พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหาร ทหารพราน ตชด.ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยชาติ จากสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราช กุมารีฯ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทานโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านกองทัพบกแถลงประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงไม่หยุดหย่อน ล่าสุดยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาเขตไทยอย่างชัดเจน ทั้งคืน 29 ก.ค. ถึงเช้ามืดวันที่ 30 ก.ค. หลายพื้นที่ทั้งช่องคานม้า เขาพระวิหาร ภูมะเขือ ห้วยตามาเรีย ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ ทำให้ไทยจำเป็นใช้สิทธิตอบโต้กลับตามหลักสากล รมช.กลาโหมจ่อเชิญผู้ช่วยทูตทหารดูความเสียหายพลเรือน เก็บหลักฐานรอแฉความกลับกลอกกัมพูชา ขณะที่ที่ประชุมสภากลาโหมมีมติระงับความร่วมมือทางทหารกับกัมพูชา สุดสลดชาวบ้านหนีภัยสู้รบจนเครียดผูกคอตายคาศูนย์พักพิง ส่งศพ “จ่าจุ้ย” วีรบุรุษช่องสายตะกู กลับบ้าน พระราชทานเพลิงศพ “จ่าเจมส์” วีรบุรุษสมรภูมิรบตาควาย สมเกียรติ ชาวไทยแห่สรรเสริญวีรกรรม “หมวดบุ๊ค”นับเป็นประเทศที่มีเล่ห์เหลี่ยมและใบหน้าหนามากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก สำหรับกัมพูชา ที่ได้แหกข้อตกลงละเมิดสัญญาหยุดยิง ซึ่งจัดทำขึ้น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ก.ค. อย่างต่อเนื่องและเปิดศึกยิงไทยก่อนแบบ ไม่สนสี่สนแปดเย้ยข้อตกลง ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้อง ใช้สิทธิตามหลักสากลตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง จนเกิด การปะทะกันอีก ที่บริเวณชายแดนไทย จ.ศรีสะเกษ เมื่อคืนวันที่ 29-30 ก.ค. ท่ามกลางความโมโหและแค้นเคืองของคนไทยที่กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแสวงหาสันติภาพ ทั้งยังเป็นฝ่ายยิงก่อนและยังมีพฤติกรรมสับปลับกะล่อนปลิ้นปล้อนลวงหลอกชาวโลกอย่างน่าละอายเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์เสด็จฯเยี่ยมศูนย์พักพิงเมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 30 ก.ค. สมเด็จพระเจ้า น้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปยัง ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงเยี่ยมประชาชนและหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ผลัดที่ 1 ที่โปรดให้ไปปฏิบัติภารกิจสนับสนุนความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่เจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ ความไม่สงบตามแนวชายแดน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. เป็นต้นมา เพื่อดูแลสุขภาพและเยียวยาความเจ็บป่วยของประชาชนที่ได้รับผลกระทบไปจนกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ โอกาสนี้ พระราชทาน กระเป๋ายาสามัญสำหรับบรรเทาอาการเจ็บป่วยขั้นพื้นฐานแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมมีพระดำรัสสร้างขวัญกำลังใจและความ เชื่อมั่นให้แก่ประชาชน อันแสดงถึงความรักความห่วงใยซึ่งกันและกันของคนในชาติ ยามที่ประเทศเกิดภัยคุกคามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทรงให้กำลังใจผู้ประสบภัยความไม่สงบในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้า จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรี สวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้มีพระดำรัส ว่า คนไทยเราเป็นคนกล้าหาญ เป็นคนอดทน เชื่อว่าไม่แพ้ชาติอื่นแน่ๆ ที่มาคราวนี้ อยากจะบอกให้ทุกคน ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงฝากมาคิดถึงทุกคนด้วยที่นี้ มีของเล็กๆน้อยๆมาฝาก แล้วก็ถ้ามีอะไรที่เหลือบ่า กว่าแรงก็ให้ท่านผู้ว่าฯติดต่อมาได้ เพราะว่าต้องการจะช่วยเหลือประเทศไทย คนไทยด้วยกันขอให้จำไว้ อย่างหนึ่งว่า คนไทยด้วยกันขอให้รักกัน ไม่มีใครอีกแล้ว ที่จะมารักกันเท่าคนไทยด้วยกัน ขออวยพรให้ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งเด็กๆ ณ ที่นี้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง แล้วก็หวังว่าเหตุการณ์ที่ร้ายๆจะผ่านไป และพวกเรา จะได้อยู่กันอย่างสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ทุกคนเข้มแข็งมีกำลังกายกำลังใจกันทุกคนด้วยทบ.ประณามกัมพูชาละเมิดหยุดยิงที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เวลา 09.30 น. วันที่ 30 ก.ค. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อ่านแถลงการณ์กองทัพบก กรณีกองทัพกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ว่า ตามที่รัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชาตกลงร่วมกันประกาศหยุดยิง เพื่อ ยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน กองทัพบกขอยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาตลอด ได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจและ ความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศยิงใส่ไทยก่อนจนปะทะกัน 2 คืนติดพล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า วันที่ 29-30 ก.ค. กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง อีกครั้ง มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.พื้นที่ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 21.30 น. กองทัพ กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้าใส่แนวกำลังฝ่ายไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึงเวลา 22.00 น. จึงยุติ 2.พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงต่อเนื่อง พร้อมกับ ใช้อาวุธยิงสนับสนุนประเภทเครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทย จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามหลักสากลในการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การยิงจากฝ่ายกัมพูชายังคงเกิดขึ้น เป็นระยะจนถึงช่วงเช้า วันที่ 30 ก.ค. และ 3.พื้นที่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ วันที่ 30 ก.ค. เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา เข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างชัดเจนลั่นไทยจำเป็นต้องตอบโต้กลับโฆษกกองทัพบก แถลงต่อว่า การกระทำของ กองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจน เป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับ ผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้ง ให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่ง ความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของ ประชาชนไทยโดยไม่ละเว้นจ่อเชิญผู้ช่วยทูตทหารดูความเสียหายเช้าวันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธาน ประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีฝ่ายไทยเตรียมให้กองทัพบก ประสานผู้ช่วยทูตทหารนานา ประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่ชายแดน ว่าจะพาไปดูความสูญเสียของพลเรือน ที่ได้รับการปฏิบัติ จากฝ่ายทหารกัมพูชา ยังไม่ทราบว่าจะมีประเทศใด บ้างเข้าร่วม ทั้งนี้ พยายามประสานงานกับประเทศมาเลเซียให้มาดูสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย กรณีที่กัมพูชา ละเมิดข้อตกลงเพราะมีการยิงตามแนวชายแดน ต้องมีการประท้วง และสื่อสารให้นานาชาติรับทราบ ย้ำกับกองทัพบกให้สื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โฆษกทุกเหล่าทัพต้องช่วยกัน รวมทั้ง ศบ.ทก.เก็บหลักฐานรอแฉกัมพูชาชั้นไต่สวนพล.อ.ณัฐพลยังกล่าวถึงกรณีกัมพูชาปฏิเสธการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ว่า ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ตลอด เป็นธรรมชาติของกัมพูชา ตนพูดเสมอว่า ถ้าจะปรับให้เป็นเหมือนกัมพูชา ไทยจะเสียเครดิตในเวทีโลก จึงต้องยืนอยู่แบบประเทศผู้เจริญ มีวุฒิภาวะ อย่าไปปรับตัวตามกัมพูชา ขอฝากสื่อมวลชนทำความ เข้าใจกับประชาชน แต่เสียใจ ว่าเวลากัมพูชาพูดอะไร คนไทยมักทะเลาะกันเองหมด กลายเป็นกัมพูชาทำให้ คนไทยทะเลาะกัน ฝ่ายกัมพูชาได้ผล กลายเป็นว่า กัมพูชาทำ IO ประสบความสำเร็จ แต่ไทยจะไปบิดเบือน เช่นนั้นไม่ได้ เราต้องยึดความจริง กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพ รวบรวมข้อมูลไว้ทุกอย่างว่า กัมพูชาบิดเบือนอะไรบ้าง มีภาพและเทคโนโลยีของ Gistda กับภาคเอกชนเป็นภาพถ่ายทางอากาศ แต่จะไม่เปิดเผยช่วงนี้ ปล่อยให้กัมพูชาบิดเบือน เมื่อไป ถึงขั้นการไต่สวน และมีการเผชิญหน้า จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปชี้แจงว่ากัมพูชาบิดเบือนอะไรบ้างยังไม่ยืนยันภาพทหารรับจ้างรัสเซียเมื่อถามถึงกรณีมีภาพอ้างอิงกัมพูชา จ้างทหาร รับจ้างรัสเซียมาร่วมรบ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้ ยังไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่มี การสอบถามถึงที่มาของภาพ ได้ย้ำถึงแนวทางของรัฐบาลหลังจากนี้ว่า กรณีที่มีการละเมิดข้อตกลงจาก ฝ่ายกัมพูชา ส่วนใหญ่จะให้ ศบ.ทก. ติดตามเรื่องนี้ ส่วนสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายเรา เพราะไทยไม่มีเจตนา รุกรานใคร ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมจัดหายุทโธปกรณ์เข้ามาปกป้องอธิปไตยเท่านั้น ไม่ได้มียุทโธปกรณ์เชิงรุก ครั้งนี้สังเกตได้ว่ากัมพูชามียุทโธปกรณ์เชิงรุก ดังนั้นเหตุการณ์จะยุติช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาเป็นหลักร.10 ทรงห่วงใย ทหาร ทหารพราน ตชด.พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การประชุมสภากลาโหมครั้งนี้เป็นนัดแรก หลังเกิดสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เน้นย้ำและสั่งการในที่ประชุมหลายเรื่อง เช่น การเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค.68 เน้นย้ำให้ทุกหน่วยในสังกัดกระทรวงกลาโหมจัดกิจกรรมอย่างสมพระเกียรติ นอกจากนี้ได้ขอบคุณกำลังพลจากทุกเหล่าทัพ รวมถึงทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดนทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ จากสถานการณ์ตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งได้แสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของวีรชนทุกนาย ขอสดุดีทั้งเกียรติคุณของท่านที่ได้อุทิศชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องเอกราชของชาติ ทั้งนี้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยทั้งทหาร ทหารพราน ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทยกัมพูชาขณะนี้ระงับความร่วมมือทางทหารกับกัมพูชาพล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ที่ประชุมยังเน้นย้ำให้เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย การคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าออกหน่วยงานต่างๆ การดูแลรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เน้นย้ำว่าให้ยกระดับขึ้นช่วงนี้ และมอบนโยบายเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ให้ระงับความร่วมมือทางทหารกับกัมพูชา จนกว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะดีขึ้น เนื่องจากยังมีโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษากันอยู่ รวมทั้งได้สั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมโดยเฉพาะสำนักนโยบายและแผน และกรมพระธรรมนูญสนับสนุนความช่วยเหลือด้านกฎหมายให้กับกองบัญชาการกองทัพไทย ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวยันพบโดรนผิดปกติเหนือกองบิน 21ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.พันธ์ภักดีพัฒนกุล ผบ.ทอ. กล่าวถึงกระแสข่าวพบโดรนจำนวนมากพยายามบินเข้ามาในพื้นที่กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี ว่า มีโดรนมาบินใกล้กองบิน 21 จริงและยังมีอีกหลายที่เท่าที่พบอยู่ระหว่างตรวจสอบ กองทัพอากาศมีระบบการตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการโจมตีเข้ามาที่กองบิน 21 ส่วนจะเป็นโดรนสอดแนมหรือไม่ เท่าที่ดูไม่มีกล้องถ่ายและไม่ได้ตั้งติดอะไรเพิ่ม เมื่อถามว่าความเคลื่อนไหวลักษณะนี้ เหมือนต้องการมาป่วนสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดีกล่าวว่า กำลังดูสาเหตุอยู่ เมื่อถามว่ากรณีพบโดรนบินเข้าใกล้กองบิน 21 จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นที่มีการตรวจพบหรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดีกล่าวว่า ที่อื่นก็มี และพื้นที่กรุงเทพฯก็มีโดรนผิดปกติเช่นกัน ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ อาจเป็นโดรนปกติก็ได้ ยืนยันว่ากองทัพอากาศจะดูแลอย่างเต็มที่ไม่ต้องเป็นห่วงกพท.สั่งห้ามบินโดรนทั่วประเทศวันเดียวกัน พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า กพท.ออกประกาศด่วนห้ามทำการบินหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทุกประเภททั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-15 ส.ค.2568 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถดำเนินการสกัดหรือทำลายโดรนได้ทันที หากพบว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง หากพบการใช้โดรนฝ่าฝืนให้แจ้งเบาะแส เช่น วัน เวลา สถานที่ ภาพถ่ายหรือคลิป (ถ้ามี) ผ่านช่องทางดังนี้โทร. 0-2568-8851 หรืออีเมล uas_us@caat.or.th โทร. 0-2126-7846 หรืออีเมล antidrone.police@gmail.com หรือแจ้งตำรวจ หน่วย ทหาร และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ประณาม ปธ.สภากัมพูชาบิดความจริงที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ในฐานะประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา (IPU) แถลงตอบโต้ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาว่า รู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างยิ่งที่ได้รับทราบว่า ระหว่างการประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา (IPU) ณ นครเจนีวา ไทยถูกกล่าวหาจากประธานสภาฯกัมพูชาในที่ประชุมดังกล่าว โดยปราศจากมูลความจริง เกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐสภาไทยขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงและขอประณามอย่างรุนแรงต่อถ้อยแถลงอันเป็นเท็จที่ไม่มีมูลความจริงดังกล่าว ที่ปราศจากความถูกต้อง ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงตามที่กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยแถลงอย่างเป็นทางการถึงเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น รวมถึงมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา รัฐบาลไทยได้ฟ้องไปยังประธานอาเซียน ผู้นำสหรัฐอเมริกา และผู้นำจีนแล้ว ขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่อาจสร้างความเข้าใจผิด ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงเพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียว ทั้งนี้ ไทยยังคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล การคุ้มครองชีวิตพลเรือนและข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดศบ.ทก.ระบุไทยพร้อมประชุมจีบีซี4ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ขอเน้นย้ำไทยยังคงยึดมั่นเรื่องความอดทนอดกลั้น ดำเนินการด้านสันติภาพปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม แต่ทหารไทยถูกละเมิดอธิปไตย จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเหมาะสมเพื่อปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน วันที่ 4 ส.ค. กำหนดประชุมจีบีซี เรามีความพร้อม ขณะนี้รอกัมพูชาส่งหนังสือเชิญประชุมตามที่ตกลงกันไว้ สำหรับตัวเลขผู้อพยพตามศูนย์พักพิงขณะนี้มีจำนวน 190,104 คน ในศูนย์พักพิง 780 แห่ง ที่ประชุม ศบ.ทก.ยังพูดถึงการห้ามบินโดรนในพื้นที่ที่อาจกระทบความมั่นคงของประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยประกาศห้ามทำการบินโดรนหรือปล่อยอากาศยานไร้คนขับ ในพื้นที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดใน 14 จังหวัด นอกจากนี้ยังห้ามบินโดรนทุกประเภทในรัศมี 9 กิโลเมตร หรือ 5 ไมล์ทะเล จากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวทุกแห่งโดยเด็ดขาด ผู้ใดที่ฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับยอดรวมพลเรือนเสียชีวิต 15 รายนพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งพลเรือน ประจำวันที่ 30 ก.ค. ข้อมูลเวลา 10.00 น. ปัจจุบันพลเรือนที่ได้รับผลกระทบ 53 ราย เสียชีวิต 15 ราย มีที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เป็นพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ปัจจุบันมีพลเรือนที่กำลังแอดมิตอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 11 ราย เป็นผู้ที่มีอาการสาหัส 8รายบาดเจ็บปานกลาง 3 ราย ผู้ป่วยกลับบ้านได้แล้ว 13 ราย ผลกระทบในส่วนของ รพ.มีทั้งหมด 20 แห่งที่ต้องปิดบริการ เป็นการปิดบริการแบบทั้งหมด 11 โรงพยาบาล โดย 9 แห่งเป็นการปิดบางส่วนที่ยังเปิดให้บริการในส่วนที่เป็นห้องฉุกเฉินอยู่ สำหรับทีมปฏิบัติการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข มอบหมายทั้งหมด 1,168 ทีม ให้พร้อมดูแลประชาชน ประกอบด้วยทีมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีม Mini Mert ทีม ALS และทีม MCATT และทีม SEHRT ปัจจุบันมีการปฏิบัติงานอยู่ 494 ทีม ในเขตพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบหนีภัยสู้รบจนเครียดผูกคอตายคาศูนย์ทางด้านนายธนกฤต จิตร์อารีรัตน์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานมีผู้เสียชีวิต จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชารายใหม่ในศูนย์อพยพวัดบ้านหนองทอง ชื่อนายสม พงศ์ศรี อายุ 65 ปี ที่อยู่ 61 ม.7 ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเข้ามาลงทะเบียนพักในศูนย์พักพิง พร้อมลูก 4 คน เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ต่อมาวันที่ 25 ก.ค. บ่นอยากกลับบ้านรู้สึกหงุดหงิด จากนั้นวันที่ 29 ก.ค. ญาติแจ้งว่าไม่พบผู้ประสบเหตุ จึงออกตามหาเพื่อร่วมกิจกรรมและรับประทานอาหารกลางวัน แต่หาไม่พบ จนวันที่ 30 ก.ค. เวลา 09.30 น. ทีมผู้นำและชาวบ้านที่ออกตามหา ไปพบร่างผู้เสียชีวิตผูกคออยู่ห่างจากศูนย์อพยพฯ 1 กม. จึงส่งชันสูตรพลิกศพ รพ.เดชอุดม 1 การตรวจสอบไม่พบประวัติการรักษายาเสพติดหรือโรคเรื้อรังในระบบ แต่มีพฤติกรรมแยกตัว ชอบอยู่คนเดียว ก่อนเสียชีวิตบ่นอยากกลับบ้านและจากข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าผู้เสียชีวิตมาลงทะเบียนในศูนย์พักพิงแต่ไม่ได้อยู่ประจำ ไปนอนพักที่บ้านญาติส่ง ฮ.ช่วย 19 ทหารพรานติดกลางป่า 137 ชม.ขณะที่โลกโซเชียลเผยแพร่เหตุการณ์ เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 กองพันบินที่ 3 กกล.สุรนารี บินรับตัว 19 ทหารพรานที่ติดอยู่ในป่าชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.น้ำยืน อุบลฯ หลังการปะทะกับฝ่ายกัมพูชา นานถึง 137 ชั่วโมง และทหารพรานทุกนายปลอดภัย โดยเฟซบุ๊กของกองพันบินที่ 3 เผยแพร่คลิปวิดีโอ เฮลิคอปเตอร์นำชุดปฏิบัติการกองทัพบก กองพันบินที่ 3 กองกำลังสุรนารี ออกค้นหาและกู้ภัยช่วย 19 ทหารพราน ที่ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่เขตปะทะ น้ำยืน อุบลฯ และประจำจุดตรวจการณ์เพื่อป้องกันการล้ำแดนของทหารกัมพูชาที่ขาดการติดต่อไป ตั้งแต่เวลา 01.00 น. วันที่ 23 ก.ค. โดยเฮลิคอปเตอร์ได้บินค้นหาจนพบทหารพรานทั้ง 19 นาย เดินอยู่กลางป่ารกทึบและอยู่ในสภาพอิดโรย ตามร่างกายมีบาดแผลเล็กน้อย เนื่องจากติดอยู่ ในป่าเกือบ 1 สัปดาห์ หากไม่มีอากาศยานมารับ ต้องใช้เวลาเดินเท้าออกมา 3-4 วัน โดยปฏิบัติการบินในสภาพอากาศที่แปรปรวน ภูมิประเทศที่รกทึบ เป็นอุปสรรคต่อภารกิจนี้ แต่สามารถช่วยทหารพรานทุกนายอย่างปลอดภัยออกมาได้ในวันที่ 29 ก.ค. โดยเฮลิคอปเตอร์ได้บินไปช่วยเหลือรวม 3 เที่ยวด้วยกันสดุดี 3 ทหารกล้ารบถวายหัวจนพลีชีพในส่วนทหารกล้าที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจเปิดศึกประจัญบานกับทหารกัมพูชาอย่างถวายหัว เพื่อปกป้องแผ่นดินรักษาอธิปไตยไทย จนต้องพลีชีพอีก 3 ราย ในสมรภูมิรบตาควาย ตาเมือนธม เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ประกอบด้วย 1.จ่าสิบเอก ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย (จ่าจุ้ย) สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 และ 2.พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 รายที่ 3 จ.ส.อ.อภิรมย์ ทรงพุฒิ (จ่าแยม) ทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชชัย จ.ขอนแก่น ในสมรภูมิรบตาควาย ตาเมือนธม เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ค.ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญสดุดีจากประชาชนไทยทั้งประเทศถึงวีรกรรมอันห้าวหาญพ่อแม่ช็อกหลังรู้ข่าวลูกตายในสนามรบต่อมาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวไปพบนายสายยนต์และนางสำเนียง ทรงพุฒิ พ่อแม่จ่าแยมกับญาติพี่น้อง ที่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 4 บ้านนาหว้า ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย บ้านเกิดของจ่าแยม พบทุกคนกำลังโศกเศร้าเสียใจกับการสูญเสียจ่าแยมในสมรภูมิรบครั้งนี้และช่วยกันจัดเตรียมพิธีรับร่างของจ่าแยมกลับบ้านเกิด นางสำเนียงเผยว่า มีลูกชาย 2 คน เป็นทหารทั้งคู่ จ่าแยมเป็นลูกคนเล็ก นาทีที่แฟนลูกชายโทร.มาบอกว่าพี่แยมเสียแล้วที่สนามรบได้ยินแล้วช็อกจนตัวสั่น การจากไปของลูกชายที่ทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องประเทศชาติรู้สึกภูมิใจ แต่ก็เสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายไป ขณะที่นายสายยนต์กล่าวว่าทั้งภูมิใจและเสียใจ ขอให้ลูกชายหลับให้สบายไม่ต้องห่วงพ่อแม่ภูมิใจน้องปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิตด้าน จ.ส.อ.อนุพงศ์ อายุ 33 ปี พี่ชายจ่าแยม ทหารค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองพันทหารขนส่ง ที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 จ.พิษณุโลก เผยว่า ช่วงตอนตี 1 กว่า คืนวันที่ 28 ก.ค. มีเพื่อนทักมาถามว่า ได้ข่าวแยมไหมลองหาข่าวดู รู้สึกเอะใจ กระทั่งมีคนโทร.ไปบอกแม่และแม่โทร.มาบอก ช่วงตี 2 จึงทราบว่าน้องชายโดนแล้ว ตกใจมากและเสียใจที่น้องมาจากไปแต่ภูมิใจที่น้องปกป้องอธิปไตย รักชาติรักษาผืนแผ่นดินไทยจนวาระสุดท้ายของชีวิต สำหรับกำหนดการส่งร่าง จ.ส.อ.อภิรมย์ ทรงพุฒิ จาก รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับบ้านเกิดมีขึ้นวันที่ 31 ก.ค. เวลา 16.00 น. นำร่างประกอบพิธี ที่วัดเนรมิต วิปัสสนา อ.ด่านซ้าย วันที่ 1-3 ส.ค. เวลา 18.30 น. สวดพระอภิธรรม วันที่ 4 ส.ค. เวลา 15.00 น. พิธี พระราชทานเพลิงศพส่งศพ “วีรบุรุษช่องสายตะกู” กลับบ้านส่วนศพของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย หรือจ่าจุ้ย อายุ 39 ปี ทหารค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ จ.อุดรธานี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณฐานปฏิบัติการช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ถูกส่งมารักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ และเสียชีวิตเวลา 23.29 น. วันที่ 29 ก.ค.นั้น เมื่อวันที่ 30 ก.ค.มณฑล ทหารบก 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก อ.เมืองบุรีรัมย์ จัดพิธีส่งร่าง จ.ส.อ.ธีระยุทธกลับภูมิลำเนาไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ที่วัดเนินนิมิตร บ้านโคกกลาง ต.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย อย่างสมเกียรติ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ในค่าย โดยมีนางมยุริน ภรรยา มารอรับศพด้วยและขบวนได้แวะที่ค่ายเจ้าพระยาฯ มณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ให้เพื่อนทหารร่วมค่ายเคารพศพและไว้อาลัยท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า ระหว่างนั้น ด.ญ.จุฑามาศ สีจุ้ยจ้าย หรือ น้องปิ่นมุก บุตรสาวจ่าจุ้ย ได้ร่ำไห้ก้มลงจูบรูปหน้าศพพ่อ สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก ก่อนที่ขบวนส่งศพจะเคลื่อนต่อไปยัง จ.หนองคาย บ้านเกิดจ่าจุ้ยพระราชทานเพลิงศพ “จ่าเจมส์” สมเกียรติที่วัดตลาดราชมงคล บ้านอ้น ต.หัวช้าง อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ก.ค. พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.ทบ. เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น หรือจ่าเจมส์ ทหารสังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 อีกหนึ่งวีรบุรุษในสมรภูมิรบ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ เมื่อเช้ามืดวันที่ 25 ก.ค.มีคณะผู้บังคับบัญชา กำลังพล สมาชิกสมาคมแม่บ้าน ทบ. กองพลทหารราบที่ 6 หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ กำลังพล เพื่อนทหาร ตลอดจนครอบครัวและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีส่งร่าง จ.ส.อ.จิรายุ จำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดเศร้าโศกมีแต่เสียงร่ำไห้ภรรยาใจจะขาดร่ำไห้อาลัยรักสามีโดยเฉพาะ “น้องบุ๋ม” ภรรยาของจ่าเจมส์ที่เพิ่งใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเพียง 3 ปีเศษ ได้ร่ำไห้อาลัยรักสามีปานจะขาดใจ ทำให้ผู้มาร่วมงานต่างหลั่งน้ำตาด้วยความสงสารสุดหัวใจ พล.อ.ณัฐวุฒิ ได้มอบธงไตรรงค์ให้กับครอบครัวและทายาท เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลและแสดงถึงความหาญกล้าในการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาผืนแผ่นดินไทย พร้อมทั้งมอบเงินบำรุงขวัญกองทัพบก เงินฌาปนกิจสงเคราะห์กองทัพบก เงินช่วยเหลือพิเศษ 3 เท่า และเงินช่วยเหลือพระราชทาน ตลอดจนกองทัพบกได้ดูแลสิทธิและเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการและภาคส่วนต่างๆ พร้อมกับจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวในด้านอื่นๆต่อไป การได้รับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในครั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ นำมาซึ่งความปลื้มปีติ เป็นเกียรติยศอันสูงสุดแก่ครอบครัว “สิงห์อ้น” สร้างความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวเป็นล้นพ้น ซึ่งวีรกรรมครั้งนี้ได้รับการปูนบำเหน็จ 5-7 ชั้นยศชาวไทยสรรเสริญวีรกรรม “หมวดบุ๊ค”นอกจากนี้ ชาวไทยทั้งประเทศรวมทั้งชาวชลบุรีและโลกโซเชียลยังสดุดีวีรกรรมอันห้าวหาญในสนามรบปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ของนักรบผู้กล้า “หมวดบุ๊ค” ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 60 และนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ 71 ศิษย์เก่าโรงเรียนสิงห์สมุทร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ นำชุดปฏิบัติการรบพิเศษเข้าเคลียร์พื้นที่ปราสาทตาควายและกรุยทางให้ทหาร ร.31 รอ.นำกำลังบุกเข้ายึดพื้นที่และสามารถยึดคืนปราสาทตาควายที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ชาติไทย กลับคืนมาได้สำเร็จ โดยต้องแลกมาด้วยขาขวาของ “หมวดบุ๊ค” ที่พลาดเหยียบกับระเบิดของทหารกัมพูชาและแม้เวลานี้หมวดบุ๊คจะต้องสูญเสียขา แต่ยังมีความสุขยิ้มได้และภูมิใจเป็นที่สุด ที่ชาติหนึ่งได้เกิดมาเป็นชายชาตินักรบ ทำหน้าที่ทหารของพระราชาอย่างกล้าหาญ สมเกียรติ สมศักดิ์ศรีเผยเรียนเก่งเพิ่งจบหลักสูตร SEALสำหรับ “หมวดบุ๊ค” ปัจจุบันอายุ 24 ปีเป็นบุตรนาวาเอกสุเทพ สถาวร สังกัดกองทัพเรือ ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่อารักขาเมื่อครั้งเกิดเหตุสึนามิ และเรือโทหญิงจรรยา สถาวร สังกัดกองทัพเรือ จบการศึกษาจากโรงเรียนปลูกปัญญา โรงเรียนดาวนายร้อยภูเก็ต โรงเรียนสิงห์สมุทร และสถานกวดวิชาหุบเขามังกรหลับ สอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 60 และนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ 71 เข้ารับพระราชทานกระบี่ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.68 ประจำการกรมรบพิเศษที่ 2 (รพศ.2 พัน2) จบหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ SEAL แห่งกองทัพเรือไทย รุ่นที่ 53 สำเร็จหลักสูตรเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีพลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ เป็นประธานประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถ ณ ดาดฟ้า เรือหลวงจักรีนฤเบศรและหลักสูตรจิตอาสา 904 รุ่นที่ 1/61 รุ่น “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์”ญาติทำพิธีเชิญ 7 ดวงวิญญาณบรรยากาศที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ในพื้นที่ของอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่กระสุนปืนใหญ่ตกลงมาใส่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจุดนี้ถึง 7 ศพ วันนี้ร้านค้า ยังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของความเสียหาย กระจก โครงสร้างร้าน รวมไปถึงข้าวของภายในพังเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ยังคงเน้นย้ำไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปพื้นที่เสี่ยงด้านในโดยเด็ดขาด เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุที่อาจจะตกค้างอยู่ด้านใน ตลอดจนพื้นที่โดยรอบ ทั้งถนนหนทางใกล้เคียงโซนพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ยังมีการติดป้ายเตือนห้ามผ่านเส้นทางบางจุด ข้อความระบุว่า “อันตราย มีระเบิดยังไม่เก็บกู้” ตามพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆด้วย สำหรับวันนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ภายในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ ทยอยเดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ประกอบไปด้วย 3 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวของ น.ส.รุ่งรัศ ประชัน อายุ 40 ปี ด.ญ.ทักษพร ประชัน อายุ 14 ปี และ ด.ช.พงศภัค ประชัน อายุ 8 ปี (แม่และลูก) ครอบครัวของ ด.ช.กิตติศักดิ์ คำวัง อายุ 8 ปี และครอบครัวของ น.ส.สาวิตรี อ่อนทรวง อายุ 19 ปี (พนักงานเซเว่น) บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า บรรดาญาติต่างถือรูปภาพของผู้เสียชีวิต และนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆตามความเชื่อมาทำพิธี รวมไปถึงชุดนักเรียนของเด็กน้อยที่เสียชีวิต ญาติบางคนปาดน้ำตาตลอดเวลา บางคนร้องไห้จนยืนแทบไม่ไหว เพราะต้องมา สูญเสียเสาหลักของครอบครัว บางรายยังเป็นเด็กน้อยที่ยังไร้เดียงสาผบ.สูงสุดมาเลย์พบ มทภ.1-2 ไทยเวลา 19.36 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยผลการประชุมหารือระหว่าง พล.อ.ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซีย กับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 ในโอกาสนำคณะเข้าหารือรับทราบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซีย พบปะหารือกับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่กองบินที่ 21 จ.อุบลราชธานี แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงมูลเหตุสถานการณ์ก่อนจะนำมาสู่การสู้รบกันของทั้ง 2 ประเทศ ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซียแสดงความเข้าใจในบริบทของทั้ง 2 ฝ่าย เสนอให้ใช้กลไกความร่วมมือแก้ไขปัญหา กรณีที่ฝ่ายไทยรู้สึกว่าถูกยั่วยุ เสนอให้ใช้กลไกประสานงานผ่านผู้ช่วยทูตทหารไทย-มาเลเซีย หรือคณะประสานงานที่จัดตั้งไว้เข้าแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย มาเลเซียพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ต่อมา ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซีย พบ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 แจ้งว่ามาเลเซียพร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางทำให้เกิดความสงบและสันติสุขในภูมิภาคชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเตรียมจัดตั้งทีมผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ (DA TEAM) และทีมสังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Monitoring Team) สังเกตการณ์หยุดยิงและรายงานข้อมูลให้กลุ่มประเทศอาเซียนรับทราบข้อเท็จจริงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่