบเศษระเบิด BM-21 ที่ยังหลงเหลือมาให้นายภูมิธรรมดู ผอ.โรงพยาบาลรายงานว่าบุคลากรในโรงพยาบาลไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ เพราะเสียงระเบิด ต้องรับประทานยาถึง 51 คน ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ทิ้งคนไข้ แม้จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ อยู่ดูแลจนกว่าจะส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลที่ปลอดภัย จากนั้นเดินมาดูหลุมหลบภัย พร้อมกล่าวว่า ต้องติดพัดลมไม่อย่างนั้นจะอยู่กันไม่ได้ ขอให้ตรวจให้เรียบร้อยจุดไหนที่ต้องซ่อมแซมขอให้บอกมาเสียใจ 3 ทหารเหยียบทุ่นระเบิดต่อมานายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ถึงเหตุเจ้าหน้าที่ ทหารเหยียบกับระเบิดที่บริเวณรอยต่อช่องโดนเอาว์- กฤษณา จ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลา 10.00 น. ว่า ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้ว เป็นกองร้อย ร.111 เป็นพื้นที่ไม่ใช่ในหมู่บ้าน แต่เป็นพื้นที่ที่มีการดำเนินการเจาะเป็นช่องเพื่อเป็นการป้องกันการหลุดรอดเข้ามา ตนขอแสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บชี้ทำผิดอนุสัญญาออตตาวานายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้เรามีการบันทึกรายละเอียดส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจะนำเข้าสู่อนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีสิ่งเหล่านี้อยู่ เราต้องดำเนินการตรวจและระมัดระวัง เคลียร์พื้นที่อื่นตามไป จ.สุรินทร์ มีการเคลียร์พื้นที่ไปแล้วกว่า 400 ลูก อยากให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องกับการปะทะที่รุนแรงและมีการวางกับระเบิด ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องที่นำไปพูดคุยในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) รวมถึงการกู้ทุ่นระเบิด อันเป็นหนึ่งในสองเงื่อนไขที่กัมพูชาไม่รับด้วยกต.รวมหลักฐานฟ้องคนสั่งฝั่งกัมพูชาด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการฟ้องผู้สั่งการฝ่ายกัมพูชา ต่อองค์กรระหว่างประเทศและภายในประเทศว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ตนลงพื้นที่ร่วมกับนายภูมิธรรมที่ จ.สุรินทร์ เพื่อรวบรวมหลักฐาน ขณะที่การฟ้องร้องภายในประเทศจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายในประเทศ ส่วนการฟ้องร้องต่อองค์กรระหว่างประเทศอยู่ระหว่างการศึกษาเคสต่างๆ เนื่องจากมีหลายเคสที่มีการฟ้องร้องในลักษณะเดียวกัน และมีหลายระดับและมีขั้นตอนอีกมาก แม้เราจะมีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว แต่ยังมีกรอบที่องค์กรระหว่างประเทศที่เขาจะใช้ประกอบการพิจารณาคดีประเภทอาชญากรรมสงคราม (Criminal of War) ต้องรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด แต่ละคดีมีความใกล้เคียงหรือแตกต่างกัน ดังนั้นเราต้องดูให้ดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นเคสของประเทศใดบ้าง เนื่องจากจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศICRC จ่อลง 3 จว.อีสานใต้นายมาริษกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานงานในการเตรียมการนำคณะผู้แทนกาชาดสากล หรือ ICRC ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ระหว่าง 11-14 ส.ค.นี้ เพื่อเยี่ยมและสัมภาษณ์ประชาชนไทย รวมถึงสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีพื้นที่เป้าหมายที่เป็นพลเรือนของกัมพูชาประท้วงกัมพูชาครั้งที่ 3 ใช้ทุ่นระเบิดในช่วงบ่าย ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการประท้วงต่อเหตุการณ์ ครั้งที่ 3 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ความว่า ตามที่เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 111 รวม 3 นาย ทำการลาดตระเวนในดินแดนของไทยในพื้นที่บริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเรียบร้อยแล้ว ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หลักฐานทุ่นระเบิดที่พบสอดคล้องกับผลการตรวจสอบการพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกองทัพบกก่อนหน้านี้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ดังนั้น การวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่นี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และนับเป็นครั้งที่ 3 ที่กองกำลังไทยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้กต.ประณามกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทยต่อมาเวลา 16.00 น. กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประท้วงต่อเหตุการณ์ ครั้งที่ 3 หลังมีกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 111 รวม 3 นายประสบเหตุ เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หลักฐานทุ่นระเบิดที่พบสอดคล้องกับผลการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดที่วางใหม่ก่อนหน้านี้ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และนับเป็นครั้งที่ 3 ที่กองกำลังไทยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน อยู่ระหว่างการมีหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา และประธานอนุสัญญาฯ การกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อมาตรการหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ วันที่ 7 ส.ค.ที่ประเทศมาเลเซีย ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาหยุดการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯโดยทันที และให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี และตามที่ฝ่ายไทยเสนอต่อที่ประชุม GBC ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ตอบสนองจับครอบครัวกัมพูชาลอบเข้าไทยส่วนบรรยากาศที่ด่านชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังการประชุม จีบีซี ที่ประกาศหยุดยิง ทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนคลายความกังวลลงมาก ซึ่งตลอดวันที่ 9 ส.ค. พบว่าเริ่มมีความเคลื่อนไหวของแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากที่เคยทำงานในไทยแล้วเดินทางกลับประเทศช่วงเกิดสถานการณ์ชายแดน เตรียมลักลอบกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยอีกครั้ง มีรายงานว่าเมื่อเย็นวันที่ 8 ส.ค. ตม.สระแก้ว ร่วมกับ ฉก.อรัญประเทศ กกล. บูรพา และ ชค.ทพ.12 จับกุมชาวกัมพูชา 12 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 4 คน พร้อมเด็กเล็กอีก 5 คน ขณะกำลังเดินลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนช่องธรรมชาติจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในไทย บริเวณสวนปาล์ม พื้นที่บ้านผ่านศึก ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ ตรวจสอบไม่พบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทยถูกหลอกให้กลับแต่ไร้งานทำเบื้องต้นชาวกัมพูชาทั้ง 12 คน รับว่าเคยทำงานและค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ และเดินทางกลับกัมพูชาหลังเกิดสถานการณ์สู้รบชายแดน ตามที่รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่ทำงานในไทยกลับประเทศ อ้างว่าจะมีงานให้ทำ แต่เมื่ออยู่มาเดือนกว่าแล้ว กลับไม่มีงานให้ทำ รายได้ ไม่มี อยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ ตัดสินใจกลับมาทำงานฝั่งไทยอีกครั้ง แต่ด่านพรมแดนยังไม่เปิด ต้องลักลอบข้ามแดนช่องธรรมชาติ โดยติดต่อนายหน้าชาวกัมพูชาลักลอบพาข้ามแดน แต่ต้องเสียเงินคนละ 3,500 บาท แต่สุดท้ายโดนเพื่อนร่วมชาติหลอกนำมาปล่อยทิ้งไว้ริมชายแดนบริเวณช่องธรรมชาติ ให้เดินเข้าไทยเอง จนมาถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมตัวได้ และส่งทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีต่อไปหลวงปู่ศิลามอบผ้ายันต์ให้ทหารที่วัดสวนธรรมปิติ (ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท) บ้านแกเปะ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ช่วงสายวันที่ 9 ส.ค. พระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน เป็นประธานอุปถัมภ์ฝ่ายสงฆ์ ในพิธีทอดผ้าป่าต้นไม้ มี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานอุปถัมภ์ฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย พล.ต.กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 เป็นประธานกรรมการดำเนินงาน โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีอย่างคับคั่ง ขณะเดียวกัน กลุ่มแฟนคลับของแม่ทัพภาคที่ 2 มารอขอถ่ายรูปเซลฟี่เป็นจำนวนมาก ภายในพิธี หลวงปู่ศิลา สิริจันโท ยังได้เมตตาอธิษฐานจิต ปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นพหูรมาน ผ้ายันต์ ฝ้ายผูกแขน เพื่อมอบให้แม่ทัพภาคที่ 2 นำกลับไปมอบให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยมาอย่างเข้มแข็งตลอด 24 ชั่วโมง โดย พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาทหารไทยได้บารมีขององค์หลวงปู่เป็นขวัญและกำลังใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะวัตถุมงคล ที่หลวงปู่เมตตาให้จัดสร้างด้วยความบริสุทธิ์ใจ วันนี้หลวงปู่ยังมีเมตตาปลุกเสกผ้ายันต์เพิ่มอีก เพราะว่าไม่เพียงพอ มีแต่คนอยากได้ทัพดาราปลอบขวัญทหารเจ็บด้านนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผจก.ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วยนายเอกพันบรรลือฤทธิ์ หน.อาสาสมัครฯ นายปฏิญญา วิบูลย์นันท์ รอง หน.อาสาสมัครเขต บก.น.ใต้ น้องทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ ดารา-ประชาสัมพันธ์ และอั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ นักแสดงคนดัง เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือแก่ ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร สังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 2 กับ ส.อ.สุทธิชัย เรื่อเรือง สังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า โดยมี พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ให้การต้อนรับและพาเข้าเยี่ยมอาการของทหารทั้ง 2 นาย“หลวงพ่อวราห์” มอบวัตถุมงคลส่วนในช่วงเย็น ที่วัดโพธิ์ทอง บางมด ถนนพระราม 2 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. บุ๋ม- ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก.เข้าพบหลวงพ่อวราห์ หรือพระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์รุ่นบูชาครู 2,000 ผืน และเหรียญครุฑรุ่นเฉพาะกิจ 2,000 เหรียญ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญและให้กำลังใจทหารแนวหน้า พร้อมของอุปโภคและบริโภคเต็ม 1 รถบรรทุก 6 ล้อ ที่จะไปพร้อมกับขบวนรถมูลนิธิทำดีบุ๋ม—ปนัดดา ด้วยประณามกัมพูชาทำทหารไทยเจ็บอีกบุ๋ม—ปนัดดา ยังให้สัมภาษณ์ประเด็นทหารกองร้อยราบที่ 111 เหยียบทุ่นระเบิดด้วยว่า ขอประณามการกระทำอย่างร้ายแรง ที่กัมพูชาทำผิดอย่างร้ายแรงต่อกรณีทหารเหยียบกับระเบิด ยืนยันกัมพูชาวางระเบิดในผืนแผ่นดินไทย เพราะได้ตรวจสอบพิกัดพื้นที่เรียบร้อยแล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ต้องประณามเพราะทำให้ทหารไทยสูญเสียอวัยวะ ทั้งที่มีการประชุมการเจรจากันแล้วว่าให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ลำดับต่อไปต้องจัดการพื้นที่ให้มีความปลอดภัย แต่เมื่อทหารไทยเดินเข้าไปในพื้นที่ตัวเอง กลับกลายเป็นเจอกับระเบิด และยังเจอระเบิดอีกจำนวนมากในหลายๆ พื้นที่ หลังจากนี้จะพยายามค้นหาทุ่นระเบิดให้ได้มากที่สุด ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องศาลโลก ยืนยันว่าทหารจะไม่ถอย แต่ในส่วนของพี่น้องประชาชน วันนี้มีการกลับบ้านกันแล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วง ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนฟังประกาศจากทางการด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนชี้กัมพูชางอแงยิงหนังสติ๊กมาก่อนส่วนประเด็นดราม่าหนังสติ๊ก ทหารในพื้นที่ได้รายงานข้อเท็จจริงมาแล้วตั้งแต่วันที่มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้น ทหารกัมพูชาได้ใช้หนังสติ๊กยิงเข้ามาฝั่งไทย ทำให้ทหารไทยไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ยืนยันว่าฝั่งกัมพูชาเริ่มก่อน แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเพราะทหารกัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน มีภาพในโซเชียลที่มีการประดิษฐ์หนังสติ๊ก ภาพในโซเชียลยืนยันได้ว่าใครเริ่มก่อน ฉะนั้น กัมพูชาอย่างอแงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่