ระทึกน้ำล้อมสุโขทัยจ่อทะลักท่วมเมืองจมบาดาล ผวาพนังกั้น น้ำยมแตกเป็นช่วงๆ กระแสน้ำ เชี่ยวกรากไหลบ่าเป็นน้ำตก เจ้าหน้าที่เร่งเสริมบิ๊กแบ็กเพิ่มความสูงคันกั้น พร้อมอพยพชาวบ้านพื้นที่เสี่ยง เก็บข้าวของไปอยู่ที่ปลอดภัย รมว.สาธารณสุขสั่งระดมบุคลากรทางการแพทย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง-ติดเตียงไปดูแลที่โรงพยาบาลหรือศูนย์พักพิง ขณะที่เมืองสองแควเตรียมใช้ “บางระกำโมเดล” รับมือมวลน้ำมหาศาลจากลุ่มน้ำยม-น่านสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือตอนล่าง หลายพื้นที่ยังคงวิกฤติ โดยเฉพาะ จ.สุโขทัย ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค. มวลน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลผ่านตัวเมืองสุโขทัย ได้กระแทกแนวพนังกั้นน้ำคอนกรีต ความสูง 2 เมตร หลังบ้านของนางประนอม เกี๋ยวคำ อายุ 73 ปี ชาวบ้านชุมชนคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย จนพนังแตก ส่งผลให้น้ำจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมภายในชุมชนอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านต่างขนของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผวจ.สุโขทัย สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลืออพยพชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงออกจากพื้นที่ ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านนายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย ระดมเจ้าหน้าที่นำบิ๊กแบ็กวางปิดบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เพื่อปิดเส้นทางน้ำไม่ให้ไหลทะลักเพิ่มเป็นวงกว้างต่อมาเวลา 11.00 น. กระแสน้ำยมเชี่ยวกรากได้ซัดกระสอบทรายที่วางเสริมบิ๊กแบ็กด้านหลังโกดังเบียร์ช้าง หมู่ 4 ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย จนแตกอีกครั้ง มวลน้ำทะลักเข้าท่วมภายในชุมชนวังหิน ระดับน้ำสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง กระแสน้ำยังไหลเข้าท่วมภายในโรงกรองน้ำของการประปาปากแคว และถนนจรดวิถีถ่อง (สุโขทัย-ศรีสำโรง) อย่างรวดเร็ว รถเล็กวิ่งผ่านไม่ได้ สถานการณ์น้ำล่าสุดในเขต อ.เมืองสุโขทัย ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่จุดวัดน้ำ Y4 หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย วัดได้ 7.98 เมตร จากระดับตลิ่ง 8.15 เมตร ปริมาณน้ำ 472.40 ลบ.ม./วินาที อยู่ในเกณฑ์น้ำมากวิกฤติ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 5 ซม. จังหวัดได้ประกาศเตือนประชาชนในเขต อ.เมืองสุโขทัย ที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำยม ให้เตรียมอพยพคน สิ่งของ และสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในศูนย์พักพิงที่จัดไว้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "วิภา" และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่ส่งผลกระทบต่อสถานบริการสาธารณสุข ขณะนี้ได้รับรายงาน 23 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาล 7 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 3 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 13 แห่ง ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบคือ จ.น่าน เป็น รพ.สต.น่าน 10 แห่ง เชียงราย 3 แห่ง ส่วนรพ.6 แห่งยังให้บริการได้ ยกเว้น รพ.น่าน ที่ปิดให้บริการนายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ จ.สุโขทัย ได้รับรายงานน้ำท่วมบ้านเรือนและถนนใน ต.วังทอง และ ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง กระทบประชาชนราว 180 คน และพนังกั้นริมแม่น้ำยมพัง น้ำท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.ธานี ต.ปากแคว และ ต.ยางซ้าย อ.เมืองสุโขทัย กระทบต่อประชาชนประมาณ 1,000 คน น้ำยังเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนใน ต.คลองมะพลับ อ.ศรีนคร ทั้ง 3 อำเภอ ไม่มีหน่วยบริการหรือหน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขได้รับผลกระทบ ได้สั่งการไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ร่วมกับรอง ผอ.รพ.สุโขทัย รพ.ศรีสังวร สุโขทัย และทีมสหวิชาชีพ เข้าเยี่ยมประชาชน และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง ติดเตียง ไปดูแลที่โรงพยาบาลหรือศูนย์พักพิง มอบชุดยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสำรองไว้ 1,000 ชุด พร้อมกันนี้ รพ.สุโขทัย ได้เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันน้ำหลากเข้าโรงพยาบาล จัดเตรียมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อออกให้บริการประชาชน หากมีภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานานนายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วน จ.พิษณุโลก มีรายงานว่ากำลังเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำจากแม่น้ำยม ที่คาดการณ์ว่ามวลน้ำจะถึง อ.บางระกำ ในวันที่ 27 ก.ค. เตรียมแผนในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง เตรียมยาและเวชภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 300 ชุดพร้อมทั้งเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC) เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์แล้ว 3 จังหวัด สุโขทัย พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ขอให้ทุกพื้นที่ติดตามสถานการณ์และรายงานเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ปลอดภัย เน้นประเมินสถานการณ์และการเคลื่อนย้ายก่อนวิกฤติ สำรองยาและเวชภัณฑ์ หากขาดแคลนจะประสานสนับสนุนระหว่างจังหวัดในเขตสุขภาพวันเดียวกัน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมนายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นำคณะลงพื้นที่ประตูระบายน้ำ DR 2.8 ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการบริหารจัดการลุ่มน้ำยม-น่าน จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการผันน้ำจากแม่น้ำยม ลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ และป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรมตามโครงการ “บางระกำโมเดล”นายสุรสีห์กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานชลประทานที่ 3 ได้บูรณาการแผนงานอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งพร่องน้ำจากแม่น้ำยมสายหลักและสายเก่าในพื้นที่ อ.บางระกำ และ อ.พรหมพิราม ควบคู่กับการระบายน้ำผ่านประตู DR 2.8 ลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อเตรียมรับมือกับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูมรสุม ด้านพื้นที่หน่วงน้ำทุ่งบางระกำ ขณะนี้เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วประมาณร้อยละ 30 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางเดือนสิงหาคม ในช่วงนี้จะยังไม่ผันน้ำเข้าทุ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ครบถ้วน ก่อนเข้าสู่แผนการบริหารจัดการน้ำในลำดับถัดไป การบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปีนี้ ดำเนินการผ่านศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน จ.สุโขทัย ด้วยระบบข้อมูลเรียลไทม์ และการประสานงานทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ และลดความเสี่ยงจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงของภาคเหนือตอนล่างอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่