ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ประชาชนต้องรัดเข็มขัดทุกบาททุกสตางค์ แต่ภาพสะท้อนจาก “งบประมาณแผ่นดิน” ที่ถูกใช้ไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ กลับเป็นเหมือนการตอกย้ำ ความรู้สึกของผู้คนว่า...“เงินภาษีของฉันไปไหน?”ปัญหาการก่อสร้างอาคารราชการที่ค้างคา ทิ้งร้าง กลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่ต่างจากอนุสาวรีย์แห่งความไร้ประสิทธิภาพที่ผุดขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ “รัฐบาล” จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาหมักหมมที่เกิดขึ้นนี้อย่างจริงๆจังๆประเด็นสำคัญมีว่า...ปัญหาอาคารราชการที่ถูกทิ้งร้าง สร้างไม่เสร็จ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ หากแต่เป็นบาดแผลเรื้อรังที่กัดกินงบประมาณของชาติมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ราชการที่ร้างผู้คน โรงพยาบาลที่ไร้ผู้ป่วย โรงเรียนที่ไม่มีนักเรียน หรือแม้กระทั่งโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่หยุดชะงักกลางคันเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความผิดพลาดในการวางแผน การบริหารจัดการ และที่สำคัญคือ การใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลืองและขาดความรับผิดชอบ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บอกว่า ปัญหาการใช้งบประมาณแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพมีให้เห็นมากมาย เฉพาะที่ตำตาประชาชนและมีเรื่องร้องเรียนในแต่ละวันนั่นคืออาคารราชการทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จที่กระจัดกระจายทั่วประเทศปัจจุบันไม่พบแหล่งข้อมูลที่ระบุได้ว่า “ทั่วประเทศ” มี “อาคารทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จ” ตั้งอยู่ที่ไหน คิดเป็นจำนวนและมูลค่าเท่าไหร่ ใครเป็นเจ้าของข้อมูลที่พบมีเพียงตัวเลขบางส่วนจากการสำรวจโดยสำนักผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งผู้บริหาร ป.ป.ช.เคยระบุว่า จังหวัดเล็กๆอย่าง “ตรัง” มีอาคารทิ้งร้างคิดเป็นมูลค่า 2.8 พันล้านบาท (5 ก.พ.2568)โดยตัวอาคารมูลค่าสูงสุด 400 กว่าล้านบาท หากใช้ตัวเลขเพียงครึ่งเดียวของจังหวัดตรังคือ 1.4 พันล้านบาท คูณด้วย 76 จังหวัด ตัวเลขที่ได้จะประมาณ 1 แสนล้านบาท นี่คือที่มาของสมมติฐานตัวเลขความสูญเสียงบประมาณจากปัญหาอาคารราชการทิ้งร้างทั่วประเทศ“อาจมีคนเห็นแย้งว่า...ทั่วประเทศต้องมีอาคารใหญ่ระดับพันล้านจำนวนมากที่สร้างไม่เสร็จ วงเงินรวมจึงจะแตะระดับแสนล้านบาทได้ แต่ต้องไม่ลืมว่ามีความเสียหายที่กระจายซ่อนอยู่ในทุกจังหวัดและหลุดสำรวจ โดยเฉพาะโครงการทิ้งร้างทั้งใหญ่และเล็กจำนวนมากที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างเอง” นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่หน่วยงานจากส่วนกลาง รวมทั้งหน่วยทหารสร้างแล้วยกให้ อปท.หรือโรงเรียนต่างๆรับไปดูแล เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สนามกีฬา ศูนย์ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้ โรงผลิตน้ำดื่ม ฯลฯถึงตรงนี้ก็มีคำถามสำคัญตามมาอีกว่า...กรณีอาคาร กสทช. มูลค่า 2.64 พันล้านบาท แม้ปล่อยทิ้งมาหลายปีแล้ว แต่อีก 2-5 ปีข้างหน้า เมื่อเคลียร์ปัญหาฟ้องร้องกับผู้รับเหมาเดิม จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมแล้วเริ่มต้นประมูลหาผู้รับเหมารายใหม่ทำงานต่อให้เสร็จ อย่างนี้ควรนับรวมในตัวเลขแสนล้านนี้ด้วยหรือไม่?ไม่เพียงเท่านั้น ข้อมูลที่ ดร.มานะ ได้รับฟังจากผู้นำชุมชนในพื้นที่และผู้บริหาร ป.ป.ช. ทำให้ทราบว่า...ปัญหาเช่นนี้พบมากใน 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ดังที่ทราบว่า...ที่สงขลาก็มีพิพิธภัณฑ์หอยสังข์มูลค่า 1.4 พันล้านบาท เพราะมีงบความมั่นคง งบอัดฉีดจากหน่วยต่างๆจำนวนมาก“การจัดซื้อจัดจ้างมักใช้วิธีพิเศษ ยังไม่รวมถึง กทม.ที่พบปัญหาเช่นกัน”น่าสนใจว่า..ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งอาคารสำนักงาน สตง.ที่ก่อสร้างค้างคาอยู่นับ 10 จังหวัด ประเด็นสำคัญคือ...การที่ไม่มีใครรู้ตัวเลขความเสียหายที่แท้จริง ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญจาก...“หน่วยงานที่ไปลงทุนก่อสร้าง” ไม่รับรู้ว่าอาคารถูกทิ้งร้างหรือใช้งานต่อ เพราะได้โอนไปให้หน่วยงานอื่นแล้ว ขณะที่ “หน่วยงานรับมอบอาคารสิ่งปลูกสร้าง” ก็ไม่เอาเป็นภาระหรือไม่รู้จะจัดการอย่างไร ที่แย่กว่านั้นก็คือไม่เคยมีกฎระเบียบหรือมาตรการให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยกำกับดูแลต้องเก็บรวบรวมข้อมูลดังนั้น...ทางออกของวันนี้จึงต้องมีหน่วยที่มีศักยภาพและเป็นกลาง รับเป็นเจ้าภาพลงสำรวจพื้นที่ บันทึกจำนวน ที่ตั้ง สภาพปัจจุบันและมูลค่าที่แท้จริง เก็บข้อมูลอาคารสร้างไม่เสร็จนานเกิน 3-5 ปี ส่วนอาคารทิ้งร้างต้องระบุชื่อองค์กรเจ้าของเงินลงทุนและองค์กรเจ้าของปัจจุบัน...แล้วนำเรื่องสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ร่วมกันด้วยความรับผิดชอบและเปิดเผยต่อประชาชน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากกลไกรัฐผู้มีอำนาจหลายฝ่าย เช่น สำนักงบประมาณ กมธ. พิจารณางบประมาณฯ รัฐสภา รัฐบาล ฯลฯ“เลิก–รื้อ–รัดกุม” คือแนวทางการป้องกันปัญหาระยะยาว เลิก..ค่านิยมแบบส่วนกลางลงทุนก่อสร้างแล้วยกให้หน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบโดยที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจว่าต้องการหรือไม่ พูดให้ชัดก็คือ ถ้าอยากเห็นท้องถิ่นพัฒนา รัฐบาลต้องกระจายงบกระจายอำนาจให้คนในพื้นที่ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจรื้อ...แบบแผนการอนุมัติโครงการก่อสร้าง การจัดทำและอนุมัติงบประมาณ การกำหนดราคากลางเพื่อการจัดซื้อฯที่เหมาะสม มีแนวทางจัดหาผู้รับเหมาฯที่มีศักยภาพจริง เป็นต้น ทั้งกรณีที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินนอกงบประมาณหรือรายได้ของหน่วยงานเอง รัดกุม...ในการลงทุนให้มีรูปแบบเหมาะสม เพียงพอ ไม่แข่งกันฟุ่มเฟือย สร้างภาระหนักในการบำรุงรักษา ซึ่งกำลังเป็นค่านิยมใหม่ ในการก่อสร้างอาคารที่ทำการของหน่วยงานรัฐช่วง 10 กว่าปีมานี้ เช่นเดียวกับตึก สตง.ที่ถล่มลงและอีกหลายแห่งที่ใช้งานอยู่หรือกำลังออกแบบก่อสร้างอาคารราชการทิ้งร้างเป็นเพียง...ยอดภูเขาน้ำแข็ง ต้องแก้อย่างมุ่งมั่นและจริงจัง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม